ค่าเงินบาทวันนี้ 28 มิ.ย. 67 ‘แข็งค่า‘ จากดอลลาร์อ่อนค่า - ราคาทองคำรีบาวด์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า "ค่าเงินบาทวันนี้" ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.83 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.86 บาทต่อดอลลาร์
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.75-36.90 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ และประเมินกรอบเงินบาท 36.65-37.00 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ sideways down (แกว่งตัวในช่วง 36.77-36.87 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยจังหวะการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์ และการรีบาวด์ขึ้นเกือบ +30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่ได้แรงหนุนจากการย่อตัวลงของทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ ทั้งนี้ เงินบาทยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นได้ต่อเนื่อง หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ และการดีเบตรอบแรกของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ อีกทั้ง ราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ทำให้อาจมีโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันกลับเข้ามากดดันเงินบาทได้บ้าง
แนวโน้มค่าเงินบาท
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทได้ชะลอลงบ้าง จากอานิสงส์การรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ส่วนเงินดอลลาร์อาจแกว่งตัว sideways ไปก่อน เพื่อรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในช่วงคืนวันศุกร์นี้ (เวลาราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย) อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนของตลาดการเงิน ในช่วงตลาดติดตาม การดีเบตรอบแรกระหว่างผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (เวลาประมาณ 8.00 น. – 9.30 น.) แต่เราประเมินว่า ตลาดการเงินอาจให้น้ำหนักกับรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE มากที่สุด โดยหากอัตราเงินเฟ้อชะลอลงต่อเนื่องตามคาด หรือ ชะลอลงมากกว่าคาด อาจช่วยหนุนให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งเชื่อว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ ทำให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจย่อตัวลงบ้าง ส่งผลให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ ส่วนเงินบาทก็อาจแข็งค่าทดสอบแนวรับระยะสั้นแถว 36.60-36.70 บาทต่อดอลลาร์ได้
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวและผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ก็ยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ และการดีเบตรอบแรกระหว่างผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ อย่างไรก็ดี การย่อตัวลงบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็มีส่วนช่วยหนุนให้บรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ปรับตัวขึ้นบ้าง อาทิ Amazon +2.2%, Meta +1.3% ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq +0.3% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.09%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.43% กดดันโดยแรงขายบรรดาหุ้นฝรั่งเศส อาทิ LVMH -1.6% ตามการลดความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาดก่อนเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศส ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้างจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ เช่นเดียวกับฝั่งสหรัฐฯ อาทิ ASML +1.4% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานก็ปรับตัวขึ้นเช่นกันตามการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาย่อตัวลงสู่ระดับ 4.29% หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดก็ออกมาผสมผสาน โดยแม้ว่าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสแรกจะอยู่ที่ +1.4% จากไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าคาดเล็กน้อย ทว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Jobless Claims) ยังคงปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.839 ล้านราย แย่กว่าคาดเล็กน้อย นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็คาดหวังว่า รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในวันศุกร์ จะสะท้อนภาพการชะลอลงเพิ่มเติมของอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนใช้จังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้นในการทยอยเข้าซื้อ สอดคล้องกับคำแนะนำของเราที่ ย้ำว่า ในทุกๆ จังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวที่น่าสนใจ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดในระยะข้างหน้ามีเพียงแค่ “คง” หรือ “ลง”
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ sideways โดยมีจังหวะย่อตัวลงบ้าง ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน ทว่าเงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่กลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องจนเข้าใกล้ระดับ 160.8 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถว 105.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.7-106 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ การย่อตัวลงบ้างของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่กลับมาร้อนแรงขึ้น ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2,330-2,340 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังที่จะเห็นการชะลอลงต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในภาคการบริการที่ไม่รวมราคาที่พักอาศัย (Core Services ex. Housing) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด รวมถึง รอจับตาการดีเบตรอบแรกระหว่างผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (Joe Biden vs Donald Trump)
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้นและระยะยาว (Inflation Expectations) ที่สำรวจโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ ECB อาจใช้พิจารณานโยบายการเงิน