ปรับเงื่อนไข Thai ESG ลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาท
ปรับเงื่อนไข Thai ESG ลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาท
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมนางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. และ นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ร่วมแถลง มาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน
โดย นายพิชัย ได้ฉายภาพสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ พบว่า ตลาดหุ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของไทยได้เผชิญกับความท้าทายจากหลายปัจจัย
เปิดชื่อ 3 ประเทศโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในไทยมากที่สุด
เปิดท็อป 3 หอบเงินลงทุนไทย 5 เดือนแรก 7 หมื่นล้านบาท
ทั้งปัญหาเงินเฟ้อปัญหาดอกเบี้ย แต่เศรษฐกิจของไทยเริ่มมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นสอดคล้องไปกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน มีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้นระดับราคาของหุ้นไทยที่ปรับลดลงในขณะที่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
เป็นโอกาสของการเข้าลงทุนในระยะยาว ที่รับความเสี่ยงผันผวนในระยะสั้นเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ตอบโจทย์การสร้างความเพียงพอ ความมั่นคงทางการเงินของผู้ลงทุนได้ เพื่อส่งเสริมการออมการลงทุน จูงใจให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เกิดการออม และยังสร้าง เม็ดเงิน เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
ปรับเงื่อนไข การลงทุน กองทุน Thai ESG ขยายวงเงินที่นำไปลดหย่อนภาษีเงินได้
กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี ปรับเงื่อนไข การลงทุน กองทุน Thai ESG ขยายวงเงินที่นำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท จากเดิมสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท รวมทั้ง ปรับลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี นับจากวันที่ซื้อ จากเดิม 8 ปี
คาดว่าจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ ไม่เกิน 2 สัปดาห์ โดยให้มีผลย้อนหลังการลงทุนตั้งแต่ 1 ม.ค. 2567 รวมทั้ง จะมีการปรับเพิ่ม หุ้นยั่งยืนที่ ThaiESG เข้าไปลงทุนได้ อีกจำนวน 200 หุ้น จากเดิม 100 หุ้น รวมเป็น 300 หุ้น ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น
เตรียม ปัดฝุ่น กองทุนรวมวายุภักษ์
นอกจากนี้ นายพิชัยยังระบุว่า เตรียม ปัดฝุ่น กองทุนรวมวายุภักษ์ นำกลับมาอีกครั้ง เพื่อเสริมสร้างกลไกการออม การลงทุนให้กับประชาชนผ่านรูปแบบการลงทุนร่วมของภาครัฐ และการมีโครงสร้างผลตอบที่มีขั้นต่ำ ขั้นสูง การกำหนดลำดับของสิทธิการได้รับผลตอบแทนที่จะรองรับกลุ่มของผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แตกต่างกัน
โดยได้ให้การบ้านโดยการที่เกี่ยวข้องไปศึกษา ละเอียด 1 เดือน คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น
ด้านมาตรการยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุน ก.ล.ต. ร่วมกับ ตลท. และ ASCO ได้ผลักดันมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะป้องกันการขายชอร์ต การซื้อขายด้วยโปรแกรมเทรด ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเร่งรัดให้เกิดการดำเนินการที่คำนึงถึงผลกระทบด้านต่างๆ อย่างรอบคอบ
โดยส่วนใหญ่จะดำเนินการได้ต้นเดือน ก.ค. 67 ทั้งนี้ ก.ล.ต. และ ตลท. จะติดตามผล มีการทบทวนมาตรการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อย่างเข้มงวด
ขณะที่การ พัฒนาตลาดทุนให้ความสำคัญกับสังคมดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียวอีกด้วย เช่น โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุนในทุกขั้นตอนทั้งระบบ (end to end) ให้เป็นดิจิทัล การระดมทุนจากสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในตลาดที่มีการกำกับดูแลเพื่อคุ้มครองนักลงทุนและสร้างความโปร่งใสที่เชื่อถือได้ให้เกิดขึ้น สนับสนุนการวางโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญเพื่ออนาคตของตลาดทุนไทยจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เอาชนะความท้าทาย ที่มาเผชิญกับเศรษฐกิจไทย และสามารถสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับผู้เกี่ยวข้องและผู้ลงทุน