ตามรอย ‘ลิซ่า’ อวด Soft Power ไทย! จากสวมชฎา สู่เสน่ห์ ‘เยาวราช’ เขย่าโลก
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ลิซ่า - ลลิษา มโนบาล นับเป็นซูเปอร์สตาร์ต้นแบบของคนรุ่นใหม่ ที่ได้สร้างปรากฏการณ์และจุดพลัง Soft Power ของไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งผ่านผลงานเพลงและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต อาทิ การนำเสนอเครื่องแต่งกายผ้าไทย วัฒนธรรมอาหาร แหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย
สำหรับด้าน “การท่องเที่ยว” นั้น ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวผ่านอุตสาหกรรมบันเทิงที่จะเข้ามาช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศอย่างมาก มีผลต่อการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และมีผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยวในเชิงสร้างสรรค์ของนักท่องเที่ยว ตั้งแต่ความสำเร็จของผลงานเหล่านี้
- MV ซิงเกิลแรกในผลงานเดี่ยวของลิซ่าเมื่อปี 2564 กับผลงานเพลง “LALISA” ปรากฏภาพของการแต่งกายชุดไทยประยุกต์สีทอง ทอด้วยผ้าทอยกดอกลำพูน สวมชฎา ออกแบบโดยนักออกแบบชาวไทย (หมู อาซาว่า) ซึ่งปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น และมีฉากหลังเป็นปราสาทหินพนมรุ้ง
- การกล่าวถึงอาหารการกินท้องถิ่นผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวของลิซ่า อาทิ โรตีสายไหม จ.พระนครศรีอยุธยา และ ลูกชิ้นยืนกิน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ด้านอาหารของพื้นที่ ส่งผลให้เกิดกระแสตามรอย โดยเฉพาะเมนูลูกชิ้นยืนกินของลิซ่า ที่มีกระแสความสนใจประจวบเหมาะกับช่วงที่ จ.บุรีรัมย์ มีแผนในการจัดเทศกาลลูกชิ้นยืนกิน ปี 2564 พอดี ทำให้มีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศแห่แหนเดินทางไปท่องเที่ยว จ.บุรีรัมย์ จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ Go Viral และกระแสวัฒนธรรมอาหารไทยไปทั่วโลก โดยเฉพาะคนไทยที่รู้สึกตื่นเต้น ตื่นตัว และภาคภูมิใจในความเป็นไทยและตัวลิซ่าเป็นอย่างมาก
- การนุ่งผ้าถุงมัดหมี่ย้อมครามหมักโคลน ลายขอนาค จ.อุดรธานี เดินทางไหว้พระและเยือนโบราณสถานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทรัพย์สินทางปัญญาที่งดงามของชาวไทย เกิดกระแสนิยมแต่งกายชุดไทยตามแบบลิซ่าด้วย และผ้าถุงมัดหมี่ย้อมครามหมักโคลน ลายขอนาค ก็มียอดจำหน่ายจำนวนมาก
- การสวมใส่ชุดแบรนด์ไทยอย่าง PIPATCHARA ซึ่งเป็นชุดที่ทำมาจากขยะพลาสติกรีไซเคิล ร่วมงาน อาฟเตอร์ปาร์ตี้ Monaco F1 Grand Prix 2024 บนเรือยอชต์ของ Tag Heuer ที่จัดขึ้นในโมนาโก
จากการที่ ลิซ่า นำเสนอความเป็นไทยผ่านการเดินทางท่องเที่ยว การแต่งกาย อาหาร และไลฟ์สไตล์ ทำให้สิ่งต่างๆ เหล่านั้น เกิดการรับรู้ การพูดถึง และทำตาม ถือเป็น “พลังเชิงบวกมหาศาล” ที่ส่งผลต่อประเทศไทย
นับเป็นโอกาสอันดีที่ ททท. จะได้ต่อยอดประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวอันทรงคุณค่าให้นักท่องเที่ยวชาวไทยได้รู้จักอย่างกว้างขวาง และนำไปสู่การสร้างรายได้สู่เศรษฐกิจฐานรากต่อไป
ฐาปนีย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ททท.ได้ส่งเสริมและเผยแพร่ Soft Power ของไทยเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวในมิติต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
- การออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ Walking Bangkok ย่านเยาวราช-ทรงวาด-ตลาดน้อย รวมถึงดำเนินกิจกรรมการตลาดการท่องเที่ยวรูปแบบต่าง ๆ นำเสนอขายเป็นเส้นทางท่องเที่ยว
- การสนับสนุนการจัดอีเวนต์ เช่น ตรุษจีน และกินเจ
- การจัด Fam Trip ให้กับสื่อมวลชน และผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวต่างชาติในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงกับวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ในพื้นที่ได้อย่างกลมกลืน ทำให้เกิดประโยชน์ต่อห่วงโซ่อุปทานอย่างทั่วถึง
- การประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงอาหาร หรือ Gastronomy Tourism อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเยาวราชเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในเรื่องอาหารการกินมาอย่างยาวนาน ทั้งในกลุ่มชาวไทยและกลุ่มชาวต่างชาติ โดยมีร้านอาหารยอดนิยมทั้ง สตรีทฟู้ด คาเฟ่ และร้านอาหารที่ได้รับคัดเลือกผ่านโครงการ MICHELIN GUIDE THAILAND
ทั้งนี้ จากความโดดเด่นของย่านเยาวราชที่เป็นถนนสายวัฒนธรรมไทย-จีนเก่าแก่และยังคงกลิ่นอายของวิถีดั้งเดิมเหนือกาลเวลา มีโบราณสถานทั้งวัด ศาลเจ้าต่าง ๆ ตลอดเส้นทาง ประกอบกับการเข้ามาของไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเมืองและเกิดขยายธุรกิจของร้านอาหาร คาเฟ่ สตรีทฟู้ด Art Studio ประกอบกับความสะดวกสบายของขนส่งสาธารณะ MRT ที่เข้าถึงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เยาวราชเป็นย่านที่มีชีวิตชีวาอยู่ในทุกยุคทุกสมัย และเป็นเสน่ห์ของย่านเก่าที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้อย่างหลากหลายและครอบคลุม
ดังนั้น หลังจากมีการปล่อยมิวสิกวิดีโอ “ROCKSTAR” ในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ ททท. จึงเชื่อมั่นว่า MV นี้จะเป็นแรงส่งทางการท่องเที่ยวอันทรงพลังและถือเป็นโอกาสที่ดีของ ททท. ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวย่านเยาวราชในมุมมองใหม่ และอาจขยายสู่รูปแบบใหม่ๆ ทั้งการขยายช่วงเวลา ค้นหากิจกรรมทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ มานำเสนอให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์การท่องเที่ยวยุคปัจจุบัน อาทิ ต่อยอดโปรโมตย่านเมืองเก่าของประเทศไทยในตลาดระยะไกล ซึ่งเยาวราชเป็นหนึ่งในแหล่งสำคัญที่นักท่องเที่ยวรู้จักและนิยม, ออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวใหม่เชื่อมโยงพื้นที่ใกล้เคียง อย่างย่านสำเพ็ง วังบูรพา ตรอกหม้อ และเกาะรัตนโกสินทร์
"เราเชื่อว่าปรากฏการณ์นี้จะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นฝั่งผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่ให้ยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการ เพื่อรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยว และ ททท. จะเร่งทำประชาสัมพันธ์เชิงรุก จัดทำ Digital Content คู่ขนาน เผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อร่วมกันสร้างการรับรู้ Soft Power เสน่ห์ไทยในด้านต่างๆ พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก"