‘ที่ปรึกษาสลัม4ภาค’ ห้อยพระ-บนไข่ เชื่อ ‘ล็อกเบอร์’ เจอคนหลับ ไร้อินเนอร์ลุ้น
‘ที่ปรึกษาสลัม4ภาค’ ยอมรับหมดหวัง ห้อยพระ-บนไข่ เชื่อมีล็อกเบอร์ บางคนหมดหน้าที่แล้วเมิน
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน เวลา 09.00 น. ที่ห้อง 322 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ iLaw ร่วมกับ เครือข่ายเยาวชนสังเกตการณ์การเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย (We Watch) และคณะนิติศาสตร์ มธ. จัดเวที ‘ทางข้างหน้า? จากสิ่งที่เห็น’ โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง
เริ่มจากเสวนาวงแชร์ประสบการณ์ ‘เห็นกันตำตากับบทเรียนในระดับประเทศ’ นำโดย นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์, นายรัชพงษ์ แจ่มจิรไชยกุล ตัวแทนไอลอว์, นางนุชนารถ แท่นทอง ส.ว.รายชื่อสำรองกลุ่ม 17 ประชาสังคม และนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย ว่าที่ ส.ว.กลุ่ม 18 สื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม และ นายกฤต แสงสุรินทร์ We Watch
ตามด้วยเสวนาหัวข้อ ‘เลือก ส.ว. จะได้ประกาศผลหรือไม่ ปัญหาการฮั้ว กกต. จะสอยอย่างไร’ มีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ดร.ปุรวิชญ์ วัฒนสุข อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และรองศาสตราจารย์ ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ในตอนหนึ่ง นางนุชนารถ ที่ปรึกษาเครือข่ายสลัม 4 ภาค ผู้สมัคร ส.ว.รายชื่อสำรองกลุ่ม 17 ประชาสังคม จาก จ.สมุทรปราการ ร่วมแชร์ประสบการณ์ในหัวข้อ “เห็นกันตำตากับบทเรียนในระดับประเทศ”
นางนุชนารถกล่าวถึงบรรยากาศในการเลือก ส.ว.ระดับประเทศ ว่าตนเป็นคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาเป็นแกนนำเครือข่ายสลัม 4 ภาค ทำเรื่องคนจนเมือง ที่อยู่อาศัย ตลอดจนความเป็นธรรมทางสังคม ตนเรียนจบ ป.3 มีโอกาสสมัคร ส.ว.ซึ่งในรอบอำเภอ ก็ไม่เห็นความแตกต่าง เพราะมีชาวบ้านในเครือข่ายสลัม 4 ภาค ร่วมโครงการที่รณรงค์ให้คนออกไปเลือก ส.ว. ในขณะที่ชาวบ้านที่พอมีสตางค์ ก็ช่วยออกสตางค์ และไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย ซึ่งเห็นบรรยากาศว่าเวลากลุ่มเราเข้าไป จะถูกมองว่ากลุ่มพวกนี้จ้างมา
“เราได้เข้าไปถึงรอบจังหวัด ก็ยิ่งถูกครหา เขาอาจจะไม่เห็นความสามารถของเรา แต่ดูจากความรู้แล้วก็ติดสินแล้วว่าเรามาจากไหน ทำให้เรารู้สึกว่าเวทีนี้กูต้องไปให้ได้ เพื่อพิสูจน์ว่าเราเป็น ส.ว.ของประชาชนจริงๆ พอเข้าไปในรอบจังหวัด ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่รอบตัดเลือกระดับประเทศ ตื่นตี 3 นอนไม่หลับ ตี 4 ออกไปถึง ตี 5 กลับ 6 โมงเช้าของอีกวัน เพราะไม่ว่าจะเข้ารอบหรือไม่ ก็ต้องรอนับคะแนนจนเสร็จสิ้น” นางนุชนารถกล่าว
นางนุชนารถกล่าวต่อว่า บรรยากาศข้างในมีคนหลากหลายมาก มีทั้งใส่สูทผูกไท ตลอดจนแม่บ้าน มีอาชีพหลากหลาย แต่เจออาชีพที่ใกล้เคียงกัน คนสถานะเดียวกัน ก็ยินดีที่มันเป็นโอกาสของพวกเรา แต่พออยู่ไปนานๆ อยู่กันทั้งคืนก็เริ่มรับรู้ว่า กระบวนการเลือกตั้งมีทุกกลุ่มที่เป็นแบบนี้ คือเหมือนเขาจะรู้จักกันหมด เขาไม่ต้องเดิน เพราะ กกต.ห้ามเดินเพ่นพ่านไปกลุ่มอื่น ให้อยู่ในกลุ่มตัวเอง เวลาจะเข้าห้องน้ำจะมีคนพาไป ไม่มีโอกาสได้ทักทายคนอื่นเลย
“พอเลือกรอบแรก เราจะเห็นว่า การเลือก ส.ว. มันมีเบอร์ที่โดดบ้าง เวลาเลือกแล้วไปจับกลุ่มเพื่อมาช่วยกัน อย่างน้อยก็น่าจะได้ 10 คะแนน แต่คะแนนกลับโดดไปถึง 30-40 คะแนนในกลุ่ม เราก็คิดว่าเขามีพวกเยอะขนาดนี้เลยหรอ แล้วเบอร์ที่โดด ก็ชัดเจนมากจนเราเริ่มรู้สึก”
นางนุชนารถกล่าวต่อว่า เมื่อประกาศผลรอบแรก ว่าตนเป็น 40 คนที่จะไปไขว้กับกลุ่มอื่น ส่วนตัวตื่นเต้นมาก เพราะเราทราบมาว่า ส.ว.ฝั่งประชาชนตกไปเกือบหมดเลย เหลือกลุ่มละไม่กี่คน หรือไม่เลือกเลยด้วยซ้ำ
“เราจะมี ส.ว.ประชาชนหรือเปล่าหนอ เพื่อจะไปแก้กฎหมาย เราก็คิดเพราะเราไม่รู้จักเขาเลย แม่ว่าสถานะชนชั้นเดียวกัน แต่เหมือนพูดกันไม่รู้เรื่อง เมื่อเลือกไขว้ได้อยู่กับกลุ่ม 1 ความมั่นคง กลุ่ม 4 สาธารณสุข กลุ่ม 6 ทำสวน เราอยู่กลุ่ม 17 ประชาสังคม รู้สึกหนักใจมากเพราะเราไม่รู้จักใครเลย ไม่มีโอกาสได้ดินไปพบใคร มันเป็นความยากลำบากมาก มองไปทางไหนก็หมดหวังในการที่จะเข้ามาเป็น ส.ว.แน่นอน เพราะเราก็ไม่รู้จะโหวตใครเหมือนกัน ดูจากโปรไฟล์แล้วเลือก
ภาพประกอบข่าว
สิ่งที่เห็นคือหลังเลือกเสร็จ ช่วงนับคะแนน คนที่สมัครมาเป็น ส.ว.ตั้งใจมา ก็ต้องนั่งลุ้นคะแนนตัวเอง แต่มีคนบางกลุ่มไม่ได้สนใจ เหมือนหมดหน้าที่ฉัน เอกสาร สว.3 ก็ทิ้งตามโต๊ะ เดินกันไปห้องน้ำ คนที่นับก็นับไป ส่วนคนอย่างเราที่ตั้งใจเป็น ส.ว.ก็นั่งลุ้น จะได้สักคะแนนจากใครไหม เลข 23 56 130 คือเราจำแม่นสุดเลย 3 เบอร์นี้ เพราะว่าเราเบอร์ 57 ใกล้กับเขา ก็นั่งหมดหวัง ความอยากเป็น ส.ว.นั่งลุ้นคะแนนมาก แต่สิ่งเหล่านั้นมันสะท้อนให้เราเห็นว่า มี 6-7 เบอร์ นำโด่งมาก จนไม่มีพื้นที่ให้เรา เราได้มาคนละนิดละหน่อย” นางนุชนารถระบุ
นางนุชนารถเผยอีกว่า ตอนนั้นมีคุณ อังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีอาจารย์ประภาส ปิ่นตบแต่ง นักวิชาการ อดีตอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีคุณประหยัด จตุพรพิทักษ์กุล ที่รู้จักอยู่กลุ่มเดียวกัน มี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ที่ตามนิสัยของทนายก็รู้สึกผิดสังเกต
“ส่วนตัวมองว่า กกต.ก็มีส่วนเหมือนกัน ที่ว่าแต่ละกลุ่มไม่ให้ออกจากกลุ่มตัวเอง แต่เขาไม่ต้องออกจากกลุ่ม เขาก็ได้คะแนน ไม่ต้องสื่อสารหรือปฏิสัมพันธ์กับใคร เบอร์มันถูกล็อกมาในใจอยู่แล้ว มันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ในความรู้สึก ตกกลางคืน เขาทิ้งเอกสารแล้ว ไม่สนใจแล้วใครจะได้ไม่ได้ เพราะหมดหน้าที่เขาแล้ว เราก็เก็บที่หนีบสีดำกลับบ้าน พอเป็นแบบนี้ เรารู้เลยว่าเขามีหน้าที่มาเลือก หลังลงคะแนนเสร็จ เปิดหีบ เขาก็ไม่ได้สนใจ ก็จะแอบนอนตามกลุ่มเดิมที่ให้เอาเอกสารและกระเป๋าไปไว้ เรานั่งจนถึงวินาทีสุดท้าย รู้ว่าเราไม่มีหวังแล้ว แต่ด้วยความเป็นเรา ก็ยังนั่งกันอยู่จนถึงที่สุด” นางนุชนารถเผย
นางนุชนารถกล่าวอีกว่า บรรยากาศในวันนั้น ตนรู้สึกว่า ถึงแม้เราจะมีความสามารถ อยากเข้ามาทำงาน แต่โอกาสมันน้อยสำหรับพวกเรา เพราะเราแพ้การจัดตั้งที่มีมวลชนแต่ละจังหวัดมาได้ขนาดนี้ ตนเป็นอันดับที่ 12 หรือ ส.ว. ตัวสำรองอันดับที่ 2 แม้มีความตั้งใจแต่แพ้ดวง มีการจับฉลากเพื่อเข้ารอบ รู้สึกว่า ส.ว.บ้านเราต้องอาศัยดวง
ภาพประกอบข่าว
“เราไม่เคยห้อยพระเลยนะ ห้อยหลวงพ่อโสธร บนไข่ 100 ฟอง ก็ยอมรับว่าไม่เคยคิดเรื่องนี้ จนเพื่อนเอาพระมาให้ใส่ รู้สึกว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ ไม่เสียใจที่ได้มาถึงขนาดนี้ แต่ถามว่าอยากเป็นไหม อยาก อยากมีส่วนร่วมทางการเมืองที่มันเกิดการเปลี่ยนแปลงจริงๆ แต่พอเห็นสิ่งที่ได้จากการเลือก ส.ว.แล้ว ก็คิดว่าการเมืองไม่เปลี่ยนแล้ว กฎหมาย องค์กรอิสระ ต้องผ่านด้วยสภานี้ มันเป็นความหมดหวังเหมือนกัน ที่พวกเราเข้าไปได้น้อยมาก แต่ถึงอยู่ข้างนอกไม่ได้เป็น ส.ว.จะรณรงค์เรื่องการแก้รัฐธรมนูญต่อไป” นางนุชนารถกล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘ที่ปรึกษาสลัม4ภาค’ ห้อยพระ-บนไข่ เชื่อ ‘ล็อกเบอร์’ เจอคนหลับ ไร้อินเนอร์ลุ้น
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th