บิ๊กโจ๊ก ยื่นฟ้อง "กูรู" ยศ พล.ต.ต. เรียก 10 ล้าน ลั่นโดนรุมกินโต๊ะ สู้อย่างโดดเดี่ยว
บิ๊กโจ๊ก ยื่นฟ้อง "กูรู" ยศ พล.ต.ต. เรียก 10 ล้าน ลั่นโดนรุมกินโต๊ะ สู้อย่างโดดเดี่ยว
"บิ๊กโจ๊ก" เดินหน้าฟ้อง "กูรู" อดีตนายตำรวจใหญ่ ยศ พล.ต.ต. อักษรย่อ ต. 10 ล้าน ปมหมิ่นประมาท ลั่นทุกวันนี้ถูกทุกคนรุมกินโต๊ะจีน ต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว เชื่อ 2 บิ๊กตำรวจไม่กล้าถอนคำสั่ง เพราะไม่ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ทำใจไม่ได้
เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 28 มิถุนายน 2567 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. เดินทางไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อยื่นฟ้องกูรูด้านกฎหมาย อักษรย่อ ต. เป็นอดีตตำรวจ ยศพลตำรวจตรี ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีจงใจใส่ความ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต่อบุคคลที่ 3 ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด พร้อมเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า กูรูท่านนี้ถือเป็นคนที่ 2 ที่ตนเองฟ้อง และหลังจากนี้จะเดินหน้าฟ้องกูรูอีก 2 คน รวมถึงนายกรัฐมนตรี โดยจะเร่งให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมฝากเตือนกูรู ว่าการจะสัมภาษณ์อะไรก็แล้วแต่ แต่เป็นการพูดเอามัน โดยไม่รู้กฎหมายที่แท้จริง กระทบสิทธิของตนเอง ตนต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยเฉพาะกูรูที่อายุมากแล้ว ไม่ควรพูดให้สังคมสับสน แต่ควรอยู่ให้เป็นที่เคารพสักการะของเด็กรุ่นใหม่
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังบอกอีกว่า สาเหตุที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. ไม่ยอมเพิกถอนคำสั่ง เพราะทำใจไม่ได้ ว่าตนทำผิดไปแล้ว อายเขา ไม่กล้ากลืนน้ำลายตัวเอง แต่เมื่อกฎหมายใหม่ออกมา ควรยึดตามกฎหมายใหม่ ไม่ใช่ไปยึดตามกฎหมายเก่า ส่วนตนจะได้กลับไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์หรือไม่ มองว่าตนสู้ตามหลักกฎหมาย จะได้กลับหรือไม่ได้กลับขึ้นอยู่กับหลักกฎหมาย ตนไม่ได้ไปขอร้อง หรือร้องไห้ ให้นายกรัฐมนตรีหรือบุคคลใดมาช่วย ตนเพียงเดินตามหลักกฎหมาย ครั้งที่แล้วที่ตนถูกโยกย้ายไปช่วยสำนักนายกรัฐมนตรี ครั้งนั้นถือว่าหนักกว่าครั้งนี้ เพราะต้องไปเป็นข้าราชการพลเรือน ตนไม่เคยขอให้ใครช่วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมองว่าไม่ได้เป็นการแพ็กรวมเอาทั้งองค์กรมาสู้กับตนเพียงคนเดียว เพราะในแพ็กมีอยู่ไม่กี่คน แม้ในแพ็กนี้จะเป็นผู้มีอำนาจ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และทุกวันนี้ตนโดนรุมกินโต๊ะจีนอยู่แล้ว ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวอยู่แล้ว แต่มีไม่กี่คนที่ทำ ปัจจุบันประชาชนเริ่มมองเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ตนต้องต่อสู้ ถ้าไม่ต่อสู้ตนคงต้องกลับบ้าน
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ทำหนังสือชี้แจงแย้งคำอุทธรณ์ของตน ส่งกลับไปให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. นั้น ก.พ.ค.ตร. ได้ส่งคำแย้งกลับมาที่ตนแล้ว อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด วันอังคารที่จะถึงนี้ ตนจะทำความเห็นแย้งส่งกลับไปให้คณะกรรมการอย่างแน่นอน ส่วนการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร. จะแล้วเสร็จภายใน 30 วันตามที่นายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น เชื่อว่าจะจบภายใน 120 วัน เพราะเป็นการพิจารณาตามข้อกฎหมาย ไม่ได้ใช้ดุลพินิจ
ส่วนกรณีที่ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนว่า คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นไปตามขั้นตอน เรื่องนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มองว่า อาจารย์วิชา อาจเข้าใจผิดเรื่องคณะกรรมการที่ตรวจสอบวินัย อาจจะดูข้อมูลเร็วๆ ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ เพราะอาจารย์วิชาเป็นนักกฎหมายที่เก่ง และเป็นถึงอดีตคณะกรรมการ ป.ป.ช. ย่อมรู้เรื่องกฎหมายดี แต่กฎหมายตำรวจ มี พ.ร.บ.เฉพาะ พร้อมยืนยันว่าจะไม่ฟ้องกลับอาจารย์วิชา ส่วนเหตุผลที่ตนเลือกมายื่นฟ้องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพราะตนสะดวก ใกล้บ้าน และใกล้สถานที่ออกกำลังกาย ไม่ได้รู้จักบุคคลใดที่ศาลเป็นการส่วนตัว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : บิ๊กโจ๊ก ยื่นฟ้อง "กูรู" ยศ พล.ต.ต. เรียก 10 ล้าน ลั่นโดนรุมกินโต๊ะ สู้อย่างโดดเดี่ยว
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath