ผลสอบไร้ประโยชน์ กระบวนการยุติธรรมไร้ความหมาย “บิ๊กโจ๊ก” มีดีลลับแล้ว
ผลสอบไร้ประโยชน์ กระบวนการยุติธรรมไร้ความหมาย “บิ๊กโจ๊ก” มีดีลลับแล้ว
กรณีความขัดแย้งครั้งใหญ่ในวงการสีกากีระหว่าง 2 บิ๊กตำรวจ คือ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ที่ล่าสุดวันที่ 20 มิ.ย. ได้ผลสรุปแล้ว
โดยนายกฯ ได้สั่งคืนเก้าอี้ ผบ.ตร. ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต้องรอผลสอบกรณีมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยต้องพจารณาว่ามีการทำเรื่องถูกต้องตามขั้นตอนทางกฎหมายหรือไม่
"นายกฯ" เซ็นคำสั่ง "บิ๊กต่อ" กลับ สตช.แล้ว
“ทนายตั้ม”ไหว้ขอโทษทำ ปชช.ผิดหวัง หลังบิ๊กต่อกลับนั่ง ผบ.ตร.
ผลสอบบิ๊กตร. คืนตำแหน่ง“บิ๊กต่อ” นั่ง ผบ.ตร. หลังทุกคดีมีเจ้าภาพแล้ว!
ทั้งนี้เพราะตามมาตรา 132 พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ได้เพิ่มไว้มาตราหนึ่งว่า กรณีที่สั่งให้ตำรวจออกจากราชการไว้ก่อนไปกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของบุคคลนั้น เช่น เงินเดือน หรือ สิทธิการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง จะต้องกระทำโดยคำแนะนำจากคณะกรรมการสอบสวน แต่การให้ออกของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้ผ่านขั้นตอนดังกล่าว จึงถือว่าผิดขั้นตอน กระบวนการไม่ถูกต้อง
ด้วยเหตุนี้ หากพบว่าคำสั่งย้าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ชอบด้วยกฎหมายจะต้องคืนตำแหน่งให้ และที่สำคัญ “อาจจะยังมีสิทธิเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.” ด้วย เรื่องนี้ทำให้กลายเป็นที่จับตาว่า ศึกบิ๊กตำรวจจะจบลงอย่างไรกันแน่
จึงนำมาสู่การพูดคุยกันในรายการ เข้มข่าวเย็น ช่วง คุยข้ามช็อต Exclusive Talk ทางช่อง PPTV HD 36 ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ผลสอบออกมาแค่ 2 บิ๊กทะเลาะกัน บอกเพื่อ???
ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยงบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน บอกว่า ผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบความขัดแย้งที่นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน แต่งตั้งขึ้นมา เป็นมวยล้มต้มคนดูอย่างแน่นอน
“นายกฯ ตั้งคณะกรรมการสอบความจริงว่ามีความขัดแย้งจริงหรือไม่ เพื่ออะไร? เรื่องนี้ถามถามบิ๊กต่อบิ๊กโจ๊กก็ได้ ไม่ต้องรอ 3-4 เดือนหาข้อเท็จจริง เพราะสุดท้ายไม่มีใครผิดถูก” ทนายตั้มกล่าว
เขาเสริมว่า “ประชาชนต้องการรู้อะไร มีความขัดแย้งประชาชนรู้อยู่แล้ว ประชาชนอยากรู้ว่ามีการรับเงินพนันออนไลน์หรือไม่ต่างหาก เรื่องส่วย 18 ธุรกิจต่างหาก หรือรวยจากไหน อยากรู้ตรงนี้ ไม่ได้อยากรู้เรื่องทะเลาะจริงไม่จริง”
ทนายตั้มเล่าว่า คณะกรรมการชุดนี้เรียกตนและพยานไปสอบ ทั้งเรื่องคนเก็บเงินเข้าบัญชีม้า โยงไปถึงภรรยาบิ๊กต่อ แต่ถึงเวลากลับไม่เอาไปใช้ หรือแม้แต่เจ้าของเว็บพนันภาคใต้ ตนไปเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริง ว่าเอาเงินจายตำรวจเดือนละ 1 ล้านบาท แต่เหมือนไม่ได้ประโยชน์ ไม่รู้เรียกไปทำไม
ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เสริมว่า คณะกรรมการสรุปแค่ว่าบิ๊กต่อและบิ๊กโจ๊กทะเลาะกัน และมีการคืนตำแหน่ง สังคมไม่ได้อะไรอยู่แล้ว อย่างที่เคยถามแต่แรกว่าตั้งทำไม คณะกรรมการชุดนี้ไม่ด้สอบวินัยหรืออาญา สอบหาแค่ความขัดแย้ง
พ.ต.อ.วิรุตน์บอกว่า ที่ทนายตั้มบอกว่าเอาหลักฐานส่งให้คณะกรรมการ ทำไมคณะกรรมการไม่เสนอสอบวินัยต่อ ตอนนี้ตนมองว่า ทั้งสองคนถือว่ามีมลทินทั้งคู่ แต่คนหนึ่งคืนตำแหน่ง ผบ.ตร. อีกคนอาจได้ตำแหน่ง รองผบ.ตร. คืน คนไม่มีมลทินไม่มีแล้วหรือ
ทั้งนี้ การที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กำลังจะกลับมานั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. ทำให้เกิดคำถามว่า แล้วอย่างนี้ใครจะกล้ายื่นเรื่องสอบสวน พ.ต.อ.วิรุตน์บอกว่า นายกฯ ยังใช้อำนาจได้ รวมถึงพนักงานสอบสวนก็ทำได้ แต่ประเด็นคือ “ใครจะกล้า?”
“ถ้าเป็นผม ผมกล้า คนอื่นอาจจะไม่กล้า มันต้องไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย แต่บ้านเราเอายศมาคุยกัน ร้อยโทไปสอบพลโทไม่ได้ ไม่กล้า ตรงนี้ต้องปฏิรูป” พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าว
ดีลลับคืนตำแหน่ง “บิ๊กโจ๊ก”
ส่วนกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะได้กลับมาเป็น รองผบ.ตร. หรือไม่นั้น ทนายตั้มเปิดเผยว่า เมื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับมา ผบ.ตร.จะจัดการให้เอง ทำให้บิ๊กโจ๊กกลับมา มีดีลกันแล้ว
“มีดีลแล้ว ให้ทุกคนกลับมา เลิกแล้วต่อกัน และบิ๊กต่อจะไม่อยู่ครบกำหนดด้วย พอเดือนหน้างานสำคัญเสร็จก็จะลาออกไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ส่วนบิ๊กโจ๊กจะได้กลับมาตามคำสั่งขิงบิ๊กต่อ” ทนายตั้มกล่าว และบอกว่าที่ทราบเรื่องดีล เพราะมีคนมาดีลกับตน ขอให้ไม่ออกมาพูดเรื่องคดี แล้วจะดูแลมีค่าใช้จ่ายให้ โดยนักการเมืองที่ใกล้ชิดผู้มีอำนาจเป็นคนมาดีล บอกว่า บิ๊กต่อกลับมาแค่พักเดียว ไม่เช็กบิลใครทั้งนั้น บิ๊กโจ๊กได้ประโยชน์ด้วย
“คนทำผิดกฎหมาย เกี่ยวเว็บพนัน เส้นเงินโยงไปถึงภรรยา เราจะเอากฎหมายบ้านเมืองมาต่อรองประโยชน์ส่วนตัวได้อย่างไร ... ถ้ากลับมาด้วยหลักกฎกมายจริง ๆ โอเคเลย แต่มาจากดีลที่ตกลงกัน ก็ไม่ต้องมีกฎหมายก็ได้” ทนายตั้มบอก พร้อมเน้นย้ำว่า หลังจากนี้ ประเทศไทยจะมี ผบ.ตร. ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน เว็บพนัน ส่วย 18 ธุรกิจ จะทำให้บ้านเมืองเละ สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เละ
แต่หากมุมในมองขั้นตอนกระบวนการให้ออกจากราชการไว้ก่อนที่กำลังเป็นประเด็นตอนนี้ว่าผิดขั้นตอนหรือไม่ พ.ต.อ.วิรุตม์บอกว่า ที่ผ่านมา มีตำรวจถูกสั่งให้ออกจากราชการหลายเคส โดยเฉพาะคดีที่ถูกฟ้องทางอาญา ไม่ต้องสอบ ให้ออกไว้ก่อนได้เลย แล้วระหว่างนั้นค่อยสอบเพื่อปลดจริง เพราะกว่าจะสอบสวนต้องใช้เวลา 3-6 เดือน เป็นตำรวจต่อไปไม่ควร จึงมีการให้ออกไว้ก่อน
ส่วน มาตราใน พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ วิษณุ เครืองาม กล่าวอ้าง ตนมองว่าไม่เห็นมีอะไรกระทบสิทธิ ไม่เห็นอยู่ตรงไหนในกฎหมาย มาตรา 131 วรรคท้ายที่กล่าวอ้าง ไม่เข้าข่ายกับกรณีที่เกิดขึ้น
อีกประเด็นหนึ่งคือ ถ้าผลสอบชี้ว่ากระบวนการให้บิ๊กโจ๊กออกไว้ก่อนไม่ชอบด้วยขั้นตอนกฎหมายขึ้น เรื่องจะยุ่งไปถึง “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. ที่เป็นผู้อนุมัติ
ทนายตั้มบอกว่า “ตามกฎหมาย พ.ร.บ. ใหม่ ต้องตั้งคณะกรรมการมาก่อนสอบวินัย มีความเห็นอย่างไร ผบ.ตร. ค่อยให้ออกไว้ก่อน แต่กรณีนี้มีคำสั่งในวันเดียว 3 ฉบับ
“อนาคตบิ๊กต่ายน่าจะต้องขึ้นศาลเยอะ บิ๊กโจกไม่ปล่อยไว้แน่ ต้องฟ้องแน่ และบิ๊กโจ๊กกลับมาเมื่อไรร้อน ๆ หนาว ๆ กันหมด บิ๊กต่ายเองลำดับ รองผบ.ตร. ยังตามหลังเขาด้วย ... สิ่งที่ทำผิดกฎหมายชัดเจน เป็นการเร่งรัด ป.ป.ช. แล้วไปขอหมายจับ รู้กันกัลสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ยื่นออกราชการไว้ก่อน เป็นการกลั่นแกล้งทางเมืองของตำรวจ เพราะบิ๊กโจ๊กเป็นหอกข้างแคร่” ทนายตั้มกล่าว
“บิ๊กโจ๊ก” ยังเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. ได้?
เรื่องสำคัญที่หลายฝ่ายจับตามองตอนนี้คือ หาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ตำแหน่งรองผบ.ตร. คืนจริง แปลว่าจะมีโอกาสกลับมาเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. ด้วยใช่หรือไม่
ทรายตั้มบอกว่า ยังเป็นแคนดิเดตแน่นอนถ้ากลับมาก่อนเดือน ต.ค. แต่จากข่าววงในบอกว่าปีนี้ยังไม่ได้ ต้องลุ้นปีหน้า ปีนี้แค่บิ๊กโจ๊กกลับมาได้ก็ถือว่าหืดขึ้นคอแล้ว
ส่วนกรณีถ้าบิ๊กโจ๊กถูกแจ้งคดีความทางอาญา หากเรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช. จะไม่ใช่ผู้ต้องหา ตราบใดยังไม่ชี้มูลความผิดก็ไม่ผิด ยังไม่ถูกดำเนินคดี ยังเป็นแคนดิเดตได้ ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกว่าศาลจะมีคำสั่ง กระบวนการชั้น ป.ป.ช. ไม่มีผู้ต้องหา มีแต่ผู้ถูกกล่าวหา
ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์มองว่า กระบวนการให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการไว้ก่อนยังไม่สมบูรณ์ ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนกระบวนการ ถ้าชอบ ก็สามารถทูลเกล้าฯ ปลดได้
ส่วนตัวมองเรื่องการเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. ว่า ถ้าคดีทุกอย่างจบ บิ๊กโจ๊กถูกชี้ไม่มีมูลความผิด จะเลือกบิ๊กโจ๊กเป็น ผบ.ตร. ทำได้ แต่ถ้าเรื่องราวยังค้างคาแล้วเลือก มองว่าอะไรมีมลทินไม่ควรทูลเกล้าฯ “สมมติผ่านมติทูลเกล้าฯ มันควรหรือไม่ มี ผบ.ตร. คดีติดตัวหรือ แต่ที่พูดมาทั้งหมดนี่ประเทศเจริญแล้วไม่มีนะ ประเทศเรามีทุกอย่างแหละ”
ทนายตั้มเห้นด้วยว่า ไม่อยากให้บุคลกรตำรวจตำแหน่งสูงเป็นผู้มีมลทิน เพราะจะไม่สง่างาม “ใจหนึ่งผมอยากให้บิ๊กโจ๊กเป็น ผบ.ตร. เป็นความฝันของเขา แต่อยากให้พิสูจน์ตัวเองก่อน จะได้ผ่าเผย มาแบบนั้นสง่างามกว่า”
นอกจากนี้ ถ้าได้เป็น ผบ.ตร. แล้วมาถูกชี้มูลความผิดทีหลัง อาจจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เสื่อมเสียกันทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาต ดังนั้นควรเคลียร์ให้จบก่อน
กระบวนการยุติธรรมไทยเชื่อถือไม่ได้
อีกหนึ่งเรื่องที่ถูกพูดถึงในกรณีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ คือ เรื่องความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมไทย ทนายตั้มบอกว่า เมื่อเทียบกันแล้ว คดีของบิ๊กต่อคืบหน้าช้ากว่าคดีบิ๊กโจ๊กมาก
เขาบอกว่า คดีบิ๊กต่อตอนนี้มีสำนวนหรือยัง ตั้งสำนวนแล้วที่ สน.เตาปูน รวบรวมพยานหลักฐาน แต่ไม่คืบหน้า ต่างจากคดีบิ๊กโจ๊ก ไม่ต้องเอาอะไรให้ก็สามารถหาหลักฐานได้อย่างรวดเร็ว “คดีบิ๊กต่อนี่ผมเอาพยานหลักฐานเข้าไปให้ทุกอย่าง จ่ายเงินให้ใคร ค่าส่วยส่งไปถึงใคร เอาไปให้หมด แต่จนป่านนี้ไม่มีใครถูกแจ้งข้อหาแม้แต่คนเดียว”
ทนายตั้มบอกว่า ถ้าเป็นคนอื่นไม่ต้องเอาพยานหลักฐาน แค่มีข้อมูลเส้นเงินก็โดนจับหมดแล้ว แต่นี่ตนมีทั้งเส้นเงิน พยานบุคคล เอามาให้ขนาดนี้ยังไม่มีออกหมายเรียกหมายจับใครเลย
พ.ต.อ.วิรุตม์เสริมว่า ตนไม่เชื่อใครสักคน เชื่อกระบวนการยุติธรรมไทยไม่ได้ บอกประชาชนเลยว่าอย่าไปเชื่อ ระบบยุติธรรมไทยตอนนี้มีปัญหา จะสั่งให้เร็วก็ได้ ช้าก็ได้ ทำลายหลักฐานได้ ล้วงความลับเก็บไว้ยังได้
“ระบบตำรวจล้มเหลวมานาน เชื่อถือไม่ได้ เป็นระบบตามพลังของผู้มีอำนาจ ปัญหานี้ไม่ใช้แค่เรื่องบิ๊กต่อบิ๊กโจ๊ก แต่เป็นเรื่องของประชาชน ต้องรักษากฎหมายบ้านเมือง” พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าว
เขายังตั้งคำถามถึงกระบวนการยุติธรรมไทยว่า ทำไมไม่กล้าชี้มุลความผิด ทำไมล่าช้า มีมุลความผิดอาญาแปลว่าต้องผิดในทางวินัยแน่ ก็สามารถตั้งคณะกรรมการสอบวินัยได้ เร็วกว่าสอบสวนทางอาญาที่ต้องไปศาล การสอบวินัยสามารถสอบแล้วลงโทษได้เลย
“กระบวนการศาลมันนานจึงต้องมีหระบวนการสอบนัย มีขั้นตอนให้ออกจากราชการไว้ก่อน ถ้ารอสอบอาญา 6-7 ปี ผู้ถูกกล่าวหาเกษียณหมดแล้ว ตำรวจถึงไม่กลัวการสอบอาญาและการสอบวินัย เพราะถ้ามีคนช่วยกันก็จะบอกว่า ไม่ต้องสอบวินัย ให้ไปรออาญา 6-7 ปี” พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าว