EGCO Group แง้มพร้อมขายไฟฟ้า Direct PPA พลิกโฉมโรงไฟฟ้าเก่าระยอง
EGCO Group แง้มพร้อมขายไฟฟ้า Direct PPA พลิกโฉมโรงไฟฟ้าเก่าระยอง
ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เปิดเผยว่า ได้ศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขายไฟฟ้าตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้า ให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) ในอนาคตด้วย
หลังจากประชุม คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ได้เห็นชอบแนวทางการดำเนินการโครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
CPN มั่นใจศักยภาพเมืองรอง พร้อมลุย 43 โครงการ ครอบคลุม 20 จังหวัด
ลุ้น !! กบง.ตรึงราคา LPG ต่อ 3 เดือน หรือไม่ 27 มิ.ย.นี้ รู้ผลแน่
ในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง Direct PPA ไม่เกิน 2,000 เมกะวัตต์ เพื่อขายให้กับธุรกิจ ที่เข้ามาลงทุน โดยเฉพาะในด้าน Data Center ที่มีความต้องใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
ดร.จิราพร ยืนยันว่า EGCO Group มีความพร้อม เตรียมรองรับเอาไว้แล้ว เช่น การสร้างนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง นำพื้นที่โรงไฟฟ้าเก่ามาทำให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมพรีเมี่ยม สำหรับเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านระบบสายส่งไฟฟ้าอยู่แล้ว และมีเป้าหมายรองรับกลุ่มลูกค้าที่จะมาลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า และ DataCenter คาดว่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมจะพร้อมเปิดจองได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2025
ขณะนี้ มีลูกค้าจากจีน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ EV ให้ความสนใจเข้ามาพูดคุยแล้ว ทั้งนี้ ต้องรอดูรายละเอียด Direct PPA จากทางภาครัฐ ที่จะออกมาอีกครั้ง เพราะอาจจะต้องมีเรื่องการปรับโครงสร้างราคาให้เกิดความชัดเจน
ขณะเดียวกัน EGCO Group มีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศ กำลังผลิต ประมาณ 3,600 เมกะวัตต์ ส่วนขยาย ที่ภาครัฐจะเปิดเพิ่มเติมในรอบที่ 2 รวมถึงการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าพลังงาน หมุนเวียนและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ภายใต้ร่างแผน PDP 2024
ดร.จิราพร ระบุด้วยว่า มีความมุ่งมั่นในการเสริมศักยภาพและ สร้างโอกาสให้ EGCO Group เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการผลักดันเป้าหมายสำคัญ 3 ด้าน คือ
- การเพิ่มกำลังผลิตใหม่ ทั้งกำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสอดคล้องกับการ เปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน รวมทั้งการบริหาร Portfolio ให้มีประสิทธิภาพ สร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลถึงการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น และ
- การจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท (Credit Rating)
- การสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจ สิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม ตามกรอบ ESG
ในขณะเดียวกัน ก็พร้อมเดินหน้าการดำเนินธุรกิจตามทิศทาง “Cleaner, Smarter and Stronger to drive sustainable growth” โดย Cleaner มุ่งเน้นปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังงานหลักให้เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ใช้ไฮโดรเจนหรือแอมโมเนียเป็นเชื้อเพลิงผสมในการผลิตไฟฟ้า ศึกษาและใช้เทคโนโลยี CCS หรือ CCUS เพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดใน Portfolio เพื่อบรรลุเป้าหมายการ เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ภายในปี 2573
นอกจากนี้ ด้าน Smarter ยังให้ความสำคัญกับ การสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพในระบบไฟฟ้า โดยลงทุนและเดินเครื่องโรงไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง พร้อมกับการแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องที่เติบโตสูง เพื่อให้ทันต่อเทคโนโลยีที่ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยต้องมี Stronger ด้วยการผนึกกำลังกับพันธมิตรเพื่อขยายและต่อยอดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่ง EGCO Group มีความได้เปรียบจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งใน 8 ประเทศ ที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว
การดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2567 ยังเลือกลงทุน ในโครงการที่มีคุณภาพสูงและมีผลตอบแทนที่ดี (Select high quality projects) และการเร่งรัดบริหารโครงการที่อยู่ ระหว่างการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผนงาน (Speed up projects under construction) เพื่อสร้างรายได้และกำไรให้ EGCO Group เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเร่งรัดการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน มีความก้าวหน้าตามแผนงานเป็นลำดับ ปัจจุบันได้ติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) แล้วเสร็จรวม 74 ต้น ซึ่งได้ติดต่ กังหันลม (Wind Turbine Generators - WTGs) เสร็จเรียบร้อยแล้ว 50 ต้น และเชื่อมั่นว่าจะสามารถก่อสร้างเสร็จครบ 80 ตัน กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 ตามแผนที่กำหนด
ดร.จิราพร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินงาน 6 เดือนหลัง มีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ EGCO Group โดยเฉพาะการเพิ่มกำลังผลิตใหม่และการสร้างรายได้และกำไร ได้แก่ การรับรู้รายได้จากการทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ ของโครงการ Yunlin การรับรู้รายได้ของ APEX ในสหรัฐอเมริกา จากการขายโครงการและจาก 7 โครงการที่อยู่ ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งมีแผนจะก่อสร้างเสร็จภายในปี 2567 การรับรู้รายได้จากการลงทุนใน CDI ในอินโดนีเซีย และ กลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ในสหรัฐอเมริกา ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า Paju ES ในเกาหลีใต้ ซึ่งสามารถทำกำไร ได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสปีดดีลโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้า Conventional และ Renewable ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทันที รวมทั้งโอกาสในการเจรจาสัญญาใหม่ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ โดยอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดสัญญา ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 2567
นอกจากนั้น การลงทุนใน CDI ในอินโดนีเซีย มีความร่วมมือที่ก้าวหน้า โดยมีแผนพัฒนาโครงการเพื่อรองรับความ ต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและสนับสนุนพันธกิจในการพัฒนาพลังงานสีเขียว ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ บนทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) และโครงการแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) กำลังผลิตรวม 35 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 และจะทยอยแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์บางส่วน ภายในปี 2568 นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการแสวงหาโอกาสในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม เพิ่มเติม ตลอดจนศึกษาเพื่อเตรียมขยายกำลังผลิตของโรงไฟฟ้า KPE เพื่อรองรับโรงงานแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรม Krakatau Posco
ปัจจับัน (ณ 27 มิ.ย. 67 ) EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 7,003 เมกะวัตต์ โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,447 เมกะวัตต์ (คิดเป็น 21% ของกำลังผลิตทั้งหมด) มีโรงไฟฟ้าและโครงการต่าง ๆ ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2567มีแผนใช้งบลงทุนกว่า 30,000 บาท ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น อีก 1,000 เมกะวัตต์ รวมเป็นกว่า 8,000 เมกะวัตต์