บิวตี้แรง เครือสหพัฒน์ จับมือ ฟาสต์บิวตี้ ญี่ปุ่น ลุยร้านทำสีผม fufu 100 สาขา
เครือสหพัฒน์ ยักษ์ใหญ่สินค้าอุปโภคบริโภคของประเทศไทย ที่ก่อตั้งมากว่า 80 ปีแล้ว โดยในรอบศวรรษใหม่ได้มีการขยายแตกพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจให้มีความหลากหลาย เพื่อสร้างธุรกิจให้ขยายตัว รองรับการเติบโตในยุคใหม่
นายพิภพ โชควัฒนา กรรมการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เครือสหพัฒน์ ได้ร่วมมือกับ ฟาสต์บิวตี้ ธุรกิจร้านทำสีผมอันดับต้นๆ จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมเป็นพันธมิตรในการนำธุรกิจร้านทำสีผม fufu เข้ามาเปิดในประเทศไทยครั้งแรก ตามแนวโน้มเทรนด์ตลาดซาลอนของประเทศไทยกำลังขยายตัว และมีมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้จะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนของสองประเทศขึ้นมาอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ และเป็นการเปิดสาขาแรกในต่างประเทศของร้าน fufu โดยประเมินว่า จะช่วยรองรับการขับเคลื่อนธุรกิจด้านความงามของเครือสหพัฒน์ที่กำลังขยายตัว พร้อมมุ่งเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม
อีกทั้งจะมีความร่วมมือในการเทรนนิงช่างผมของไทยในการให้บริการผ่านสาขาต่างๆ เพื่อร่วมยกระดับช่างผมไทยในตลาดไทยให้แข็งแกร่ง
ดึงร้าน 'fufu' สยายปีก 100 สาขาในไทย
นายเคน ทาคาฮาชิ
ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท ฟาสต์บิวตี้ เทค จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า การเข้ามารุกร่วมมือเปิดธุรกิจในประเทศไทยครั้งนี้ มาจากการมองโอกาสของตลาดที่กำลังขยายตัว เนื่องจากตลาดทำสีผมของประเทศญี่ปุ่นที่กำลังอยู่ในภาวะอิ่มตัว โดยสาขาแรกอยู่ในย่านทองหล่อ คาดว่าจะเปิดในช่วงเดือน ต.ค.นี้ และวางแผนใน 3 ปีจะมีสาขาเปิดให้บริการรวม 20 สาขา พร้อมวางเป้าหมายระยะยาว จะมีการเปิด 100 สาขาในประเทศไทย
"การเปิดสาขาในประเทศไทยครั้งแรก ได้วางดีไซน์สาขาให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในประเทศที่ชื่นชอบในเรื่องความสนุกสนาน"
ทั้งนี้บริษัทจะมีความร่วมมือในการเทรนนิงแก่ช่างผมไทย เนื่องจากช่างผมประเทศญี่ปุ่นมีนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญในการทำสีผสมและสีผมเพื่อปกปิดผมขาว โดยการเปิดร้านในไทยจะเป็นช่างผมไทยมาร่วมดำเนินงาน
สำหรับร้านทำสีผม fufu ได้เปิดดำเนินการมากกว่า 10 ปีแล้ว โดยปัจจุบันมีสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 130 สาขา และมีจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการอย่างเป็นทางการกว่า 1 ล้านคนต่อปี
ส่วนภาพรวมตลาดร้านทำสีผมในญี่ปุ่น มีโมเดลการทำสีผมรูปแบบใหม่ในตลาดมาประมาณ 20 ปี และภาพรวมร้านมีจำนวนกว่า 1,000 สาขา ส่วนการเติบโตร้านธุรกิจร้านทำผมในญี่ปุ่น ในช่วงที่ผ่านมากว่า 30% แต่ทั้งนี้ตลาดในประเทศไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงมากกว่า
อย่างไรก็ตาม อัตราค่าบริการกำหนดไว้ที่ประมาณ 1,500-5,000 บาท เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ และมุ่งตลาดในกลุ่มพรีเมียม