“มารุเบนิ” โหมลงทุนอาเซียน ทุ่มหมื่นล้านรุกคอนซูเมอร์
ภาพประกอบข่าว
คอลัมน์ : Market Move
เม็ดเงินลงทุนก้อนใหม่จากญี่ปุ่นมูลค่าหลายพันล้านบาทกำลังจะไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังหนึ่งในบริษัทเทรดดิ้งสัญชาติญี่ปุ่นรายใหญ่ประกาศแผนขนเม็ดเงินมาลงทุนในภาคธุรกิจสินค้าคอนซูเมอร์ อุปกรณ์การแพทย์ และบันเทิงในอาเซียน
สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า มารุเบนิ บริษัทเทรดดิ้งสัญชาติญี่ปุ่นรายใหญ่ ซึ่งมีชื่อเสียงในวงการวัตถุดิบและเครื่องจักรอุตสาหกรรม ประกาศแผนขนเม็ดเงิน 2-3 หมื่นล้านเยน หรือประมาณ 4.6-6.9 พันล้านบาทต่อปีมาลงทุนในธุรกิจสินค้าคอนซูเมอร์อุปกรณ์การแพทย์ และบันเทิงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หวังปั้นเสาหลักด้านรายได้ต้นใหม่ของบริษัท
ตามแผนนี้ มารุเบนิจะลงทุน 2-3 โครงการต่อปี ด้วยมูลค่าการลงทุนตั้งแต่ 1 หมื่นล้านเยน ไปจนถึง 2 หมื่นล้านเยน หรือการเข้าซื้อหุ้นในกิจการเป้าหมายตั้งแต่หุ้นส่วนน้อยไปจนถึงการเทกโอเวอร์ด้วยการซื้อหุ้นทั้งหมด 100% เน้นธุรกิจที่เป็นเทรนด์ของตลาดในปัจจุบันและในอนาคต รวมถึงเป็นธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับธุรกิจที่ลงทุนไปก่อนแล้ว ซึ่งมีหลากหลายตั้งแต่บะหมี่สำเร็จรูป เทคโนโลยีการเงิน หรือสวนอุตสาหกรรม
ภาพประกอบข่าว
โดยจะเป็นการลงทุนผ่าน 2 บริษัทในเครือ คือ Marubeni Growth Capital (MGC) Asia บริษัทในเครือที่ก่อตั้งในสิงคโปร์เมื่อปี 2021 และบริษัท Marubeni Growth Capital (MGC) U.S. ที่ก่อตั้งในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2022
สำหรับธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มารุเบนิเล็งเข้าไปลงทุนจะเป็นกลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์และภาคการบริการที่มีฐานลูกค้าเป็นผู้บริโภคทั่วไป ตัวอย่างเช่น เมื่อปี 2023 MGC Asia เข้าทำธุรกิจแฟรนไชส์ Tim Hortons เชนร้านกาแฟสัญชาติแคนาดา ในสิงคโปร์ มาเลเซียและอินโดนีเซีย
รวมถึงลงทุนใน AIG Asia Ingredients บริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบอาหาร-เครื่องดื่มในเวียดนาม ซึ่งเชี่ยวชาญด้านฟังก์ชั่นนอลฟู้ด-ดริงก์ รับกับเทรนด์สุขภาพและความต้องการอาหารคุณภาพสูงขึ้น และลงทุนใน Oneject ผู้ผลิตอุปกรณ์การแพทย์ในอินโดนีเซียที่ผลิตหลอดฉีดยา และชุดตรวจโรคต่าง ๆ เป็นก้าวแรกของเป้าหมายขยับขึ้นเป็นซัพพลายเออร์ด้านการแพทย์รายใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่วน Marubeni Growth Capital (MGC) U.S. จะมุ่งเสาะหาและชิงเข้าลงทุนในธุรกิจหรือบริษัทที่มีศักยภาพจะเป็นกระแสฮิตใหม่ ซึ่งจะแพร่หลายจากสหรัฐอเมริกามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต ตัวอย่างเช่น
เมื่อเร็ว ๆ นี้ MGC U.S. เข้าลงทุนใน R.G. Barry บริษัทสัญชาติอเมริกันผู้ผลิตของใช้ในครัวเรือน เจ้าของแบรนด์ อย่าง Dearfoams ที่มีสินค้าเป็นรองเท้าแตะซักได้และโฟมรับแรงกระแทก รวมถึงมีแบรนด์ Planet A ที่โฟกัสรองเท้า ซึ่งผลิตจากพลาสติกที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ ยักษ์เทรดดิ้งญี่ปุ่นยังเล็งลงทุนในธุรกิจด้านบันเทิง เช่น เกมอาเขต อีกด้วย
โทชิฮิโระ ฟุคุมุระ เจ้าหน้าที่บริหารของมารุเบนิ อธิบายแนวคิดเบื้องหลังของยุทธศาสตร์นี้ว่า การค้นหาและชิงเข้าลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพจะเป็นเทรนด์ใหม่มาแรงในสหรัฐนี้จะช่วยให้บริษัทล้ำหน้าคู่แข่งและได้เปรียบในการแข่งขันในภูมิภาคเอเชียด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาเทรนด์เกี่ยวกับผู้บริโภคมักจะเริ่มในตลาดสหรัฐอเมริกาก่อนจะแพร่หลายมายังเอเชียในเวลาต่อมา
ส่วนปัจจัยที่ผลักดันให้มารุเบนิหันมาโฟกัสการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ความต้องการเพิ่มอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ หรือ P/E Ratio ซึ่งการมีอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิสูงมักสะท้อนว่า บริษัทมีโอกาสเติบโตสูง
โดยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการสำหรับภาคครัวเรือนนั้นมักจะมีอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิสูงกว่าธุรกิจอื่น ส่วนธุรกิจผลิตอุปกรณ์การแพทย์นั้นมีโอกาสที่ผู้ผลิตท้องถิ่นจะขึ้นมาเป็นซัพพลายเออร์แทนผู้ผลิตต่างชาติ
ทั้งนี้ แม้มารุเบนิจะเป็น 1 ใน 5 บริษัทเทรดดิ้งรายใหญ่ของญี่ปุ่นที่กองทุน Berkshire Hathaway ถือหุ้นอยู่ แต่มารุเบนิถูกคาดว่าจะมีอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิที่ไม่สูงเท่ากับรายอื่น ๆ โดยตามข้อมูลของ QUICK FactSet เมื่อเดือนมีนาคม มารุเบนิถูกคาดว่าจะมีอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิที่ 9.4 เป็นตัวเลขต่ำที่สุดในบรรดาบริษัทเทรดดิ้ง 5 ราย ขณะที่มิตซูบิชิ คอร์ปมีสัดส่วนสูงสุดที่ 15.15
ต้องรอดูกันว่าการเดินแผนทุ่มลงทุนครั้งใหญ่ของบริษัทเทรดดิ้งสัญชาติญี่ปุ่น อย่างมารุเบนิในครั้งนี้จะมีเม็ดเงินเข้ามาในประเทศไทยบ้างหรือไม่
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “มารุเบนิ” โหมลงทุนอาเซียน ทุ่มหมื่นล้านรุกคอนซูเมอร์
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net