สรุปเวทีดีเบตแรก “ไบเดน” แพ้ยับเยิน ส่วน “ทรัมป์” พูดจาไร้หลักฐานไม่พัก
สรุปเวทีดีเบตแรก “ไบเดน” แพ้ยับเยิน ส่วน “ทรัมป์” พูดจาไร้หลักฐานไม่พัก
คืนวันที่ 27 มิ.ย. ตามเวลาสหรัฐฯ หรือเช้าวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย เป็นการดีเบตประชันกันครั้งแรกระหว่าง ประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” วัย 81 ปี และอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” วัย 78 ปี ในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024
การดีเบตครั้งแรกนี้กินเวลาประมาณ 90 นาที โดยใช้กฎสลับกันพูด ไมโครโฟนของอีกฝั่งจะถูกปิดขณะที่อีกฝ่ายกำลังพูด ไม่อนุญาตให้มีอุปกรณ์ประกอบฉากหรือดโน้ตใด ๆ ที่เขียนไว้ล่วงหน้า และผู้สมัครจะได้รับเพียงแค่ปากกา กระดาษ และขวดน้ำ
เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 “ไบเดน-ทรัมป์” ขึ้นเวทีดีเบตครั้งแรก
ยูเอ็นแฉ “ธนาคารในไทย” เอื้ออำนวยรัฐบาลทหารเมียนมาจัดหาอาวุธ
นักบินอวกาศกลายเป็นผู้ประสบภัย หลบดาวเทียมรัสเซียแตกเป็นเสี่ยง ๆ
เปิดฉากการดีเบตด้วยการที่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่จับมือกัน ซึ่งในการดีเบตเมื่อปี 2020 ทั้งคู่ก็ไม่จับมือเช่นกัน แต่ครั้งนั้นเป็นเพราะมาตรการโควิด-19
ประเด็นแรกที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงคือเรื่องปัญหาเศรษฐกิจและวิกฤตภาวะเงินเฟ้อ ไบเดนเป็นฝ่ายเปิดก่อน โดยบอกว่า เขาต้องรับมอบ “เศรษฐกิจอันตกต่ำ” ซึ่งเกิดจากการบริหารที่ “เลวร้ายมาก” ของทรัมป์ในช่วงโควิด-19
ไบเดนยังอ้างคำพูดของทรัมป์ที่เคยพูดว่า “ไวรัสโคโรนาไม่ร้ายแรงขนาดนั้น” และกล่าวล้อเลียนแนวทางการรักษาที่ทรัมป์เคยแนะนำให้ฉีดยาฆ่าเชื้อเข้าไปในร่างกาย และบอกว่า “เราได้ทำให้ทุดอย่างดีขึ้น”
ไบเดนเรียกทรัมป์ว่าเป็น “ประธานาธิบดีที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา” โดยอ้างถึงความเห็นของนักประวัติศาสตร์
ทรัมป์ตอบโต้ด้วยการยกย่องมาตรการลดภาษีของเขาว่า “ไม่มีใครเคยลดภาษีเหมือนเรา เราลดภาษีถึง 4 ครั้ง”
เขายังตำหนิการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ “เศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศของเรา” ต้องหยุดชะงัก โดยบอกว่า “เราได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และเราก็ใช้เงินที่จำเป็น เพื่อที่เราจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะตกต่ำครั้งใหญ่”
ส่วนกรณีที่ทรัมป์สร้างหนี้ให้กับรัฐบาลกลางมากกว่าไบเดนถึง 2 เท่า ทรัมป์อ้างว่า เขากำลังจะเริ่มชำระหนี้แล้ว แต่ไวรัสโควิด-19 มาเสียก่อน จากนั้นเขาก็เปลี่ยนการสนทนาไปที่การจัดการโรคระบาดของไบเดน รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์คำสั่งด้านวัคซีนที่รัฐบาลไบเดนกำหนดขึ้น
ในการโต้กลับ ไบเดนวิพากษ์วิจารณ์มาตรการลดภาษีของทรัมป์ ก่อนที่จะเกิดอาการช็อตไมค์และพูดแค่ว่า “ในที่สุดเราก็เอาชนะ Medicare ได้” เป็นการจบยกแรกอย่างน่าสับสน
ต่อมาในประเด็นเรื่องกฎหมายการทำแท้ง ทรัมป์อ้างถึงกรณีเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งศาลฎีกาสหรัฐฯ ได้ยกฟ้องคดี ทำให้ประชาชนอาจเข้าถึงยาทำแท้งได้
“ศาลฎีกาเพิ่งอนุมัติยาทำแท้ง และผมก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของพวกเขาที่จะทำเช่นนั้น และผมจะไม่ขัดขวาง” เขากล่าว แต่ประกาศจุดยืนของเขาว่า การควบคุมการทำแท้งควรตกเป็นหน้าที่ของรัฐ
จากนั้นทรัมป์กล่าวโดยไม่มีหลักฐานว่า “นักวิชาการด้านกฎหมายทุกคนต้องการยุติการคุ้มครองการทำแท้งของรัฐบาลกลาง” และบอกว่าเขาสนับสนุนการทำแท้งเฉพาะเคสข่มขืน การร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง และการทำแท้งเพื่อปกป้องชีวิตของแม่เท่านั้น
ทรัมป์ยังกล่าวโดยไม่มีหลักฐานอีกครั้งเกี่ยวกับการทำแท้ง โดยบอกว่า พรรคเดโมแครตสนับสนุนนโยบายที่อนุญาตให้ทำแท้งได้แม้แต่เด็กที่กำลังจะคลอด
ไบเดนตอบกลับด้วยการบอกว่า “(การยกเลิกกฎหมายสิทธิการทำแท้ง) เป็นเรื่องที่แย่มาก ความจริงก็คือนักวิชาการด้านรัฐธรรมนูญส่วนใหญ่สนับสนุนกฎหมายให้สิทธิทำแท้ง”
แต่ขณะที่หลายคนคิดว่าไบเดนจะลงรายละเอียดเรื่องทำแท้งต่อ เพราะเขาเองก็มีนโยบายฟื้นฟูการเข้าถึงการทำแท้ง เขากลับไปพูดเรื่องผู้อพยพข้ามแดนเสียอย่างนั้น “มีหญิงสาวหลายคนที่ถูกฆ่าโดยผู้อพยพที่เข้ามา และพวกเขาก็พูดถึงเรื่องนั้น แต่นี่คือข้อตกลง มีหญิงสาวจำนวนมากที่ถูกข่มขืนโดยพวกเขา โดยญาติของพวกเขา – โดย – โดย – โดย – โดย – เพียง – มันก็แค่ – มันไร้สาระ และพวกเขาไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้”
เวทีดีเบตจึงคุยกันเรื่องปัญหาชายแดนต่อ โดยทรัมป์บอกว่า ผู้คนหลายล้านคนกำลังข้ามพรมแดนและรับสิทธิประโยชน์ประกันสังคม ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานอีกครั้ง ทรัมป์ยังแย้งว่าปัญหาฝิ่นอาจสืบเนื่องมาจากการผลิตเฟนทานิลในจีน ซึ่งลักลอบขนข้ามพรมแดนทางใต้เข้าสู่สหรัฐฯ
ไบเดนตั้งข้อสังเกตว่า เขามีข้อเสนอที่จะเพิ่มเทคโนโลยีและเจ้าหน้าที่บริเวณชายแดนแล้ว แต่ถูกปฏิเสธโดยพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสตามคำสั่งของทรัมป์
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับนโยบายการปราบปรามผู้อพยพอย่างรุนแรงที่เขาสัญญาไว้ ทรัมป์ไม่ตอบคำถามแต่กลับโจมตีไบเดน โดยอ้างว่าประธานาธิบดีต้องรับผิดชอบในอาชญากรรมที่กระทำโดยผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่ง
“ตอนนี้เรากำลังอาศัยอยู่ในรังหนู พวกเขากำลังฆ่าคนของเรา พวกเขากำลังสังหารพลเมืองของเราในระดับที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน” ทรัมป์กล่าว
ไบเดนซึ่งพยายามเน้นย้ำว่าการข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมายได้ลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตอบโต้ว่า “ทุกสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องโกหก”
จากนั้นประเด็นถูกเบี่ยงไปยังเรื่องทหารผ่านศึก ซึ่งไบเดนกล่าวชื่นชมลูกชายของเขา ฮันเตอร์ ไบเดน และบอกว่าทรัมป์ไม่ยอมไปสุสานทหารผ่านศึกรวมถึงพูดว่า เขาจะไม่ไปที่นั่นหรอก เพราะพวกเขาเป็นแค่ไอ้ขี้แพ้และพวกโง่
ไบเดนบอกว่า “ลูกชายผมไม่ใช่ขี้แพ้ เขาไม่ใช่พวกโง่ คุณนั่นแหละโง่ คุณนั่นแหละไอ้ขี้แพ้”
ต่อในประเด็นนโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะกับรัสเซียและยูเครน ผู้สมัครทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างมากในความเห็นและมุมมองของสงครามในยูเครน
ไบเดนตราหน้าประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ว่าเป็นอาชญากรสงครามที่จะขยายสงครามในยูเครนไปยังชาติสมาชิกนาโตที่อยู่ใกล้เคียง เช่น โปแลนด์ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์บอกว่าประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ว่าเป็นแค่ “นักขายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก”
ขณะที่เรื่องการจลาจล 6 ม.ค. 2021 ที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงอีกครั้ง ไบเดนกระตือรือร้นมากที่จะพูดเรื่องนี้ แต่ทรัมป์พยายามเปลี่ยนประเด็น และไม่ได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวโดยตรง
เขาพูดนอกเรื่องไปว่า สหรัฐฯ ในขณะนั้น “มีพรมแดนอันยิ่งใหญ่” “เราเป็นอิสระด้านพลังงาน” และสหรัฐฯมี “ภาษีต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา”
ในทางตรงกันข้าม ไบเดนกล่าวว่าทรัมป์ “สนับสนุนให้ผู้ประท้วงไปที่รัฐสภา” และในขณะที่รัฐสภาพถูกปิดล้อม ทรัมป์ “นั่งอยู่ที่นั่น 3 ชั่วโมงดูสิ่งที่เกิดขึ้น”
ทรัมป์ปฏิเสธความรับผิดชอบต่อการลุกฮือในวันที่ 6 ม.ค. และโต้แย้งว่า เป็นความผิดของประธานสภาผู้แทนราษฎร แนนซี เปโลซี ที่ต้องรับผิดชอบในการปฏิเสธกองกำลังพิทักษ์ชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อกล่าวอ้างที่น่าสงสัยและขาดหลักฐาน
เมื่อถามถึงประกันสังคม ไบเดนแย้งว่า ภาษีคนรวยจะทำให้ระบบดำเนินไปได้โดยไม่กระทบต่อใครก็ตามที่มีรายได้น้อยกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปี “ความคิดที่ว่าเราไม่จำเป็นต้องปกป้องผู้สูงอายุนั้นไร้สาระ”
เขายังบรรยายถึงความสัมพันธ์ของทรัมป์กับนักแสดงภาพยนตร์ผู้ใหญ่ สตอร์มี แดเนียลส์ ในขณะที่เมลาเนียภรรยาของเขากำลังตั้งครรภ์ โดยเรียกทรัมป์ว่าเป็นผู้ชายที่มี “ศีลธรรมแบบแมวจรจัด”
ทั้งนี้ การดีเบตครั้งนี้ถูกมองว่าเป้นความพ่ายแพ้อย่างน่าอับอายของไบเดน เพราะเสียงของเขาทั้งแหบแห้ง (ทีมงานอ้างว่าเขาเป็นหวัด) และการพูดก็เป็นไปแบบตะกุกตะกัก เหมือนความคิดไม่ค่อยสมบูรณ์พร้อม
หลังการดีเบต นักวิจารณ์มุ่งความสนใจไปที่ความตื่นตระหนกของพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับผลงานของไบเดน โดยหลายคนตั้งคำถามว่า การเสนอชื่อไบเดนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งเป็นการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องหรือไม่ และพรรคอาจจำเป็นต้องพิจารณาเสนอชื่อผู้เข้าชิงตำแหน่งคนอื่น
หลังจากนี้ ไบเดนและทรัมป์มีกำหนดพบกันเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ก.ย. ที่เวทีการดีเบตซึ่งจะจัดโดย ABC
เรียบเรียงจาก CNN / The Guardian