กางยุทธศาสตร์ AIS-3BB Fibre3 ท้าชนคู่แข่งเขย่าสมรภูมิเน็ตบ้าน
ภาพประกอบข่าว
สิ้นสุดไปแล้วสำหรับกระบวนการขอควบรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AWN ในเครือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS และ บริษัท ทริปเปิลทรี บรอดแบนด์ จำกัด หรือ 3BB ซึ่งได้รวมกันตั้งชื่อแบรนด์ใหม่ที่ได้รวมเอาชื่อ AIS Fibre และ 3BB กลายมาเป็น AIS-3BB Fibre3 และกลายเป็น 1 ใน 4 ขาธุรกิจของ AIS ที่มีธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่, ลูกค้าองค์กร, บริการดิจิทัลโซลูชั่น และธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง
ในขาธุรกิจอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ หรือเน็ตบ้าน การรวมกันทำให้ AIS-3BB Fibre3 มีฐานลูกค้าในมือเบ็ดเสร็จ 4.6 ล้านราย
แผนงานและเป้าหมายต่อไปของ AIS-3BB Fibre3 บนสมรภูมิการแข่งขันในตลาดอินเทอร์เน็ตบ้าน จะเป็นเช่นไรภายใต้การดูแลของ “ธีร์ สีอัมพรโรจน์” อดีตซีเอฟโอ AIS ที่จะมานั่งแท่นเป็น CEO บริษัท และการเดินทางของธุรกิจนี้
เร่งขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
ภาพประกอบข่าว
“สมชัย เลิศสุทธิวงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) กล่าวว่า การซื้อ 3BB เข้ามาเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานที่จะตอบสนองผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือที่แข็งแรงมาก ๆ อยู่แล้ว ขณะที่ fix broadband หรืออินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ทำมาแค่ 9 ปี ขยับมาได้ถึงเบอร์สอง เมื่อรวมกันจะยิ่งทำให้ความครอบคลุมเร็วขึ้น และขยายได้ดีขึ้น
ทำให้เป้าหมายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อคนไทยทำได้เร็วขึ้น ทั้งในแง่การเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า 3BB และ AIS ไม่ว่าจะเป็นการใช้ศูนย์บริการร่วมกัน ตลอดจนการเสนอ “ซิมโทรศัพท์มือถือ” ที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว เป็นต้น แต่ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะดึงลูกค้าอินเทอร์เน็ตบ้านให้เข้ามาใช้โทรศัพท์มือถือเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งยังจะมีบริการออนท็อปเข้าไปเพื่อทำให้การใช้งานดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เล่นเกม ใช้เพื่อธุรกิจ หรืออื่น ๆ แค่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกเล็กน้อยก็จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น
ภาพประกอบข่าว
“ไม่ใช่แค่ลูกค้าในระดับครัวเรือนที่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ดิจิทัลที่มากกว่าเดิม แต่รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SMEs ซึ่ง AIS พยายามขยายบริการเข้าไป เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเครื่องมือใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน รวมไปถึงองค์กรของรัฐที่จะได้ประโยชน์อย่างมากในการหลอมรวมและขยายโครงข่าย โดยเฉพาะโครงการสมาร์ทซิตี้, สมาร์ท CCTV ต่าง ๆ ท้ายสุดทั้งหมดจะนำไปสู่การสร้างความเติบโตให้กับเศรษฐกิจแบบร่วมกัน หรือ ecosystem economy”
ภาพประกอบข่าว
ส่องมาตรการ กสทช.
สำหรับกระบวนการขออนุญาตจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรียบร้อยแล้วตามกฎหมาย โดยเอไอเอสกำลังศึกษาเงื่อนไข และมาตรการเฉพาะของ กสทช. หลังการควบรวม ซึ่งส่วนใหญ่ไม่น่ามีปัญหาอะไร สามารถดำเนินการตามได้ทั้งหมด แต่อาจมีการทักท้วงบางข้อ เช่น มาตรการที่ AIS-3BB ต้องลงทุนโครงข่ายในพื้นที่ห่างไกล 1 หมื่นล้านบาท ภายใน 5 ปี ตกปีละ 2,000 ล้านบาท ที่อาจทับซ้อนกับโครงการ USO (บริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง และบริการเพื่อสังคมของ กสทช.
ในส่วนของเอไอเอส มีการลงทุนโทรคมนาคมฝั่งเน็ตบ้านเฉลี่ยปีละ 3-5 พันล้านบาทอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร แต่ในพื้นที่ห่างไกล สำหรับภาคเอกชนยังต้องกังวล เพราะนอกจากไม่มีลูกค้าแล้ว ยังซ้ำซ้อนกับหลักการ USO
“อีกส่วนที่ต้อง clarify กับ กสทช.ให้ชัดเจน คือ เรื่องราคาของแพ็กเกจพื้นฐานขั้นต่ำ ที่ต้องคงไว้นาน 5 ปี เรื่องการไม่ขึ้นราคา และคงแพ็กเกจเดิมไว้ไม่มีปัญหา แต่ยังไม่ชัดเจนเพราะราคาแพ็กเกจพื้นฐานแต่ละพื้นที่และลูกค้าแต่ละรายมีความแตกต่างกัน ต้องไปจำแนกและกำหนดให้ชัดกับ กสทช.เพื่อคงไว้ หากดูผ่าน ๆ น่าจะเป็นแพ็กเกจ 499 เน็ต 300/300 Mbps ข้อท้วงติง และความชัดเจนมีเวลา 90 วัน นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร”
สแกนสมรภูมิเน็ตบ้าน
“ธีร์ สีอัมพรโรจน์” แม่ทัพ AIS-3BB Fibre3 กล่าวถึงสภาพการณ์ของตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านว่า ประเทศไทยมี 22 ล้านครัวเรือน ปัจจุบันอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบ้านอยู่ที่ 50% เท่านั้น จึงยังมีช่องว่างอีกมากให้ทำตลาด
ขณะที่ 3BB มีความแข็งแกร่งเรื่องโครงข่าย เมื่อรวมกันทำให้ครอบคลุม 77 จังหวัด 923 อำเภอ 5,849 ตำบล และมีความสามารถในการรองรับการให้บริการมากกว่า 9.5 ล้านพอร์ต แต่มีที่ว่างเหลือใส่พอร์ตเชื่อมต่อรองรับได้มากกว่า 13 ล้านครัวเรือน
“ตลาดตอนนี้ไม่เหมือนช่วงโควิด-19 ที่ทุกคนกลับมาอยู่บ้าน ทำงานที่บ้าน ตอนนี้เข้าสู่ภาวะปกติ หลายคนบอกเลิกสัญญาอินเทอร์เน็ตบ้าน แต่ถามว่ายังโตได้ไหม ยังโตได้ บรอดแบนด์เวลาจะไปหาลูกค้าต้องลากไปถึงบ้าน ดังนั้นแผนการลงทุนเพิ่มเติมขยายโครงข่ายหรือต่อพอร์ตเข้าไป ต้องพิจารณาเป็นรายพื้นที่ โดยเฉพาะอัตราการขยายตัวของเมือง ปกติคนไม่ได้อยู่กับที่ตลอดเวลา ดังนั้นเป้าหมายมองไว้น่าจะโตราว 5-10% เช่นกัน”
อย่างไรก็ตาม ในวงต้นของการรวมธุรกิจแม้จะพยายามให้ลูกค้าเก่าทั้ง AIS และ 3BB ใช้บริการร่วมกันได้ แต่เรื่องของรายได้อาจยังไม่สามารถทดแทนรายได้กัน จึงต้องให้เวลาทีมสำรวจธุรกิจก่อน เพราะที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าผลประกอบการ 3BB ยังเหนื่อยอยู่ จากค่าเช่าโครงข่ายที่ค่อนข้างสูง จึงต้องขอเวลาในการประสานความร่วมมือกันอีกสักระยะ
เสริมแกร่งตอบโจทย์ลูกค้า
“ธีร์” กล่าวว่า 3BB มีพนักงานราว 6,000 คน เป็นทั้งช่างเทคนิค, ด้านบริการ และทีมเซลส์ ซึ่งไม่มีผลกระทบ เพราะยังต้องดูแลลูกค้าเหมือนเดิม และศูนย์บริการจะสามารถให้บริการได้ทั้งลูกค้า AIS-3BB อีกส่วนคือเรื่องการบริหารสินทรัพย์ อย่างเสาโครงข่ายและอื่น ๆ ที่ 3BB มีอยู่ จะขายเข้าสู่กองทุน JASIF หรือไม่นั้น ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา แต่สภาพการเงินของเอไอเอสมีความมั่นคงมาก
“การแข่งขันของตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านเปลี่ยนไป แม้จะรู้ว่าเราสามารถขยายโครงข่ายไปยังลูกค้าได้ครอบคลุมได้ทั้งหมด แต่ยังไม่รู้ว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ สิ่งที่เรารู้และควบคุมได้ คือ แทนที่จะขยายอินเทอร์เน็ตไปถึงบ้าน เราจะเข้าไปดูแลลูกค้า ตั้งแต่ภายในบ้าน คือ หาบริการเสริมเข้าไปเพิ่มมูลค่า การแข่งขันเป็นเช่นนี้ แต่อยู่ที่ใครจะให้คำมั่นได้มากกว่ากัน ใครจะเชื่อเรื่องนี้มากกว่ากัน ใครจะพาองค์กรไปตามเส้นทางนั้นพร้อมกันได้”
แม่ทัพ AIS-3BB Fibre3 ขยายความต่อว่า เทคโนโลยี FibreLAN ที่เพิ่มความเร็ว 1Gbps ได้ทุกห้องในบ้าน ค่อนข้างตอบโจทย์ เพราะบ้านคนไทยมี 2 ชั้น จากเดิมที่อาจมีในบ้านอยู่แล้ว อีกชั้นหรืออีกห้องหนึ่งอาจอับสัญญาณ แต่หากเพิ่มบริการเป็นจุดรับส่งสัญญาณ 2 กล่อง เพิ่มค่าบริการเล็กน้อยก็จะตอบสนองความต้องการได้ดีกว่าเดิม เป็นต้น
“เราคิดราคาอย่างหนักเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม หรือสำหรับลูกค้าองค์กร เรามี Cloud PC อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าองค์กรและทุกคนในบ้าน ในราคาที่เหมาะสมเช่นกัน แม้แต่แพ็กเกจที่ออกแบบสำหรับ SMEs โดยเฉพาะ ด้วยความปลอดภัยของโครงข่ายและอื่น ๆ อีกมากบ้าน วันนี้ไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่ของโอกาส โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี พ่อค้าแม่ค้า อินเทอร์เน็ตบ้าน จึงต้องคิดให้ตอบโจทย์มากขึ้น ทำให้ถ้าลูกค้าได้รับบริการในราคาและคุณภาพที่เหมาะสม ซึ่งแต่ละพื้นที่ หรือในแต่ละผู้บริโภคก็มีความต้องการต่างกัน อยู่ที่ใครจะตอบโจทย์ได้มากกว่ากัน สุดท้ายอยู่ที่ผู้บริโภค”