นับถอยหลังคนไทยได้ใช้ “รถไฟฟ้าสายสีส้ม”ปี71
ภายหลังศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้องในคดีข้อพิพาทกรณีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ถือเป็นอันสิ้นสุดของข้อพิพาทนี้ และทำให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มสามารถเดินหน้าตามกระบวนการประกวดราคา ลงนามสัญญากับผู้ชนะการประมูลได้
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยระบุว่า ปัจจุบันการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นำส่งร่างสัญญาร่วมทุนในโครงการดังกล่าวมายังกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาแล้ว อยู่ในกระบวนการปลัดกระทรวงคมนาคมตรวจสอบรายละเอียดอยู่ โดยจะมีเวลาดำเนินการไม่เกิน 30 วัน ก่อนเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาลงนามร่างสัญญากับผู้ชนะการประมูล โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากปัจจุบันร่างสัญญาได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานอัยการสูงสุดมาแล้ว
“กระทรวงฯ มีเพียงหน้าที่เห็นชอบกับไม่เห็นชอบผลการประมูล ซึ่งเรื่องนี้เมื่อศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินมาแล้วว่าการประมูลถูกต้อง ดังนั้นก็ไม่มีเหตุในการไม่เห็นชอบผลการประมูล ส่วนหลังจากนี้ถือเป็นอำนาจการพิจารณาของ ครม. ว่าจะมีความเห็นอย่างไร แต่ส่วนตัวผมมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาติดขัด เพราะก่อนหน้านี้ที่มีปัญหาเนื่องจากกฤษฎีกามีความเห็นให้รอผลการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งวันนี้จบลงแล้ว”
ส่วนกรณีที่ปัจจุบันยังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม อยู่ในกระบวนการศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จากการตรวจสอบพบว่าเป็นคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับการประกวดราคาในครั้งที่ 1 ซึ่ง รฟม.ได้ยกเลิกการประมูลครั้งนั้นไปแล้ว อีกทั้งยังเป็นการฟ้องร้องที่ตัวบุคคล ดังนั้นจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประมูลครั้งที่ 2 ที่ได้ตัวผู้ชนะการประมูลแล้ว
สุริยะ กล่าวด้วยว่า ประเด็นที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงคมนาคมและผู้ว่าการ รฟม. โดยขอให้ทั้ง 2 หน่วยงาน ช่วยดำเนินการตรวจสอบขั้นตอนและกระบวนการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) หลังตรวจสอบข้อมูลพบว่ากระบวนการคัดเลือกอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีของการไม่ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคา จึงมีการส่งสำนวนการสืบสวนและเอกสารประกอบไปยังคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อไต่สวนนั้น เรื่องนี้ตนมองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการลงนามสัญญา
“ตามปกติหน่วยงานต่างๆ ที่มีปัญหาก็มีสิทธิฟ้องร้องต่อดีเอสไอ และ ป.ป.ช. เข้ามาตรวจสอบกระบวนการดำเนินงานอยู่แล้ว ซึ่งการสืบสวนเป็นไปตามขั้นตอน เชื่อว่าเรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีคำตอบที่สามารถชี้แจงได้ ดังนั้นวันนี้ส่วนที่ดำเนินการถูกต้องแล้ว ศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาออกมาแล้ว ก็สามารถเสนอต่อ ครม.พิจารณาตามขั้นตอนได้”
ทั้งนี้ สิ่งที่กระทรวงฯ กังวลต่อการดำเนินงานในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ไม่ใช่ประเด็นของข้อพิพาทต่างๆ ที่ยังดำเนินการอยู่ แต่เป็นเรื่องของการเร่งรัดให้บริการแก่ประชาชน เพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่ารัฐบาลลงทุนในโครงการนี้ไปมากแล้ว มีการลงทุนก่อสร้างงานโยธาส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ดำเนินการแล้วเสร็จ แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เพราะติดปัญหาการฟ้องร้องในคดี ดังนั้นเมื่อศาลปกครองสูงสุดตัดสินชี้ขาดก็ควรเร่งเดินหน้าต่อ
รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เผยว่า หลัง ครม.มีมติอนุมัติให้ลงนามสัญญาร่วมลงทุน จะเร่งรัดกระบวนการลงนามสัญญาภายในเดือน ต.ค.2567 โดยมีแผนเปิดให้บริการโครงการสำหรับส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ภายในเดือน พ.ค. 2571 และเปิดให้บริการโครงการตลอดทั้งเส้นทาง ตั้งแต่ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ภายในเดือน พ.ย.2573
สำหรับการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เอกชนผู้ชนะการประมูลจะได้รับสิทธิก่อสร้างงานโยธาช่วงตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม) รวมถึงงานเดินรถไฟฟ้าตลอดสาย บางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงินลงทุนรวมกว่า 1.4 แสนล้านบาท โดย รฟม.ได้เปิดประมูลครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2565 เอกชนผู้ชนะการประมูล คือ กลุ่ม BEM ประกอบด้วย บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ร่วมกับบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เสนอผลประโยชน์สุทธิ (มูลค่าปัจจุบัน: NPV) เท่ากับ -78,287.95 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ BEM เคยออกมาประกาศความพร้อมลงนามสัญญาร่วมทุน และจุดแข็งพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นอย่างมาก จึงมั่นใจว่าจะเปิดให้บริการส่วนตะวันออกได้ภายใน 3 ปีครึ่งหลังลงนามสัญญา และเปิดส่วนตะวันตกได้ภายใน 6 ปีหลังลงนามสัญญา อีกทั้งจะเร่งติดตั้งระบบรถไฟฟ้า และจัดหาขบวนรถ เพื่อเริ่มให้บริการส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์)