อากาศแปรปรวนถล่มพืชเกษตร ทุเรียนดอกร่วง-ปาล์มขาดคอไม่ติดลูก
ภาพประกอบข่าว
ภัยแล้งกระทบพืชผลทางการเกษตร จากอุณหภูมิที่สูงขึ้น สภาพอากาศแปรปรวน ทำดอกทุเรียนร่วงหล่น ปาล์มขาดคอมีช่อดอกตัวผู้มากกว่าตัวเมีย ไม่เกิดลูก แม้กระทั่งมันสำปะหลังที่ทนแล้งได้ดียังผลผลิตลด กระจุกตัวช่วงเดือน มี.ค-เม.ย ส่วนข้าวนาปรังยังไปได้ดี เหตุส่วนใหญ่ปลูกในพื้นที่ชลประทาน ไม่ขาดน้ำ แต่ข้าวนาปียังต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะจะเกิดฝนทิ้งช่วง
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่จะมีผลกระทบต่อผลผลิตสินค้าเกษตร เช่น ข้าวเปลือก, มันสำปะหลัง, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มน้ำมัน อย่างใกล้ชิด ตอนนี้ยังไม่พบปัญหา เนื่องจากราคาผลผลิตยังคงตัวในระดับสูง ประกอบกับช่วงนี้ผลผลิตจะออกสู่ตลาดน้อยเพราะไม่ใช่ฤดูการเก็บเกี่ยว แต่ให้ความมั่นใจได้ว่า สินค้าเกษตรมีเพียงพอต่อความต้องการบริโภคอย่างแน่นอน
โดยปริมาณผลผลิตข้าวทั้งปีอยู่ที่ 30 ล้านตันข้าวเปลือก ปัจจุบันเป็นช่วงผลผลิตข้าวนาปรัง ซึ่งเก็บเกี่ยวใกล้หมดแล้วและราคาข้าวยังคงทรงตัวสูง อาทิ ข้าวหอมมะลิปัจจุบันอยู่ที่ 14,850 บาทต่อตัน หรือเพิ่มขึ้น 7%, ข้าวเจ้าราคาอยู่ที่ 11,500 บาทต่อตัน หรือเพิ่มขึ้น 15% และข้าวเหนียวเมล็ดยาวราคาอยู่ที่ 13,300 บาทต่อตัน หรือเพิ่มขึ้น 10% ส่วนราคาหัวมันสดอยู่ที่ 3.30 บาท/กก. หรือลดลง 8% ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ราคาอยู่ที่ 9.53 บาท/กก. หรือลดลง 22% ผลปาล์มที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% ราคาอยู่ที่ 5.65 บาทต/กก. หรือลดลง 6% จากปกติผลผลิตทั้งปีจะออกสู่ตลาด 18 ล้านตัน
ภาพประกอบข่าว
ด้านนายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า ภัยแล้งที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบต่อการปลูกข้าวนาปรังมากนัก เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชลประทาน แต่นาปีอาจจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเนื่องจากฝนทิ้งช่วง แต่ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เริ่มทำฝนเทียมแล้วและติดตามน้ำในเขื่อนก็มี 30-40% เพียงพอต่อการเพาะปลูกแน่นอน
ส่วนนายรังษี ไผ่สอาด นายกสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลผลิตมันสำปะหลังเจอวิกฤตภัยแล้ง “ร้อนมาก” ผลผลิตออกล่าช้ากระจุกช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2567 ส่งผลกระทบต่อราคาหัวมันสดเหลือ 1.90-2 บาท/กก. มันเส้นเหลือ 7 บาท/กก. ขณะที่ต้นทุนการปลูกกว่า 2,000 บาทต่อตัน และจะต้องเริ่มเพาะปลูกฤดูถัดไปเพราะขาดน้ำ ทำให้ท่อนพันธุ์มันสำปะหลังเสียหาย
“คาดการณ์ว่าผลผลิตมันสำปะหลังทั้งปีจาก 33 ล้านตัน จะเหลือแค่ 23-24 ล้านตันหัวมันสด พร้อมกันนี้ การปรับนโยบายพลังงานจะไม่ใช้เอทานอล จะมีผลต่อราคาการรับซื้อและกดราคามันเส้นในประเทศ ทำให้ล้นตลาด ไม่มีที่ระบาย ราคาตกต่ำ ต้องส่งออกไปตลาดจีน ซึ่งก็น่าเป็นห่วงเพราะจีนจะรับกดราคาเนื่องจากผลผลิตข้าวโพดในประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ 288 ล้านตัน ซึ่งจีนก็จะใช้ผลผลิตในประเทศเป็นหลัก รัฐบาลแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรได้อย่างไร้ฝีมือ ไม่มีนโยบายชัดเจนในการดูแลราคาสินค้าเกษตร ผลผลิตมันสำปะหลังปีหน้าเจอวิกฤตแน่นอน” นายรังษีกล่าว
สำหรับสถานการณ์ผลผลิตทุเรียนในภาคตะวันออกนั้น ล่าสุด สำนักงานเกษตรจังหวัดภาคตะวันออก ได้ทำการประเมินสถานการณ์และปริมาณผลผลิตทุเรียนครั้งที่ 3 ของปี 2567 รวมได้ 782,874 ตัน หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีจำนวน 776,914 ตัน เพิ่มขึ้น 5,960 ตัน หรือ 0.77% เท่านั้น เฉพาะที่จังหวัดระยองมีปริมาณผลผลิต 136,824 ตัน ลดลงจากปี 2566 ที่มีจำนวน 148,942 ตัน หรือลดลง 12,118 ตัน (8.14%)
จากการสอบถามเจ้าของสวนทุเรียนหลายรายส่วนใหญ่ให้ความเห็นตรงกันว่า จากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนทำให้ทุเรียนออกดอกไม่ดี ดอกร่วงไม่ติดผลและยังร่วงหล่นเสียหายในช่วงผลอายุทุเรียน 50 วัน ทำให้ผลผลิตลดลง 30-60% และมีผลผลิตกระจายออกไป 3-4 รุ่น แม้แต่ชาวสวนที่มีประสบการณ์การปลูกทุเรียนเป็นมืออาชีพ ยังไม่สามารถประเมินผลผลิตได้ในช่วงต้นฤดูหรือระยะเวลาดอกบานจะประมาณผลผลิตได้ต่อเมื่อใกล้ช่วงที่ผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาด
“สาเหตุของผลผลิตที่ลดลงมาจากอากาศแปรปรวนและไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ทุเรียนออกดอกยาก ออกดอกไม่ดี และยังมีดอกบานช่วงเดือนกุมภาพันธ์ร่วงหล่นไม่ติดผลค่อนข้างมาก ผลทุเรียนอายุประมาณ 50 วัน พบใบอ่อนช่วงต้นเดือนมีนาคม ร่วงหล่นเสียหายไปมาก ทำให้ผลผลิตลดลงและกระจายไปหลายรุ่นและทุเรียนปีนี้จะออกช้ากว่าปีก่อน ๆ ถึง 1 เดือน ประกอบกับประสบปัญหาภัยแล้ง วิกฤตเอลนีโญที่แล้งยาวกว่าปกติ ความสมบูรณ์ของผล คุณภาพของทุเรียนจะทำยากขึ้น”
ส่วนนายสมศักดิ์ พาณิชย์ เจ้าของสวนปาล์มน้ำมันและลานรับซื้อปาล์มน้ำมัน อ.ระโนด จ.สงขลา กล่าวว่า ช่วงเข้าสู่หน้าแล้งและร้อนจัดส่งผลกระทบทำให้ต้นปาล์มน้ำมันไม่มีผลผลิต เนื่องจากปาล์มออกช่อดอกตัวผู้มากกว่าดอกตัวเมีย ทำให้ต้นปาล์มไม่เกิดการติดลูก หรือเรียกว่า “ปาล์มขาดคอ” แม้ว่าจะมีการใส่ปุ๋ย แต่ต้นปาล์มอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถควบคุมได้
ทำให้ผลผลิตที่เคยออกถึง 4 ตันต่อการเก็บเกี่ยวต่อครั้ง เหลือประมาณ 1.5 ตัน ขณะที่สถานการณ์ภาพรวมปาล์มน้ำมันราคายังเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดี 5.70-5.80 บาทต่อ กก. เนื่องจากลานปาล์มน้ำมันหลายแห่งในพื้นที่ อ.ระโนด มีความต้องการซื้อประมาณ 3,000 ตันต่อวัน เพื่อส่งเข้าสู่โรงงานแปรรูปปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ จ.พัทลุง และ จ.นครศรีธรรมราช แต่เกษตรกรกลับมีผลผลิตที่จะขายให้น้อย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : อากาศแปรปรวนถล่มพืชเกษตร ทุเรียนดอกร่วง-ปาล์มขาดคอไม่ติดลูก
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net