สำนักข่าวไร้พรมแดน ห่วง ‘เสรีภาพสื่อเลวร้าย’ ชี้ 5 ปท.ที่น่ากลัวสุด นักข่าวถูกสังหารหลายสิบ
‘ผจก.สำนักข่าวไร้พรมแดน’ กังวล เสรีภาพสื่อย่ำแย่ ชี้ 5 ประเทศที่น่ากลัวสุด – สื่อถูกสังหารหลายสิบชีวิต ในรอบศตวรรษ
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เนื่องในวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก สำนักข่าวประชาไทร่วมกับ ยูเนสโกจัดงาน ‘สถานการณ์เสรีภาพสื่อหลังระบอบ คสช. และก้าวต่อไปเพื่อการปกป้องคุ้มครอง’ นำกล่าวปาฐกถา โดย Aleksandra Bielakowska ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ จาก นักข่าวไร้พรมแดน สาขาเอเชียแปซิฟิก
โดยนำเสนอข้อมูลเสรีภาพสื่อในภูมิภาคของนักข่าวไร้พรมแดน พร้อมวงเสวนาหัวข้อ “สถานการณ์เสรีภาพสื่อหลังระบอบ คสช. และก้าวต่อไปเพื่อการปกป้องคุ้มครอง” โดยจะโฟกัสข้อมูลสถิติ กรณีที่ถูกคุกคาม ไปจนถึงข้อเสนอทำให้กฎหมายที่มีอยู่ฟังก์ชั้และการออก กฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก (Anti-SLAPP Law)
โดยมี อันนา หล่อวัฒนตระกูล บก.ประชาไทอิงลิช/PFMSea, นายฐิติพันธ์ พัฒนมงคล บรรณาธิการ หนังสือ SLAPP ‘หนึ่งความฝัน’ กับการถูกฟ้องปิดปาก, น.ส.สัณหวรรณ ศรีสด นักกฎหมายจากคณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) และ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ กรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องในวาระวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก ร่วมเสวนา
บรรยากาศเวลา 13.00 น. Aleksandra Bielakowska ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ สำนักข่าวไร้พรมแดน สาขาเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ดิฉันทำงานที่ Reporters Without Borders เป็นองค์การนอกภาครัฐระหว่างประเทศ (NGO) ที่เรียกร้องเสรีภาพและความเป็นอิสระของนักข่าวในการทำงานทั่วโลก มีการทำงานในการสนับสนุนเอเชียตะวันออกใน 7 ปี ที่ผ่านในการทำงานโครงการต่างๆ ที่สนับสนุนนักข่าว ในเรื่องของการเพิ่มขีดความสามารถ และช่วยสำนักงานข่าวต่างๆ ในการทำงาน
ภาพประกอบข่าว
“รวมทั้งยังมีการทำแคมเปญสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลในภูมิภาคของเรา นอกจากนี้ ในปีนี้ยังเป็นครั้งแรกที่เรามีการทำงานในประเทศไทย ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา องค์กรของเราก็มีการตัดสินใจว่า ภูมิภาคของเราที่มีการทำงาน สำนักงานอยู่ที่ไต้หวัน จะทำให้ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด ตอนนี้เราก็มีการทำงานครอบคลุมถึง 32 ประเทศ และมันทำให้เราสามารถที่จะเดินทางไปที่หลายประเทศ เพื่อดูว่าแต่ละประเทศมีความที่จะจำเป็นอะไรบ้าง และมีการพัฒนาโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละประเทศหรือไม่อย่างไร” Bielakowska ชี้
Bielakowska กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ วันที่ 3 พฤษภาคม วันนี้ยังเป็นวันสำคัญสำหรับเราทุกคน สำหรับนักปกปองเสรีภาพสื่อทั่วโลก วันนี้ก็เป็นวันที่เรารู้กันดีว่าเป็นวัน ‘เสรีภาพสื่อมวลชนโลก’ สำหรับ Reporters Without Borders (RFS) เราก็มีอีกมิติหนึ่งในการทำงานก็คือ การทำงานในเรื่องของ ดัชนีเสรีภาพสื่อ (WPFI) สำหรับดัชนีนี้ เราก็มีการเปรียบเทียบเสรีภาพของสื่อใน 180 ประเทศ และเป็นเครื่องมือของเราในการที่จะดูว่า ในแต่ละประเทศมีเสรีภาพมากน้อยแค่ไหน ซึ่งอันนี่ก็เป็นเครื่องมือที่ได้รับการยอบรับในสื่อมวลชนต่างๆ สำนักข่าว และหน่วยงานระหว่างประเทศ อย่างเช่น UN, World Bank และ UNESCO
“เป็นเหมือนการบอกภาพรวมของแต่ละประเทศ ว่ามีการทำงานรวมกันในสำนักงานใหญ่ใน RFS 150 ประเทศทั่วโลก ที่ทำงานรวมกัน ในการยกระดับเพื่อทำให้เรามีการทำงานในแต่ละประเทศได้ดีขึ้นในส่วนของการรายงานข่าว” Bielakowska กล่าว
Bielakowska ชี้ว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เรามีการเปลี่ยนคำถามเป็น 5 หมวดหมู่และตัวชี้วัดด้วย และความนิยามของเรา ความสามารถของนักข่าวในการที่จะรวบรวมและก็เผยแพร่ข่าวที่เกี่ยวข้องกับทางการเมือง โดยมีการคำนึงถึงความปลอดภัยทั้งทางกายและจิตใจ
“อย่างสถานการณ์ด้านเสรีภาพของประเทศไทย จะมีการนำเสนอะไรที่เป็นความท้าทายให้เราเห็นในปีนี้ รวมถึงในส่วนของเสรีภาพสื่อทั่วโลก เพื่อแบ่งปันข้อมูลให้กับทุกๆ ท่าน ในเรื่องของข้อสังเกตุนี้ RFS ในตัวดัชนี ก็เป็นเครื่องมือในการที่จะใช้วัดตรงนี้ได้ดี” Bielakowska กล่าว
Bielakowska เผยด้วยว่า มากกว่าครึ่งของประชากรทั่วโลก มีการเข้าร่วมในการเลือกตั้ง และเสรีภาพสื่อทั่วโลก ก็ถูกคุกคามโดยคนที่ควรที่จะเป็นคนที่รับรองด้านเสรีภาพสื่อ ซึ่งก็คือ ‘รัฐ’ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้จากตัวดัชนีเสรีภาพสื่อล่าสุด ว่าหนึ่งในปัจจัยของ 5 ข้อ แสดงให้เห็นถึงข้อบงชี้ทางเมือง ว่ามีค่าประมาณคะแนนต่ำลงมากที่สุด ถึง -0.8 ของรัฐบาลทั่วโลก การเติบโตของอำนาจทางการเมืองนั้น ไม่ตอบสนองบทบาทฐานะผู้ประกันสิทธิสาธารณะต่อข่าวสาร ข้อมูลเหตุการณ์ที่เชื่อถือได้และเป็นอิสระ
“RSF กังวลต่อการลดลงของการสนับสนุนและความเคารพเสรีภาพสื่อ และมีการเพิ่มขึ้นของความกดดันจากรัฐและผู้มีบทบาททางการเมือง หากไม่มีกฎระเบียบ การขาดนโยบาย และการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างข้อมูลเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง ถือเป็นข้อกังวลอย่างมากจริงๆ” Bielakowska กล่าว
Bielakowska กล่าวว่า ขณะนี้ AI Deepfake กำลังครองตำแหน่งผู้นำด้านอิทธิพลต่อการเมือง มีหลักฐานเช่นเสียง Deepfake ของนักข่าวในระหว่างการเลือกตั้งรัฐสภาในสาธารณรัฐสโลวัก และเรียกว่าเป็นหนึ่งในกรณีแรกๆ ที่ได้รับการบันทึกไว้เกี่ยวกับการโจมตีนักข่าวดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างอิทธิที่ส่งผลต่อแคมเปญหรือการเลือกตั้งต่างๆ ซึ่งตรงนี้เป็นเอกสารที่แสดงให้เราเห็นว่า มีการใช้ AI ในการโจมตีการทำข่าวและส่งผลต่อการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยในประเทศ ในหลายประเทศเราก็จะเห็นว่ามีการใช้อินเตอร์เน็ต และโซเซียลมีเดีย ในการที่จะบล็อกและปิดบัญชีที่มีการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งและการเมืองต่างๆ
Bielakowska ยังกล่าวอีกว่า ในเรื่องของการกระจายข่าว มากกว่า 3 ใน 4 ของประเทศที่มีการประเมินโดยเรา พบว่าส่วนใหญ่แล้ว ที่คนตอบ ก็คือคนที่เป็นนักวิชาการ ซึ่งก็บอกว่า ตัวแสดงที่เป็นรัฐก็มีส่วนในโฆษณาชวนเชื่อและการเปิดเผยข้อมูลที่ผิด และตรงนี้ก็ส่งผลต่อ 31 ประเทศทั่วโลก
“เราก็จะเห็น ท็อป 3 ทั้งประเทศนี้ นอร์เวย์ก็ส่งผลกระทบเหมือนกัน และ ไอร์แลนด์ที่เป็นที่ 2 เมื่อปีที่แล้วก็พบว่ามีกรณีที่ถูกรัฐขมขู่ ได้แทนที่ด้วยเดนมาร์ก ตามอันดับด้วยสวีเดน และทั้ง 3 ประเทศฝั่งเอเชียติดอันดับท้าย หนึ่งในนั้นเป็นอัฟกานิสถาน ซึ่งมีการดำเนินคดีนักข่าวที่ทำข่าวเกี่ยวกับตาลีบัน อีกประเทศหนึ่งก็คือซีเรีย และสุดท้ายก็เป็นเอริเทรีย ประเทศสองประเทศหลังก็คือเป็นประเทศที่เราเห็นว่ามีการกังตัวและคุมขังคนที่เป็นสื่อหรือนักข่าว
ภาพประกอบข่าว
และในสถานการณ์เสรีภาพข่าวมันแย่ลงใน เอเชียแปซิฟิก 26 จาก 32 ประเทศ และอาณาเขต เราก็จะเห็นว่ามีคะแนนในดัชนี 2024 น้อยลง และเราก็จะเห็นว่ารัฐบาลต่างๆ มีการจัดการเรื่องนี้อย่างเข้มงวดมากขึ้น ในเอเชียแปซิฟิกที่เรามีการทำงาน เราก็เห็นว่า 5 ประเทศก็ถือว่าเป็นเทศที่มีความน่ากลัวมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเมียนมา เวียดนาม เกาหลีเหนือ และ อัฟกานิสถาน เราก็จะเห็นว่าประเทศเหล่านี้ติดอันดับ 15 ประเทศต้นๆ ในเอเชียแปซิฟิก ในเรื่องของการจำกัดเสรีภาพสื่อ” Bielakowska กล่าว
Bielakowska กล่าวต่อว่า ในเวียดนามเขาก็มีความพยายามที่จะรายงานประเด็นที่เกี่ยวกับรัฐบาลอยู่ แต่สุดท้ายก็ถูกจำคุก จีนเหมือนกัน ก็เป็นประเทศที่มีการจำคุกนักข่าวมากที่สุดลำดับหนึ่ง เหมือนกันมีการจำกัดสื่ออย่างเข้มงวด และมีการพยายามที่จะไม่ให้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหวเกี่ยวกับพรรคการเมืองของตนเอง
“จากข้อมูลที่เรามีการเห็นทุกๆ วัน จาก RFS ทั่วโลก ก็คือในปีนี้ ธีมของ World Press Freedom Day ก็คือการทำงานเพื่อโลกของเรา อยากจะพูดถึงในสถานการณ์ของเอเชีย ใน 10 ปีที่ผ่านมา จากที่เราเก็บข้อมูลมาในเรื่องของการละเมิดนักข่าวทั่วโลก RFS ก็ได้เห็นว่ามีนักข่าว 200 คนที่ถูกคุกคาม มีการทำร้าย เพราะว่าพวกเขามีการทำงานข่าวในเรื่องของสิ่งแวดล้อมในเอเชีย และละตินอเมริกา ถือว่าเป็นภูมิภาคที่มีความอันตรายมากที่สุดสำหรับนักข่าว” Bielakowska อธิบาย
Bielakowska กล่าวว่า มีการฆ่านักข่าว 28 คนในรอบทศวรรษ (10 ปี) ที่ผ่านมา เกือบครึ่งหนึ่งของนักข่าวถูกฆ่าในอินเดีย ซึ่งก็เป็น 13 คน จาก 28 คน ซึ่งมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต และองค์กรอาชญากรรม และเรื่องล่าสุดของนักข่าวที่ถูกฆ่าเนื่องจากทำข่าวสิ่งแวดล้อม มีนักข่าวคนหนึ่งถูกยิงในเดือนพฤษภาคม 2023 หลังจากที่เขามีการรายงานข่าวในประเทศของตัวเอง
“เป็นสถานการณ์ที่น่าเศร้า ถึงแม้ว่าดิฉันจะมีการทำงานกับ RFS มา 4 ปี แล้ว ฉันก็เห็นสถานการณ์ทั่วโลกว่ามันมีความแย่ และเลวร้ายลง และเราก็จะเห็นว่าสถานการณ์นั้นมีความเลวร้ายมากขึ้นไปอีก เพราะว่ามีเสรีภาพน้อยลงในการทำข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียแปซิฟิก เมื่อมองไปในอนาคตก็อยากจะให้มีความหวังมากขึ้น ก็ขอบคุณมาก และหวังว่าตัวดัชนีนี้ก็จะเห็นผลรับและความก้าวหน้าในทางที่ดีขึ้น” Bielakowska กล่าว
ภาพประกอบข่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สำนักข่าวไร้พรมแดน ห่วง ‘เสรีภาพสื่อเลวร้าย’ ชี้ 5 ปท.ที่น่ากลัวสุด นักข่าวถูกสังหารหลายสิบ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th