ทวิดา เล่าวีรกรรมแสบ ก่อนนั่ง ‘คณบดีสิงห์แดง’ โดนปรามาสหนัก ลั่น คณะเราเก่งมาก ‘สร้างคนกล้า’
‘ทวิดา’ เล่าวีรกรรมสุดแสบ ไม่เคยคิดเป็นอาจารย์ – ก่อนนั่งคณบดีสิงห์แดง โดนปรามาสหนัก ลั่น คณะเราเก่งมาก สร้างคนกล้า-หาเหตุผลให้กับความถูกต้อง
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ห้องศาสตราจารย์ทวี แรงขำ (ร.103) คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เนื่องในวาระครบรอบ 75 ปีแห่งการสถาปนา คณะรัฐศาสตร์ จัดงานเสวนา ‘สิงห์แดง?: ความทรงจำ 75 ปี รัฐศาสตร์สำนักธรรมศาสตร์‘
โดยมี ศ.(พิเศษ) นรนิติ เศรษฐบุตร อดีตนายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ศ.(พิเศษ) สาขาวิชารัฐศาสตร์, ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และอดีตคณบดีฯ, รศ.ดร.สายทิพย์ สุคติพันธ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด, ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ รักษาการแทนอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์, รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. อดีตคณบดีฯ ร่วมเสวนา ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.วสันต์ เหลืองประภัสร์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มธ.
ในตอนหนึ่ง รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. อดีตคณบดีฯ กล่าวว่า เข้าเรียนคณะรัฐศาสตร์ มธ. เมื่อปี 2533 มีปัญหาเรื่องการขอโควต้า วิชาเรียนตั้งแต่สมัยตนแล้ว คณะที่ขอโควต้ายากที่สุดคือ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี แล้วเรียนอย่างยากเย็นแสนเข็น ถึงขั้นสอบตก อีกคณะคือคณะศิลปศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ ขอโควต้ายาก นรกหมกไหม้
”เราเข้ามาไม่ได้อยากเรียน ถามว่าสอบเข้ามาทำไม จริงๆ เรียนเพื่อเป็นหมอ แต่ไม่มีปัญญาสอบ รุ่นนี้เผื่อเลือกเอ็นทรานต์ไม่ติด โดยเฉพาะสายบริหารรัฐกิจ ถ้าไม่ได้อยู่อันดับ 3 เป็นต้นไปให้เอาหัวเป็นประกัน“
ภาพประกอบข่าว
รศ.ดร.ทวิดากล่าวว่า เป็นรุ่นที่ต้องไปเรียน มธ.ศูนย์รังสิต 1 ปี โดยทุกคนมีความเท่าเทียมกัน เพราะเมื่อนั่งรถไฟลงสถานีเชียงราก แล้วนั่งรถ 2 แถวเข้ามหาวิทยาลัย หัวจะยุ่ง ฝุ่นแดงเกาะเต็ม ร้านขายอาหารก็ไม่ค่อยมี โรงอาหารมีขายอยู่ 5 ร้าน กินวนร้านไป ขนมปังปิ้งทาเนยน้ำตาล ก๋วยเตี๋ยว
“แต่มันมีมุมดีที่เราได้เจอคนอื่น และทำให้เราได้เจอผู้ชาย รถไฟมีแค่ 2 เที่ยว 06:50 น. กับ 07:20 น. ที่ทำให้ไปเรียนทัน ทำให้เจอเพื่อนนักศึกษา ม.กรุงเทพด้วย”
”นักศึกษายุคนั้นเซ็นทรัลลาดพร้าว คือจุดหมายที่ 1 ยังไม่มีฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต จุดหมายที่ 2 คือ สามย่าน สยามสแควร์ ฉะนั้นถ้าเราไม่คบกันเองกับ ม.กรุงเทพ ก็มีแฟนอยู่จุฬา มีอยู่แค่นี้“ รศ.ดร.ทวิดากล่าว
รศ.ดร.ทวิดากล่าวว่า ข้อดีของการเรียนศูนย์รังสิต คือ มี Common Enemy (ศัตรูร่วมกัน) อดอยาก ร้อนมาก ไม่ให้ขับรถ บังคับใส่ชุดนักศึกษา กระโปรงต้องยาวกวาดพื้นได้ สวมเสื้อโคร่งๆ กระบังผมตั้งได้ 3 วัน พอกลับมาเรียนที่ท่าพระจันทร์ รู้สึกถึงความศิวิไลซ์ แต่ไม่เป็นแบบนั้นไม่เหมือนกับความศิวิไลซ์สามย่าน อย่างโรงอาหารริมน้ำคณะเศรษฐศาสตร์ ก็มีอาหารอยู่ไม่กี่ชนิด ซึ่งตนจะกินต้มเลือดหมูทุกวันในตอนเช้า เพราะมีอยู่ร้านเดียวที่เปิดเช้า
“มีการแอบเอารถเข้า เพราะมหาวิทยาลัยไม่ให้นักศึกษาขับรถมาจอด โดยเราจะแต่งตัวเหมือนคณาจารย์มาก และเราจะรีบมาถึงก่อน 6 โมงเช้า เพื่อเอาที่จอดรถ กับ รปภ.เห็นเราไม่ชัด ที่เราจะเปิดกระจกแง้มๆ รับบัตร แล้วเราก็จะนอนในรถจนสว่าง เปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษา แล้วค่อยออกจากรถมา“ รศ.ดร.ทวิดากล่าว
ที่ตอนนั้นเลือกเรียนวิชาโท สาขาบัญชี เป็นการเพิ่มโอกาสหากไม่ได้ทำงานราชการ พอเรียนจบตอนนั้นมีการหาคนทำงานฝ่ายบุคคลพันธุ์ใหม่ ซึ่งต้องการหาคนที่รู้จัก Stakeholder มากกว่าคณะบัญชี กับต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ ใหม่ได้ พูดมากและเถียงเก่ง
ภาพประกอบข่าว
“คณะเราเก่งมาก ในการหาเหตุผลให้เราถูก ตั้งแต่นักศึกษาจนถึงอาจารย์เป็นเหมือนกันหมด เราหาเหตุผลให้กับความถูกต้องของเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะถูกต้องหรือไม่ เป็นเหตุผลที่เราพอใจก็พอ”
รศ.ดร.ทวิดากล่าวว่า ที่กลับมาเรียนปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ มธ.ไม่ใช่เพราะรักคณะ แต่ตามผู้ชายมาสอบ พอผลสอบประกาศผู้ชายคนนั้นสอบไม่ติด กลายเป็นว่าตนต้องเรียน โดยมีที่ปรึกษาคือ รศ.ดร.สุพิณ เกชาคุปต์ ส่วนกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ คือ รศ.ดร.พัชรี สิโรรส และศ.ดร.ไชยรัตน์ เจริญสินโอฬาร ผ่านมาได้ก็ถือว่านับถือตัวเอง
“อ.สุพิณชอบบ่นว่าเขียนหนังสือไม่เป็นภาษาวิชาการ จนถึงทุกวันนี้ก็เป็นอยู่ เขียนงานเอาสนุก อาจจะเป็นเพราะอยู่บริษัทเอกชน ทำข้อมูลเรื่องตลาดหุ้น รวมถึงเขียนข่าวเป็นภาษาอังกฤษให้กับบริษัท”
รศ.ดร.ทวิดากล่าวว่า มาเป็นอาจารย์ที่คณะในปี 2541 ซึ่งไม่เคยคิดอยากจะมาเป็นอาจารย์ แต่โดนเจ้าหน้าที่คณะโทรตามให้มาส่งใบสมัคร ซึ่งการสอบเข้ามาเป็นอาจารย์ที่นี้ถึงขั้นเอาตาย โดยตนผ่านเข้ามาในรอบที่ 2 คนที่สู้ให้คือ รศ.ดร.ขจิต จิตตเสวี
“อ.เอนกพูดถูกที่ว่า เราทำให้คนที่เป็นผลผลิตจากเรา (คณะรัฐศาสตร์) มีบุคลิกหนึ่ง ถ้าใครไม่ระวัง เราก้าวร้าว เรารุนแรง กบฏสังคม แต่ในอีกมุมหนึ่งเราแค่พูดคล่อง มีความกล้าสูง มั่นใจในเหตุผล วันนั้นคำวิจารณ์ที่ได้รับคือคือความมั่นใจสูงเกินไป อ.ขจิตดีเฟ้นให้ว่า ตอนเราสร้างเขาผลผลิตจากเรา เราสร้างให้เขาเป็นคนที่มีความมั่นใจสูง แต่พอวันหนึ่งเขาขอจะมาเป็นเพื่อนร่วมงาน ทำไมเราไปเกี่ยงสิ่งที่เราสร้างมา“ รศ.ดร.ทวิดากล่าว
รศ.ดร.ทวิดากล่าวว่า พอจะเป็นคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มีผู้ใหญ่หลายท่านมาเตือนว่าถ้ายังโพสต์เฟสบุ๊กแบบที่โพสต์อยู่ ไม่มีวันมาเป็นคณบดี ถ้ายังใส่ร้องเท้าแดง ปากแดงอยู่แบบนี้ ไม่ใช่พฤติกรรมของคนที่เป็นคณบดี สังคมตอบรับเราจริงในยุคเปลี่ยนผ่าน แต่เราก็ต้องเข้าใจกติกาสังคมอยู่บ้างเหมือนกัน ซึ่งทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย (กบม.) มธ. มีความคึกครื้น เพราะคุยเล่นกับ รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีในขณะนั้นเป็นประจำ
ที่นี่คณบดีเซ็นลงเวลาเพียงคนเดียว เท่ากับว่าอาจารย์ทั้งคณะมาทำงานแล้ว อาจารย์ไม่ต้องเซ็นชื่อเวลามาทำงาน เพียงแค่ต้องรับผิดชอบในการสอน และอยู่ในนักศึกษาพบ นอกจากนี้คนที่เป็นคณบดีคือคนที่ทุกคนสั่ง
“เราอาจจะไม่ใช่คณะที่ดีที่สุด แต่เป็นคณะที่มีความสุขที่สุดในความลุ่มๆ ดอนๆ ต่อให้เราขัดแย้งกันทางวิชาการ ไม่ชอบหน้ากันแค่ไหน เราทะเลาะกัน ยกเว้นเรื่องต่อยกันไม่นับ พอเราลงจากเวทีเราออกไปกินเบียร์ด้วยกัน รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว”
ภาพประกอบข่าว
“ถ้าให้เนมยุคตนเอง คิดว่าเป็น ‘ยุคหายนะ’ ปีแรกสถานะทางการเงินไม่ค่อยดี ต่อมาเกิดวิกฤตโรคโควิด-19 มีการชุมนุมใหญ่ นักศึกษาบางส่วนเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ตลอดระยะเวลาการเป็นคณบดี 3 ปีกว่าๆ ไม่มีวันไหนที่นอนหลับไปแล้วคณะมีความสุขจังเลย ที่รอดมาจนถึงทุกวันนี้เพราะคณะเราเก่งจริงๆ” รศ.ดร.ทวิดาเผย
รศ.ดร.ทวิดาดล่าวอีกด้วยว่า ที่บอกว่ามีความสุขเพราะละทิ้งกันได้ง่ายเวลามีอะไรกวนใจบางอย่าง พอถึงเวลาวิกฤตจริงๆ ที่อาจารย์หรือนักศึกษาลำบาก ต่อให้ก่อนหน้านี้จะมีความขัดแย้งกัน ในที่สุดเรากลับมาหากัน เพื่อดูว่าตรงไหนดีที่สุด แล้วเราจะทำให้ดีที่สุดสำหรับคนของเรา ใช้คำว่า ‘สนุก’ ดีกว่า ทำให้อยากอยู่
“ยืนยันในฐานะคนที่ออกไปแล้ว คณะเราเป็นคณะที่มีความสุขที่สุดแล้ว พอใจในสิ่งที่มีอยู่ อย่าไปขวนขวายอะไรที่มันทุกข์มาก” รศ.ดร.ทวิดากล่าวปิดท้าย
อ่านข่าว :
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทวิดา เล่าวีรกรรมแสบ ก่อนนั่ง ‘คณบดีสิงห์แดง’ โดนปรามาสหนัก ลั่น คณะเราเก่งมาก ‘สร้างคนกล้า’
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th