ตลาดอสังหาฯ สหรัฐชะลอตัว หลังดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาว พุ่งสูงสุดรอบ 22 ปี
ตลาดอสังหาฯ สหรัฐชะลอตัว หลังดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาว พุ่งสูงสุดรอบ 22 ปี
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ ชิคาโก้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า จากการพิจารณาสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา พบว่า ปัจจุบัน ปริมาณความต้องการซื้อบ้านในตลาดสหรัฐฯยังคงมีความต้องการซื้อต่ำกว่าระดับก่อนหน้าที่จะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประมาณ ร้อยละ 34 หรือคิดเป็นปริมาณบ้านที่ตลาดยังคงมีความต้องการประมาณ 4.3 ล้านหลัง
ทั้งนี้มองว่า อัตราดอกเบี้ยในตลาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินค้าซื้อบ้านของผู้บริโภคชาวอเมริกันในปัจจุบัน โดยเฉพาะระดับอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระยะยาว 30 ปีสหรัฐฯ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งล่าสุดวันที่ 13 มิถุนายน 2567 อยู่ที่ร้อยละ 6.95 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 22 ปี
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันยังคงชะลอที่จะซื้อบ้านในขณะนี้ มีความเป็นไปได้พอสมควรที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ซึ่งน่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ได้ในอนาคต โดยเฉพาะภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้
อย่างไรก็ตาม สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ ชิคาโก้ มีข้อเสนอแนะว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยังมีแนวโน้มความต้องการนำเข้ากลุ่มสินค้าอุปกรณ์ก่อสร้าง ของตกแต่งภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น ตู้เย็น โทรทัศน์ เตาอบไมโครเวฟ และเครื่องปรับอากาศ แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ ชะลอตัวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่มูลค่าการนำเข้าสินค้ากลุ่มที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯ กลับชะลอตัวลดลงไม่มากนัก โดยในระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน 2567 สหรัฐฯ มีมูลค่านำเข้าสินค้ากลุ่มดังกล่าวเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.85 แสนล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 1.12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
ขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้ากลุ่มดังกล่าวจากไทยในช่วงเดียวกันยังคงขยายตัวร้อยละ 8.30 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7.75 พันล้านดอลลาร์ โดยสินค้าส่งออกหลักของไทย ได้แก่
- เครื่องใช้ไฟฟ้า ร้อยละ 86.92
- เหล็กและผลิตภัณฑ์จากเหล็ก ร้อยละ 6.90
- เฟอร์นิเจอร์ ร้อยละ 4.35
- หินและปูนซีเมนต์ ร้อยละ 0.97
- ของใช้เซรามิก ร้อยละ 0.86
ทั้งนี้คาดว่าด้วยสถานการณ์ด้านอัตราเงินเฟ้อในตลาดสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้นมาก โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาอยู่ในระดับร้อยละ 3.3 ซึ่งใกล้จะเข้าสู่ระดับคาดหวังของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประมาณร้อยละ 2 จึงมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะพิจารณาดำเนินนโยบายปรับลดระดับอัตราดอกเบี้ยในตลาดในช่วงปลายปีนี้และต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ
ดังนั้นผู้ประกอบการไทย ควรพิจารณาเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับกับแนวโน้มการขยายตัวของตลาดในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับปรุงพัฒนาสินค้า ที่เป็นกระแสและเป็นที่สนใจในกลุ่มผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดปัจจุบัน ดังนี้
- สินค้าจากวัสดุธรรมชาติ
- สินค้าประหยัดพลังงาน
- สินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม
- สินค้าเทคโนโลยีทันสมัย
- สินค้าที่สามารถรองรับเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะได้ (Smart Home)