เปิดเหตุผล ทำไม ฮาตาริ ตัดสินใจรีแบรนด์ครั้งใหญ่รอบ 34 ปี แม้ถือมาร์เก็ตแชร์ 70%
ภาพประกอบข่าว
ฮาตาริ แบรนด์พัดลมสัญชาติไทย แม้จะถือส่วนแบ่งตลาดพัดลมกว่า 70% แต่กลับประกาศรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 34 ปี ด้วยการยกเครื่องแนวคิดพัฒนา-ดีไซน์สินค้า พร้อมพาเหรดสินค้าใหม่ลงตลาดตลอดครึ่งหลังของปี 2567
วันที่ 15 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชัญญา พานิชตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการขายและการตลาด บริษัท ฮาตาริ อิเลคทริค จำกัด ผู้ผลิตพัดลม “ฮาตาริ” กล่าวว่า ตลาดพัดลมในไทยเมื่อปี 2566 มีขนาดประมาณ 10 ล้านตัว/ปี โดย ฮาตาริ มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 70% สะท้อนจากยอดขาย 7-7.5 ล้านตัว/ปี
ภาพประกอบข่าว
ตลาด-ผู้บริโภคเปลี่ยน
ภาพประกอบข่าว
อย่างไรก็ตามแม้จะครองส่วนแบ่ง 70% แต่ทีม R&D ที่วิจัยและวิคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงเทรนด์ต่าง ๆ ในตลาดพบว่า ความต้องการพัดลมมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตในหลายด้าน ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย ประกอบด้วย
ภาพประกอบข่าว
1. ดีไซน์ที่ทำให้บ้านดูดีขึ้น เช่น สีดำ ขาว หรือสีอ่อนแบบพาสเทล ต่างจากเดิมที่ต้องการสีสันสดใส
2. ใช้พื้นที่น้อยลง เนื่องจากรูปแบบที่อยู่อาศัยเปลี่ยนจากบ้านเป็น คอนโดฯ อพาตเมนท์มากขึ้น
3. ตอบโจทย์ด้านคุณภาพอากาศ หลังปัญหา PM2.5 ทำให้สนใจเรื่องคุณภาพอากาศ
4. ใช้งานง่าย อย่าง มีรีโมท
5. ตอบโจทย์หลากหลายใช้ได้หลายโอกาส ตามแนวคิดเน้นความคุ้มค่า
6. บริการหลังการขายที่เชื่อถือได้
ความเปลี่ยนแปลงนี้เมื่อรวมกับการครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 70% ทำให้การเติบโตในรูปแบบเดิม ๆ เริ่มท้าทายมากขึ้น จึงเป็นจังหวะเหมาะที่จะรีแบรนด์ ฮาตาริ ใหม่ ให้สอดคล้องกับดีมานด์ของผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมกับเปิดตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว
ยกเครื่องการออกแบบ-ดีไซน์สินค้า
ชัญญา พานิชตระกูล อธิบายว่า การรีแบรนด์ครั้งนี้จะพลิกโฉมสินค้าทั้ง 70 SKU ในพอร์ตโฟลิโอ พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ที่แบรนด์ไม่เคยมีมาก่อน ในขณะที่ยังคงระดับราคาจับต้องง่าย
โดยสินค้าที่จะปรับโฉม และสินค้ารูปแบบใหม่ที่จะทยอยเปิดตัวนี้ จะมีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค Gen Y และ Gen Z ทั้งด้านดีไซน์มินิมอล และสีสันที่เน้นความเรียบหรู เช่น ขาว-ดำ และพาสเทล เข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านในปัจจุบัน และฟังก์ชั่นซึ่งเน้นความสะดวกในการใช้งาน และสามารถใช้งานได้หลายสถานการณ์ รวมถึงวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ยังเพิ่มความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้วัสดุที่รีไซเคิลได้ เช่น เปลี่ยนแผ่นปิดใต้ฐานพัดลมจากวัสดุเดิมซึ่งรีไซเคิลไม่ได้เป็นพลาสติก เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น พัดลมทรงสี่เหลี่ยมซึ่งจะเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2567 ที่จะถึงนี้ เป็นการนำพัดลมทรงสี่เหลี่ยมแบบเดิมมาปรับปรุงใหม่ให้ดีไซน์และสีสันทันสมัยมากขึ้นอย่าง สีดำด้าน ตอบโจทย์การแต่งบ้านและการใช้งานในพื้นที่จำกัดอย่างคอนโดฯ
เปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่องถึงปี 2569
นอกจากนี้จะมีสินอื่นๆ ซึ่งจะทยอยเปิดตัวต่อเนื่องจนถึงปี 2569 อาทิ พัดลมติดผนั่งดีไซน์ใหม่, พัดลมขนาด 16 นิ้วและ 18 นิ้วสั่งงานด้วยรีโมท, พัดลมตั้งโต๊ะ 12 นิ้ว และพัดลมอุตสาหกรรม ฯลฯ
ส่วนสินค้าใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น พัดลมพกพา HandyWind Max ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า มาพร้อมฐานแม่เหล็กสำหรับตั้งหรือติดกับพื้นผิวโลหะต่าง ๆ เพิ่มความสะดวก และใช้งานได้หลายสถานที่ รวมถึงมีสีสันหลากหลายตามเทรนด์ Personalize
“การพัฒนาสินค้าจะอยู่ภายใต้ Design Value 4 ส่วน ประกอบด้วย “Form” รูปลักษณ์ภายนอก, “Details” รายละเอียดผลิตภัณฑ์, “CMF” (Colour, Material, and Finish) สีและวัสดุ, และ “Interaction” ความรู้สึกที่ผู้บริโภคมีต่อผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพในราคาเข้าถึงทุกครอบครัว”
อย่างไรก็ตามจะยังมีสินค้าในรูปแบบเดิมเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าเดิมด้วยเช่นกัน โดยจะวางจำหน่ายในช่องทาง เช่น ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบดั้งเดิม และไฮเปอร์มาร์เก็ต
ลุยขยายตลาดต่างประเทศ
พร้อมกันนี้ บริษัทยังเดินหน้า ขยายตลาดส่งออกมากขึ้น ราว 10% โดยโฟกัสประเทศแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน เช่น กัมพูชา ลาว เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เป็นต้น
เนื่องจากปัจจัยทางภูมิอากาศ ภาวะโลกร้อนที่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นกว่าทุกปี และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ใกล้เคียงกันกับไทย รวมถึงความชื่นชอบและเชื่อถือสินค้าแบรนด์ไทยที่สูง ล้วนส่งผลเชิงบวกต่อการเติบโตทางธุรกิจ
จัดแคมเปญแห่งปี
ชัญญา พานิชตระกูล กล่าวต่อไปว่า นอกจากปรับโฉมสินค้าแล้ว การทำตลาดของฮาตาริจะแอคทีฟมากขึ้นด้วย โดยเดือนมิถุนายนนี้ บริษัทเปิดตัวแคมเปญแห่งปี ในชื่อ Shaped By Wind #พัดไทยให้ไกลกว่าเดิม โดยเป็นการสื่อสารวิสัยทัศน์ของแบรนด์ ผ่านฮีโร่ของคนไทยในหลากหลายสาขาอาชีพ เช่น นักกีฬาทีมชาติ ล้อไปกับกระแสกีฬาโอลิมปิก 2024
ต่อเนื่องจาก แคมเปญ คนติดCOOL ที่เป็นครั้งแรกของฮาตาริที่ผลิตพัดลมขนาดเล็กและนำเสนอพัดลมพกพาที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ชีวิตกลางแจ้งของคนไทยในปัจจุบัน ยิ่งกว่านั้นยังทำกิจกรรมมัดใจแฟนด้อมศิลปิน “แบมแบม” ออกพัดลมพกพาสีพิเศษ เป็นสีเขียวมะนาว #อากาเซ่ติดCOOL เพื่อคลายร้อนในช่วงซัมเมอร์
ทั้งนี้เชื่อว่าด้วยการรีแบรนด์และทัพสินค้าดีไซน์ใหม่ รวมถึงกลยุทธ์การทำตลาดที่แอคทีฟขึ้น จะผลักดันให้ปี 2567 นี้ยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นราว 10% เมื่อเทียบกับยอดขายประมาณ 7,000 ล้านบาทเมื่อปี 2566
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เปิดเหตุผล ทำไม ฮาตาริ ตัดสินใจรีแบรนด์ครั้งใหญ่รอบ 34 ปี แม้ถือมาร์เก็ตแชร์ 70%
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net