รมว.กลาโหมสหรัฐ แวะกัมพูชา พบ ‘ฮุน มาเนต’ รุ่นน้อง เวสต์พอยท์
รมว.กลาโหมสหรัฐ แวะกัมพูชา พบ ‘ฮุน มาเนต’ รุ่นน้อง เวสต์พอยท์
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน ระหว่างเดินทางกลับสหรัฐหลังเสร็จสิ้นภารกิจประชุมแชงกรีลาไดอะล็อกที่สิงคโปร์ นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (รมว.กลาโหมสหรัฐ) แวะเยือนกรุงพนมเปญของกัมพูชาหนึ่งวัน เจ้าตัวโพสต์แพลตฟอร์ม X ระบุ มา “เพื่อสำรวจโอกาสในการกระชับสัมพันธ์ทวิภาคีด้านกลาโหมให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น”
นายออสตินเข้าพบอดีตนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน จากนั้นพบกับนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ผู้รับตำแหน่งต่อจากบิดา ซึ่งทั้งนายออสติน และนายกฯ ฮุน มาเนต ต่างจบการศึกษาจาก โรงเรียนนายร้อย เวสต์พอยท์ ของสหรัฐด้วยกันทั้งคู่ ออสตินจบการศึกษาในปี 1975 ส่วนนายกฯ กัมพูชาจบในปี 1999
สัปดาห์ก่อน นายชุม ซุนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การเยือนของนายออสติน “เป็นอีกหนึ่งโอกาสดีที่จะกระชับสัมพันธ์สองประเทศให้ก้าวหน้า”
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์สหรัฐกับกัมพูชาเสื่อมถอยมาหลายปี เมื่อจีนทุ่มเทเงินหลายพันล้านดอลลาร์ลงทุนทำโครงสร้างพื้นฐานสมัยนายกฯ ฮุนเซน
สหรัฐกังวลเรื่องฐานทัพเรือเรียมที่รัฐบาลปักกิ่งเข้าไปปรับปรุง โดยมองว่าท่าเรือนี้อาจถูกใช้เสริมอิทธิพลจีนในอ่าวไทย
นายคาร์ล เทเยอร์ ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย ระบุ “ความสัมพันธ์สหรัฐ-กัมพูชา ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญหลังฮุน มาเนตเป็นนายกรัฐมนตรี” การเยือนกัมพูชาของนายออสติน
“แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายยินดีละทิ้งข้อจำกัดด้านนโยบายความร่วมมือด้านกลาโหม และเริ่มพูดคุยกันใหม่เพื่อแสวงหาจุดร่วม”
ไม่กี่วันก่อนนายออสตินมาเยือน กัมพูชาและจีนเพิ่งเสร็จสิ้นการซ้อมรบประจำปี “มังกรทอง” ครั้งใหญ่สุด ที่จีนส่งเรือรบมาร่วมหลายลำ ทหารอีกหลายร้อยนาย
เดิมทีกัมพูชาเคยซ้อมรบร่วมแบบเดียวกันนี้กับสหรัฐ แต่ยกเลิกไปเมื่อต้นปี 2017
ในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา เรือรบจีน สองลำมาจอดที่ฐานทัพเรือเรียมเป็นครั้งแรก ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันเกรงว่า ฐานทัพแห่งนี้ตั้งใจให้กองทัพจีนใช้งาน ขณะที่ทางการกัมพูชาปฏิเสธมาโดยตลอดว่าฐานทัพเรือเรียมที่ใกล้กับเมืองท่าสีหนุวิลล์ ไม่ได้เปิดให้มหาอำนาจต่างชาติเข้ามาใช้งาน
นายอู วิรัก นักวิเคราะห์การเมืองชาวกัมพูชามองว่า การเยือนของออสตินอาจมาหารือเรื่องการกลับมาซ้อมรบร่วมกันอีกครั้ง นอกจากนี้ รมว.กลาโหมสหรัฐยังต้องการส่งสารไปยังปักกิ่งว่า
“ภูมิภาคนี้สำคัญมากเกินกว่าจะปล่อยให้จีนควบคุมโดยเสรีได้”
ในอดีตวอชิงตันวิจารณ์กัมพูชาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมืองและผู้ที่วิจารณ์รัฐบาล