“สหกรุ๊ปแฟร์” จัดเต็มสินค้านวัตกรรม-ลดราคา เอ็มโอยู 18 ฉบับ ลุยธุรกิจใหม่

ในงานยังอัดแน่นด้วยกิจกรรมพิเศษ แฟชั่นโชว์ การประกวด การสัมมนา ที่สำคัญเป็นงานครั้งประวัติศาสตร์ “เครือสหพัฒน์” ที่ประกาศทิศทางธุรกิจแห่งอนาคต ลุย “ร่วมทุน” กับพันธมิตรจากจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และไทย มีการลงนามความร่วมมือหรือ MOU จำนวน 18 ฉบับ ซึ่งเพิ่มจากวันแถลงข่าวครั้งก่อนอีก 2 ฉบับ เพื่อต่อยอดโอกาสการเติบโตต่อเนื่อง

ธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ เปิดเผยว่า งานสหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้บริษัทเน้นสร้างความสนุกมากขึ้นให้กับนักช้อป ไม่เพียงแค่มุ่งลดราคาสินค้าเหมือนที่ผ่านมา อีกด้านจะเห็นความเคลื่อนไหวสำคัญของบริษัทในการลงนามบันทึกความเข้าใจและการลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรรวม 18 ฉบับ ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวด้านการลงทุนครั้งใหญ่ และยังเป็นการประกาศทิศทางของเครือสหพัฒน์ที่จะมุ่งไปในอนาคตด้วย

โดยไฮไลต์การเอ็มโอยูจะมีทั้งกลุ่มธุรกิจไบโอเทค บริการ ความรู้ แพลตฟอร์ม อสังหาริมทรัพย์ และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

สำหรับงานสหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้ บริษัทยังตั้งเป้ามีคนเข้างานอย่างคึกคัก ผลักดันยอดขายให้แตะระดับ 500 ล้านบาท

ลุย 18 เอ็มโอยูสร้างโอกาส

ก่อนหน้านี้ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวถึงการร่วมมือกับพันธมิตรขยายธุรกิจ เพื่อเสริมแกร่งเครือ รวมถึงรับบริบทโลกเปลี่ยนที่ “ทุนจีน” มีบทบาทในเวทีโลกมากขึ้น ขณะที่ทุนญี่ปุ่นมีความรอบคอบด้านการลงทุน

ล่าสุด เครือสหพัฒน์ ได้จับมือ ฟาสต์บิวตี้ แบรนด์ซาลอนดังญี่ปุ่นลุยเปิดร้านทำสีผม “fufu” เปิด 100 สาขา โดย พิภพ โชควัฒนา กรรมการ บริษัท สหพัฒนาโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เครือสหพัฒน์ ได้ขยายสู่การร่วมมือกับ บริษัทฟาสต์บิวตี้ จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจร้านทำสีผมอันดับต้นจากประเทศญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์ fufu เข้ามาเปิดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตามเทรนด์ตลาดกลุ่มซาลอนของประเทศไทยที่กำลังขยายตัว และมีมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีแผนที่จะนำผลิตภัณฑ์ด้านสีผมจากญี่ปุ่นเข้ามาทำตลาดในระยะต่อไป

ตามแผนของ บริษัท ฟาสต์บิวตี้ เมื่อรุกร่วมมือเปิดธุรกิจในประเทศไทยกับกลุ่มสหพัฒน์ จะเปิดร้านสาขาเแรกจะอยู่ในย่านทองหล่อ คาดว่าจะเปิดในช่วงเดือน ต.ค.นี้ พร้อมกันนี้จะร่วมมือส่งช่างทำสีผมของญี่ปุ่นมาเทรนนิงบุคลากรด้านช่างทำผมในไทย และวางแผนใน 3 ปีจะมีสาขาเปิดให้บริการรวม 20 สาขา โดยวางเป้าหมายระยะยาว จะมี 100 สาขาในประเทศไทย

รุกค้าส่ง เสริมการค้าไทย-ญี่ปุ่น

นอกจากนี้ เครือสหพัฒน์ ยังจับมือผู้นำค้าส่งจากญี่ปุ่น “เอตัวล์ ไคโตะ”(Etoile Kaito) โดย “บุณยสิทธิ์” กล่าวว่า เครือสหพัฒน์เริ่มต้นธุรกิจค้าส่งในประเทศไทยเป็นเวลา 80 ปี และขยายสู่ธุรกิจการผลิต ค้าปลีก มีตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่สุดในไทย สร้างรายได้ระดับ 3 แสนล้านบาท ขณะที่ “เอตัวล์ เคโตะ” ทำตลาดในญี่ปุ่น 122 ปี มีสินค้าครบวงจรทั้งเบ็ดเตล็ดและแฟชั่น ของใช้ในครัวเรือนฯ รวมกว่า 7 แสนรายการ(เอสเคยู)

สรโชติ อำพพันวงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช้อป โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเอ็มโอยูครั้งนี้ บริษัทมองโอกาสในการนำสินค้าของ “เอตัวล์ ไคโตะ” มาจำหน่ายในประเทศไทย และแลกเปลี่ยนสินค้าไทยไปสู่ตลาดญี่ปุ่น เบื้องต้นเป็นเครื่องสำอางแบรนด์บีเอสซี และกระเป๋า ซึ่งงานสหกรุ๊ปแฟร์มีซัพพลายเออร์หลายสิบรายจากญี่ปุ่นมาดูสินค้าด้วยตัวเอง

คินโนะสุเกะ ฮายาคาวะ ประธานบริษัท เอตัวล์ ไคโตะ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดแรกในอาเซียนที่ “เอตัวล์ ไคโตะ” เข้ามาบุก ซึ่งการร่วมมือกับสหพัฒน์นอกจากนำสินค้าของบริษัทมาตอบโจทย์คนไทย ยังเล็งสินค้า “กระเป๋า” จากเครือสหพัฒน์ เพื่อไปจำหน่ายที่ญี่ปุ่นด้วย ซึ่งอดีตเคยเป็นสินค้าขายดี

ปัจจุบันสินค้ายอดฮิตของ “เอตัวล์ ไคโตะ” เป็นไพรเวท แบรนด์(แบรนด์ของบริษัท) หมวดผ้าขนหนู ชุดชั้นใน ฯ รูปแบบธุรกิจคือการขายส่งสินค้าเจาะกลุ่มเป้าหมายบีทูบี มีฐานสมาชิกกว่า 2 หมื่นราย และสร้างยอดขายปี 2566 ประมาณ 1 หมื่นล้านเยน

“การร่วมมือกับสหพัฒน์คาดหวังจะส่งเสริมการค้าให้กับทั้ง 2 บริษัท รวมถึงการค้าไทยกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ยาวนานกว่าร้อยปี"