อิสราเอล ทิ้งระเบิดทำลายหมู่บ้านในเลบานอน
อิสราเอล ทิ้งระเบิดทำลายหมู่บ้านในเลบานอน
การระดมโจมตีตอบโต้กันไปมาระหว่าง กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลหรือ IDF และ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในพื้นที่ทางตอนใต้ของเลบานอน ทำให้ล่าสุดได้เห็นภาพของความเสียหายหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมืองที่เป็นด่านหน้าในการสู้รบของกลุ่มเอซบอลเลาะห์
ภาพถ่ายดาวเทียมที่เผยให้เห็นความเสียหายของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองไอตา อัล-ชาบ (Aita al-Shaab) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเลบานอน
สื่อสหรัฐฯ แฉ อิหร่านเล็งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
สรุปเวทีดีเบตแรก “ไบเดน” แพ้ยับเยิน ส่วน “ทรัมป์” พูดจาไร้หลักฐานไม่พัก
โดยหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนอิสราเอลเพียง 1 กิโลเมตร และเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลหรือ IDF ระดมทิ้งระเบิดอย่างหนักมานานหลายเดือนแล้ว จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมดังกล่าวที่บันทึกไว้เมื่อ 5 มิถุนายนที่ผ่านมาของสำนักข่าวรอยเตอร์ชี้ให้เห็นว่า พื้นที่ต่างๆ ในเมืองไอตา อัล-ชาบถูกทำลายอย่างน้อย 64 จุด และในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นที่ตั้งของอาคารต่างๆมากมาย
การทิ้งระเบิดของอิสราเอล ส่งผลให้พื้นที่บริเวณชายแดนเลบานอนไม่เหมาะกับการเป็นพื้นที่สำหรับการดำรงชีวิตของผู้คนอีกต่อไป โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ประมาณ 13,500 คนได้อพยพหนีระเบิดตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่อิสราเอลเริ่มระดมโจมตีอาคาร และพื้นที่ป่าที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง
แม้ว่าความขัดแย้งระลอกล่าสุดระหว่างอิสราเอล และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่มีฐานที่มั่นอยู่ทางตอนใต้ของเลบานอน และได้รับการหนุนหลังจากอิหร่านยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แต่นี่ก็ถือเป็นการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่ายที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 18 ปี และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างต่ออาคารบ้านเรือน และพื้นที่เกษตรกรรม ทางตอนใต้ของเลบานอน และตอนเหนือของอิสราเอล
โดยในส่วนของอิสราเอล เบื้องต้นประเมินว่า มีอาคารต่างๆในพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศราว 2,000 หลังที่ได้รับความเสียหาย ส่วนบ้านเรือนประชาชนประมาณ 2,700 หลังที่พังทลาย และมีอีกมากกว่า 22,000 หลังที่ได้รับความเสียหายตั้งแต่ระดับน้อยมากไปจนถึงปานกลาง
ทั้งนี้ชนวนเหตุของการปะทะกันอย่างดุเดือดระลอกล่าสุดระหว่าง 2 กลุ่มนี้เกิดขึ้น นับตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาปะทุขึ้นในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว หรือหนึ่งวันหลังจากที่อิสราเอลประกาศสงคราม โดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้เปิดฉากยิงจรวดเข้าไปโจมตียังพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอล ก่อนที่อิสราเอลจะตอบโต้กลับด้วยการระดมโจมตีครั้งใหญ่
แม้ว่าสภาพการทำลายล้างที่เกิดขึ้นในเมืองไอตา อัล-ชาบ เทียบได้กับความเสียหายที่จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว แต่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นั่น ระบุว่า การยกระดับการโจมตีที่รุนแรงขึ้น และมีการใช้อาวุธหนัก ได้สร้างความกังวลใจให้กับพวกเขา
การสู้รบที่ดุเดือดบริเวณชายแดนของอิสราเอลและเลบานอน ไม่เพียงแค่กระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนสองฝากฝั่งชายแดนเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิตด้วย ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า เหตุไฟไหม้ในพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอลที่มาจากการโจมตีจากฝั่งเลบานอนได้คร่าชีวิตทหารไปแล้ว 18 นาย และพลเรือนอีก 10 ราย
ขณะที่การโจมตีของอิสราเอลได้สังหารนักรบกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ไปแล้วมากกว่า 300 นาย และพลเรือนเสียชีวิตอีก 87 ราย โดยในบรรดาผู้เสียชีวิตของนักรบกลุ่มนี้อย่างน้อย 10 คน มาจากเมืองไอตา อัล-ชาบ และอีกจำนวนมากมาจากพื้นที่โดยรอบ
กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอลยืนยันว่า การโจมตีเป้าหมายของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเมืองไอตา อัล-ซาบ ถือเป็นการดำเนินการป้องกันตนเอง คำถามสำคัญคือ ทำไมอิสราเอลถึงเลือกโจมตีเป้าหมายในเมืองไอตา อัล-ซาบ
เมืองไอตา อัล-ชาบ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา ทางตอนใต้ของเลบานอน ถือเป็นป้อมปราการที่สำคัญของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ โดยพื้นที่แห่งนี้กลายเป็นแนวป้องกันแรกของกลุ่มดังกล่าวตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งเป็นช่วงที่อิสราเอล และฮิซบอลเลาะห์ทำสงครามกันอย่างเต็มรูปแบบเป็นเวลา 34 วันสงครามครั้งนั้นได้เริ่มต้นขึ้นจากการที่นักรบกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ใช้เมืองแห่งนี้เป็นช่องทางแทรกซึมเข้าไปในอิสราเอล และจับกุมทหารอิสราเอล 2 นาย และตลอดสงครามครั้งนั้น กลุ่มเฮซบอลเลาะห์ได้ใช้เมืองแห่งนี้เป็นฐานปฏิบัติการทางทหารจนสามารถขับไล่อิสราเอลได้สำเร็จ
เซธ จี. โจนส์ รองประธานอาวุโสของศูนย์การศึกษายุทธศาสตร์และการต่างประเทศในกรุงวอชิงตัน ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวมีความสำคัญทางทหารในหลายๆ ด้าน รวมถึงเป็นฐานปฏิบัติการทางยุทธศาสตร์ของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ที่สามารถยิงจรวดพิสัยใกล้โจมตีอิสราเอล และใช้เป็นแนวป้องกันจากกองกำลังอิสราเอล
ขณะที่นักวิเคราะห์อีกรายหนึ่งจากคิงส์ คอลเลจ ลอนดอน ระบุว่า พื้นที่แห่งนี้ ซึ่งเคยเป็น และยังคงเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มดังกล่าว ดังนั้นจึงมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์สำหรับอิสราเอล อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์รายนี้กังวลว่า ความขัดแย้งดังกล่าวจะขยายวงและรุนแรงมากขึ้น เพราะ ณ ปัจจุบัน กลุ่มเฮซบอลเลาะห์แข็งแกร่งขึ้นกว่าในอดีต และมีขีปนาวุธที่สามารถทำลายล้างได้
ส่วนอีกหนึ่งสมรภูมิรบที่สำคัญอีกจุดหนึ่งคือ ฉนวนกาซา ที่นั่นมีรายงานว่า กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลหรือ IDF ได้โจมตีทางอากาศในหลายพื้นที่ ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 12 ราย จนทำให้ชาวปาเลสไตน์ต้องวิ่งหนีตายด้วยความแตกตื่น
คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (27 มิ.ย.) จากภาพจะเห็นว่าชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในย่านเชไจยา (Shejaiya) ในกาซาต่างส่งเสียงกรีดร้อง และวิ่งหาที่หลบภัย โดยมีผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บนอนบนถนน
ภาพเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ขณะที่เสียงการโจมตีทางอากาศดังสนั่นไปทั่วเมือง และมีควันพวยพุ่งขึ้นมาจากอาคารที่ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลได้ประกาศเตือนให้พลเรือนที่อาศัยอยู่ในย่านดังกล่าวอพยพไปยังพื้นที่ตอนใต้เพื่อความปลอดภัย ก่อนเปิดฉากปฏิบัติการโจมตี โดยอ้างว่า ได้รับเบาะแสจากหน่วยข่าวกรองว่า กลุ่มติดอาวุธฮามาสแฝงตัวอยู่กับพลเรือน
ขณะที่กองกำลัง IDF ระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้งทำให้กลุ่มก่อการร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียน และโครงสร้างพื้นฐานของสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ หรือ UNRWA ถูกกำจัดไปแล้วหลายสิบคนสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวปาเลสไตน์ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ พร้อมย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต่อพวกเขาไม่เพียงแค่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เท่านั้น แต่กำลังถูกบังคับให้อพยพท่ามกลางความอดอยากด้วย
ส่วนสถานการณ์ในเมืองข่าน ยูนิส ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา มีรายงานเช่นเดียวกันว่า อิสราเอลได้ใช้เครื่องบินรบ F-16 ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่โรงเรียนอัล-คานซา จากภาพจะเห็นว่าอาคารบางส่วนถูกทำลาย และได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง บางพื้นที่พบกองเศษหิน และคอนกรีตขนาดใหญ่ ชาวปาเลสไตน์ผู้ผลัดถิ่นเล่าว่า การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้น ขณะที่เขาหลับอยู่ในเต็นท์ จากนั้นก็พบเศษคอนกรีตตกลงมาเหมือนเม็ดฝน และเกิดเพลิงไหม้ด้วย
ส่วนความเคลื่อนไหวในนครเยรูซาเลม ของอิสราเอล มีรายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลอิสราเอลได้เดินขบวน และรวมตัวกันที่หน้าบ้านพักของเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล โดยพวกเขาได้ก่อกองไฟบนถนนด้านนอกบ้านพัก และเรียกร้องให้เนทันยาฮูลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ระหว่างการชุมนุมดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แต่ไม่มีเหตุรุนแรง หรือการสลายการชุมนุมเกิดขึ้น ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าน่าจะหลักพันคนได้ตะโกนสนับสนุนให้การบรรลุข้อตกลงการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล 120 คน ที่ถูกกล่มฮามาสจับกุมตัวไป