สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจง จัดซื้อเครื่องบินข้ามทวีป ทดแทน Airbus 340
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจง จัดซื้อเครื่องบินข้ามทวีป ทดแทน Airbus 340
การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำเป็น พ.ศ.2568 วงเงิน 3.752 ล้านล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ฯ สภาผู้แทนราษฎร เป็นพิจารณาเรียงลำดับเป็นรายมาตรา ครั้งที่ 3/2567 มาตรา 7 สำนักนายกรัฐมนตรี 14 หน่วยงาน 1 กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
ไฮไลต์อยู่ที่งบประมาณในส่วนของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งในปี 68 ได้รับงบประมาณ 7,222.6 ล้านบาท เทียบกับปี 67 เพิ่มขึ้น 2,982 ล้านบาท
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ให้ “ผู้แทนกองทัพอากาศ” กล่าวชี้แจง กมธ.งบปี 68 สัดส่วนพรรคก้าวไกลถึง การขอจัดสรรงบประมาณปี 68 สำหรับเครื่องบินรับ-ส่งบุคคลสำคัญทั้งในและต่างประเทศ ทดแทนเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 19 (บ.ล.19) จำนวน 1 เครื่อง วงเงินก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ (ปี 68-ปี 71) วงเงินรวมทั้งสิ้น 12,170 ล้านบาท โดยงบประมาณปี 68 ขอตั้งงบประมาณไว้ที่ 2,434 ล้านบาท
ผู้แทนกองทัพอากาศเริ่มชี้แจงว่า เพื่อเป็นการทดแทนเครื่องบิน Airbus 340 ซึ่งเป็นเครื่องบินเดินทางข้ามทวีปได้ในระยะไกล มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจรับส่งบุคคลสำคัญ ตลอดจนสนับสนุนภารกิจของปฏิบัติการทางมนุษยธรรม การซื้อเครื่องบิน LONG RANGE จะเกิดขึ้นในปี 68 ซึ่งจะได้เครื่องมาในปี 71 และพร้อมประจำการในปี 72
ผู้แทนกองทัพอากาศกล่าวว่า สืบเนื่องจากเครื่องบิน Airbus 340 ได้มีการปรับปรุงฐานล้อและเครื่องยนต์ ตลอดจนที่นั่งในปี 67 ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 68 และจะใช้งานได้อีก 5 ปี ซึ่งจะเป็นปีที่เครื่องใหม่ที่เราจะจัดหาทดแทนได้มาพอดี จึงจำเป็นต้องหาเครื่องบินลำใหม่ในปี 68 เพื่อสนับสนุนภารกิจดังกล่าว
“ในยามภารกิจฉุกเฉินที่ผ่านมา เราได้แสดงบทบาทในการช่วยเหลือประชาชนคนในประเทศไทยมาแล้วหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการอพยพคนที่อิสราเอล การปฏิบัติภารกิจภัยพิบัติที่ตุรกี สถานการณ์รบที่ซูดาน ความร่วมมือในฐานะของความเป็นคนไทยและมนุษยธรรมก็จะเกิดขึ้นโดยเราเป็นผู้นำ”
ผู้แทนกองทัพอากาศกล่าวว่า เครื่องบินชนิดดังกล่าวเรามีแบบเดียว ซึ่งตามไทม์ไลน์จะหมดสภาพไปในอีก 5 ปี และในโลกนี้จะไม่มี Airbus 340 แล้ว เพราะฉะนั้นจึงต้องจัดหาเครื่องบินเครื่องใหม่
"ส่วนจะจัดหาเป็นเครื่องใดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกแบบ ซึ่งเป็นทีโออาร์และวงเงินกว้าง ๆ และต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายสำหรับจัดซื้อจัดจ้าง"
ทั้งนี้ เครื่องบินบุคคลสำคัญมีที่สามารถบินข้ามทวีปได้มีทั้งหมด 7 เครื่อง ประกอบด้วย Airbus 320 จำนวน 2 เครื่อง Airbus 319 จำนวน 1 เครื่อง SuperJet จำนวน 3 เครื่อง และ Airbus 340 จำนวน 1 เครื่อง
ผู้แทนจากกองทัพอากาศชี้แจงการของบประมาณก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ (ปี 68-ปี 71) เพื่อจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางรับ-ส่งบุคคลสำคัญ วงเงินรวม 3,339.7 ล้านบาท จำนวน 2 เครื่อง โดยขอตั้งงบประมาณปี 68 วงเงิน 667.940 ล้านบาท ว่า สำหรับปฏิบัติภารกิจติดตามบุคคลสำคัญและภารกิจการบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) เราจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีเฮลิคอปเตอร์สำหรับขึ้นลงในพื้นที่ที่จำกัด ที่ไม่ใช่สนามบิน
ผู้แทนกองทัพอากาศกล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ที่มีอยู่มีอายุใช้งานมานานถึง 21 ปีและไม่เพียงพอ ทั้งขีดสมรรถนะที่ต่ำกว่าเฮลิคอปเตอร์รับส่งบุคคลสำคัญ เพราะเก่าและเทคโนโลยีไม่ทันสมัย ซึ่งภารกิจดังกล่าว เป็นภารกิจที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี สำหรับการบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน โดยมี เฮลิคอปเตอร์ประเภทดังกล่าวสแตนบายอยู่ในกองบินต่าง ๆ จำนวน 12 เครื่อง ใช้งาน 8 เครื่อง อีก 4 เครื่องใช้วางในที่ตั้งเพื่อฝึกบินและใช้หมุนเวียนในการซ่อมบำรุง
“ที่ผ่านมาเรามีสถิติในการทำภารกิจร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุเฉินแห่งชาติปีละไม่ต่ำกว่า 40 รายในการช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉิน ฉะนั้นจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องสนับสนุนภารกิจนี้ในสถานการปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องมีอีก เฮลิคอปเตอร์อีก 2 เครื่อง จาก 12 เครื่อง รวมเป็น 14 เครื่อง เพื่อดำรงภารกิจนี้ได้”
ผู้แทนกองทัพอากาศกล่าวว่า สำหรับงบบริหารเพิ่มเติม จำนวน 9 ล้านบาท เนื่องจากเครื่องบิน Airbus 340 ที่จะเข้าซ่อมบำรุงใน 2 ปี เพราะฉะนั้นในปี 68 จึงต้องงบประมาณเพื่อรักษาสมรรถภาพนักบินให้สามารถดำรงขีดความสามารถในการบินต่อไปได้