หอการค้า เปิด 5 ภารกิจดันจีดีพีโต 3 % จี้รัฐปลดล็อก 4 กับดัก จัดระดมสมองเอกชน 5 ภาค
ภาพประกอบข่าว
หอการค้า เปิด 5 ภารกิจดันจีดีพีโต 3 % จี้รัฐปลดล็อก 4 กับดัก จัดระดมสมองเอกชน 5 ภาค
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวระหว่างพบปะบรรณาธิการข่าวด้านเศรษฐกิจ ในประเด็นแนวนโยบาย และการดำเนินการของหอการค้าไทย เพื่อการขับเคลื่อนภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจไทย เมื่อค่ำวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ตอนหนึ่งว่า สถานการณ์ของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน แม้เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวได้ แต่ยังไม่สามารถกลับมาเติบโตได้เต็มศักยภาพ สะท้อนได้ชัดจาก 10 ปีที่ผ่านมา จีดีพีประเทศไทย เติบโตเฉลี่ยเพียง 1.9%
ดังนั้น หอการค้าไทย จึงเสนอ 4 แผนรับมือความท้าทายที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันรับมือ เพื่อทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวเต็มศักยภาพ ได้แก่ 1. Geopolitical Challenge ปัญหาสงครามระหว่างรัสเซีย- ยูเครน อิสราเอล-ฮามาส และอิหร่าน-อิสราเอล เหล่านี้ส่งผลกดดันให้กับต้นทุนน้ำมัน และค่าขนส่งของโลก รวมถึงความขัดแย้งระหว่างจีน กับสหรัฐอเมริกา แต่หากไทยสามารถวาง Position เป็นกลางได้ จะเป็นโอกาสในการเร่งดึงดูดการลงทุน (FDI) ใหม่ๆ เข้ามา เปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมดั่งเดิมที่เราเก่ง แต่เป็นสินค้าที่โลกเริ่มไม่ต้องการ ไปสู่ New Industry เช่น EV Car เกษตรแม่นยำที่ใช้เทคโนโลยีเพิ่ม Productivity ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยการทำงานอย่างจริงจังของรัฐบาลในการวางนโยบาย Ease of Doing Business ขณะเดียวกันปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ อาจเป็นโอกาสทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวโดดเด่น โดยหอการค้า ชูแนวทาง Trade & Travel และมั่นใจว่านักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2567 ถึง 35 ล้านคน
2. Technology Challenge ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญกับเศรษฐกิจมากขึ้น แต่ปัจจุบัน Advanced ICT Skills ของแรงงานไทยมีเพียง 1% เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องมีคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะเกี่ยวกับเทคโนโลยี อย่างน้อย 10% ของประเทศ หรือประมาณ 5 ล้านคน 3. Population Challenge ปัญหาสังคมผู้สูงอายุจากอัตราการเกิดของเด็กไทยน้อยกว่าอัตราการตาย ส่งผลให้ประเทศจะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นปีละ 1 ล้านคน ยิ่งทำให้วัยแรงงานของไทยลดน้อยลง แม้ว่ารัฐบาล และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะเร่งส่งเสริมให้คนไทยมีลูกมากขึ้น แต่แนวทางดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้นในระยะเร่งด่วนรัฐบาลจำเป็นต้องเร่งดึงดูดคนเก่งเข้ามาทำงานและมาอยู่ในประเทศ ผ่านการจัดทำ Talent Immigration Policy ศึกษาแนวทางการให้สัญชาติกับชาวต่างชาติที่มีศักยภาพ (Talent) หรือ Golden Visa ที่ง่าย และสะดวกมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มจำนวนประชากรในภาคแรงงานที่ขาดแคลน และได้คนเก่งเข้ามาร่วมพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ภาพประกอบข่าว
4. Climate Change Challenge ไม่ใช่แค่เป็นเทรนด์ของโลก แต่เป็นปัญหาที่ทุกคนรับรู้ได้ ทั้งปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง-ภัยแล้ง-PM 2.5 ล้วนแล้วแต่กระทบภาคเกษตร และภาคการท่องเที่ยว การให้ความสำคัญกับแนวทาง SGDs และ ESG จึงเป็นทางรอดของการปรับตัว และหากไทยปรับตัวช้าอาจต้องเจอกับ Non-Tariff Barriers เช่น CBAM, IUU Fishing ดังนั้น การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ และประชาชนได้เกิดการปรับตัวให้ทันตามเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero จึงจำเป็นต้องขยาย Scales จากเล็กไปใหญ่ โดยภาคธุรกิจเอกชนที่มีศักยภาพพร้อมสร้างมาตรฐานให้ SMEs ภายใต้ Value Chains
=ระดมสมองหอค้า5ภาค
ซึ่งหอการค้าเชื่อว่า 4 ความท้าทาย ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่นี้ ภาครัฐ เอกชน ประชาชน ต้องมีส่วนช่วยกันขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยต้องมีการดำเนินการทั้งในระยะสั้น อย่างดอกเบี้ย กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องคุยกัน จะทำอย่างไรในการให้รายย่อยได้เข้าถึง และอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบาย และกู้จริงไม่ได้ห่างกันมาก ตอนนี้เป็นช่วงลำบากของภาครวมเศรษฐกิจ ที่เผชิญกับหลายปัญหา ทั้งดอกเบี้ยสูง น้ำมันปรับขึ้น ต้นทุน และราคาสินค้าทรงตัวสูง กำลังซื้อไม่มาก สต๊อกสินค้าสูง และกำลังการผลิตยังใช้แค่ 60% การแข่งขันที่สูง
เมื่อต้นทุนสูงจะปรับราคาตามต้นทุนก็ทำได้ยาก ดังนั้นอยากให้รัฐพิจารณา อะไรที่เป็นต้นทุนก็ไม่ควรปล่อยจนกระชากแรงเกินไป ไม่ว่าจะราคาดีเซล พลังงาน ส่วนความตึงเครียดในตะวันออกกลาง คงกระทบราคาน้ำมัน และค่าระวางเรืออย่างเลี่ยงได้ยาก แต่ความต้องการสินค้าของไทยก็ยังมาก จึงมองว่ายังไม่กระทบต่อการส่งออก ในระยะกลางและยาว รัฐบาลก็ต้องกำหนดนโยบายให้ชัดเจน เพื่อเป็นไกด์ให้เอกชนรู้ว่าจะเดินไปทิศทางมใด ซึ่งในเดือนพฤษภาคมนี้ จะมีการประชุมหอการค้า 5 ภาค เพื่อรับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะต่างๆ นำมาประมวล และเสนอไปยังรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีต่อไป” นายสนั่น กล่าว
=ดัน5ภารกิจขับเคลื่อน ศก.โต3%
นายสนั่น กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ตนดำรงตำแหน่งประธานหอการค้าไทยมากว่า 3 ปี ก่อนหมดวาระในปี 2568 นั้น ภารกิจที่เหลือจะผลักดันจีดีพีไทยให้โตไม่ต่ำกว่า 3% ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อดันเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเติบโตได้ตามเป้าหมาย 3% ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทาย และหลายโจทย์ ต้องช่วยกันแก้ไข โดยหอการค้ามีแผนจะขับเคลื่อน Flag ship Project ร่วมกับรัฐบาล เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตได้ถึง 3% และเป็นภารกิจอีก 1 ปีที่เหลือของคณะกรรมการชุดที่ 25 และขับเคลื่อนให้สำเร็จ 5 เรื่อง ได้แก่
1.ยกระดับ 10 จังหวัดสู่เมืองหลัก ได้แก่ แพร่ ลําปาง ราชบุรี นครศรีธรรมราช ตรัง นครพนม ศรีสะเกษ นครสวรรค์ จันทบุรี และกาญจนบุรี เป็นแนวคิดริเริ่มที่หอการค้าฯ ร่วมกับภาคธุรกิจที่มีศักยภาพผลักดันจังหวัดใหม่ๆ โดยมีเป้าหมายสร้างการเติบโตจากภายในประเทศ ผ่านการกระจายความเจริญให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่น ผ่าน 3 แนวทางการทำงาน คือ 1. Unlock Potential 2.การสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี ทั้งการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค (น้ำประปา ไฟฟ้า Speed Internet) 3. การช่วยเหลือเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ด้วยการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยให้ทั่วถึง เพิ่มรายได้ให้ SMEs
โดยนายกรัฐมนตรี คุณเศรษฐา ทวีสิน ได้มีการรับฟังข้อเสนอหอการค้าฯ และเห็นชอบกับแนวทางดังกล่าว โดยได้จัดตั้งคณะทำงานการขับเคลื่อนการยกระดับเมือง และมอบหมายให้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุรเดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ โดยมีหอการค้าไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เป็นคณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชน เริ่มลงพื้นที่ Kick off จ.นครพนม เป็นโมเดลต้นแบบในการริเริ่มโครงการ เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา และมีแผนเปิดตัวให้ครบทั้ง 9 จังหวัดที่เหลือภายในปีนี้ แต่ละจังหวัดจะผลักดันจีดีพีจังหวัดให้ขยายตัวได้ 5-7% และใช้เวลา 3 ปีเป็นกลุ่มจังหวัดต้นแบบ เพื่อผลักกันจังหวัดอื่้นต่อไป
นายสนั่น กล่าวต่อว่า 2.ยกระดับผู้ประกอบการ SMEs เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจำเป็นต้องอาศัยศักยภาพของ SMEs ที่มีมากสุดของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา SMEs บางส่วนพึ่งเริ่มฟื้นตัว แต่ปัญหาหลักของ SMEs ไทย ในวันนี้ คือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนหมุนเวียนที่ยังยากลำบาก ส่วนนี้หอการค้าไทย จะเข้ามาช่วยหารือกับภาครัฐ และสถาบันการเงิน ผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้ SMEs เข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น พร้อมส่งเสริม Digital Transformation นำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกัน หอการค้าฯ กกร. และ TMA จัดทำโครงการ FAST SMEs “Enhancing SMEs Capability for Competitiveness” สร้างต้นแบบ SMEs ภาคเกษตรสู่ความเข้มแข็งและยั่งยืน นำร่องคัดเลือก SMEs กลุ่มเกษตร และอาหาร จำนวน 10 ราย เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านกระบวนการอบรม Coach Mentor กิจกรรมการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ การศึกษาดูงานต้นแบบการจัดการธุรกิจด้านนวัตกรรมอาหารที่ประสบความสำเร็จ เป็นต้น
นอกจากนี้ หอการค้าฯ ยังมีการหารือ Food Valley Netherland เพื่อยกระดับ Productivity ภาคเกษตร เพิ่มรายได้ รวมถึงมีแผนจะไปหารือ กับ Italy Chamber of Commerce และ MOU กับหน่วยงานของอิตาลี ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ โดยมีเป้าหมายยกระดับ SMEs ให้สามารถสร้าง Value added การสร้าง Brand ต่อยอดการยกระดับสินค้า Fashion โดยเฉพาะผ้าไหมไทยที่ทางอิตาลีจะมาช่วยพัฒนาคุณภาพให้เหมาะสมกับการออกแบบ และใช้งานจริง
3.การให้ข้อแสนอแนะต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ให้รวดเร็วและมากที่สุดภายใต้ระยะเวลา 5 เดือน จะช่วยให้เม็ดเงินกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ขณะเดียวกันการที่รัฐบาลได้แถลงมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน Digital Wallet หอการค้าฯ มีข้อสังเกตใน 3 ประเด็นใหญ่ๆ ดังนี้ 1. จากการดำเนินการของ Digital Wallet ที่จะเลื่อนไปเป็นไตรมาสที่ 4 นั้นทางหอการค้าฯ มองว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นตัวช้าไป หากเป็นไปได้ อยากจะให้มีเร่งจัดสรรงบประมาณปี 2567 โดยจัดสรรให้เฉพาะกลุ่มเปราะบางที่เดือดร้อนก่อน แล้วค่อยให้กลุ่มที่เดือดร้อนน้อยที่เหลือตามมาในระยะต่อไป ก็จะช่วยเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้มากกว่าการรอต่อไปในไตรมาส 4 2. สำหรับประเด็นการจัดทำ Appication ใหม่ (Super App)
ส่วนนี้หอการค้าฯ เคยเสนอเรื่องการใช้ App เป๋าตัง เพราะประชาชนคุ้นเคย ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถเข้าถึงประชาชนได้ และทำได้เร็ว หากนำ super app มาใช้จะทำให้เกิดความยุ่งยากกับประชาชน และอาจจะเกิดความล่าช้า เพราะต้องไปทั้งเขียนและทดสอบระบบใหม่ 3. ประเด็นเงินหมุนเวียนในจังหวัด ที่ต้องใช้ร้านค้าที่ลงทะเบียน ส่วนนี้อยากให้รัฐบาลเปิดโอกาส และมีมาตรการจูงใจให้ร้านค้าที่ยังไม่เข้าระบบภาษี ได้เข้ามาเป็นทางเลือกให้ประชาชน (เพราะกลุ่มนี้อาจจะกังวลเรื่องภาษี) ก็จะทำให้โครงการนี้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม โครงการ Digital Wallet จะประสบผลสำเร็จ และมีความสัมฤทธิ์ผลมาก ได้อยู่ที่ดำเนินการได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี การใช้เงินในพื้นที่จะเกิดการหมุนเวียนเร็ว และหลายรอบ นอกจากนี้ รัฐบาลควรมีให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนผู้ประกอบการ และประชาชน เสริมด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ควบคู่กันไปเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเดินฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
นายสนั่น กล่าวว่า 4.การผลักดันบทบาทไทยสู่เวทีระดับนานาชาติ หอการค้าฯ เห็นด้วยกับรัฐบาลไทยที่สมัครสมาชิก OECD อย่างเป็นทางการ ซึ่งประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการเข้าเป็นสมาชิก OECD คือ การยกระดับมาตรฐานประเทศไทยให้เป็นสากลมากยิ่งขึ้นในหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้า และความโปร่งใส ตลอดจนยกระดับในด้านกฎหมาย สำหรับการยกระดับการค้าระหว่างประเทศ หอการค้าฯ วางเป้าหมายส่งเสริมการค้ากับประเทศยุทธศาสตร์หลัก Strategic Countries 6 ประเทศ ที่มีศักยภาพสูง ได้แก่ 1. ประเทศจีน ที่ทำงานร่วมกับสถานทูตจีนอย่างใกล้ชิด สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ทั้งในอุตสาหกรรม EV Car Technology ตลอดจนสถานบันการเงิน 2. สหรัฐอเมริกา ภาคเอกชนไทยทำงานใกล้ชิดกับภาคเอกชนสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ผ่านมา เช่น The U.S. Chamber of Commerce, Trade Winds, คณะผู้แทน Port of Long Beach, สมาชิกสภาผู้แทนสหรัฐอเมริกา และมีแผนจัดงาน THAILAND U.S. TRADE AND INVESTMENT CONFERENCE 2024 กับ U.S. Chamber และ AMCHAM
3. ประเทศเวียดนาม หอการค้าไทยจับมือกับภาคอุตสาหกรรมเวียดนาม ดันเศรษฐกิจ 2 ประเทศไทยตามเป้าหมายการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เปลี่ยนคู่แข่งให้เป็นคู่ค้า 4. ประเทศอินเดีย เป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะในสาขาธุรกิจก่อสร้าง บริการระบบสาธารณูปโภค บริการโรงแรมและสปา เทคโนโลยีการผลิตอาหารแปรรูป บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรมเกษตร และ 5. ประเทศซาอุดิอาระเบีย หอการค้าฯ เป็นองค์กรภาคเอกชนองค์กรแรกที่เปิดสัมพันธ์ ในรอบ 32 ปี โดยทำงานใกล้ชิดกับ Saudi Chambers of Commerce และภาคเอกชนซาอุดีอาระเบีย รวมถึงมีการ MOU กับภาคเอกชนซาอุดิอาระเบีย พร้อมทั้งจัดตั้งสภาธุรกิจขึ้นทั้ง 2 ประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกัน 6.ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นมิตรประเทศสำคัญของไทยที่หอการค้าฯ จะร่วมกับรัฐบาล สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมยายนต์ ICE มาสู่ Hybrid และ EV ทำให้อุตสาหกรรมยายนต์ของไทยยังคงเติบโตและกลายเป็นศูนย์กลางการผลิต
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : หอการค้า เปิด 5 ภารกิจดันจีดีพีโต 3 % จี้รัฐปลดล็อก 4 กับดัก จัดระดมสมองเอกชน 5 ภาค
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th