"บิ๊กโจ๊ก" ร้อง ป.ป.ช. เอาผิด "บิ๊กต่าย" และ 2 นายพล กรณีให้ออกจากราชการ
"บิ๊กโจ๊ก" ร้อง ป.ป.ช. เอาผิด "บิ๊กต่าย" และ 2 นายพล กรณีให้ออกจากราชการ
"บิ๊กโจ๊ก" ร้อง ป.ป.ช. เอาผิด "บิ๊กต่าย" และ ตร.ยศ นายพลอีก 2 นาย ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ม.157 กรณีออกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และไม่เพิกถอนคำสั่ง ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา หลังตีความคำสั่งดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะดันไปเชื่อ ตร.บางนาย
เมื่อเวลา 12.20 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ทำการตรวจสอบ กรณีการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ 3 นาย ซึ่งประกอบด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ อดีต รรท.ผบ.ตร. พล.ต.ท.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี และ พล.ต.ต.อภิสัณห์ หว้าจีน ผู้บังคับการกองวินัย
จากกรณี นายตำรวจทั้ง 3 นายมีความเห็นให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ ว่าคำสั่งดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย และหลังจากกฤษฎีกาตีความแล้ว กลับไม่มีการแก้ไขเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยภายหลังยื่นคำร้องว่า วันนี้ได้ยื่นคำร้องกล่าวหา อดีต รรท.ผบ.ตร. กับ ผู้บัญชาการสำนักกฎหมายและคดี และผู้บังคับการกองวินัย ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ซึ่ง เป็นการใช้สิทธิ์ ตามกฎหมายปกติ เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งกฎหมายได้ให้ทางเลือกไว้ 2 ทางคือ 1.คือการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย 2.ร้องเรียน ป.ป.ช ซึ่งตนก็ขอเลือกใช้ทางเลือกร้อง ป.ป.ช.
จากกรณี สั่งการเซ็นคำสั่งให้ตนออกจากราชการไว้ก่อน และไม่ยอมแก้ไขคำสั่งให้ถูกต้อง ตามความเห็นของกฤษฎีกา ซึ่งตีความไปแล้วว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่กลับไปหลงเชื่อคนยุยงของคนอื่น
ทั้งที่นายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือส่งตนกลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วเมื่อ 18 เมษายน โดยข้อความระบุว่า ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องริความเห็นของคณะกรรมการชุดดังกล่าวเสียก่อน แต่ในกรณีนี้ อดีต รรท.ผบ.ตร. กลับออกคำสั่งให้ตนออกจากราชการในวันที่นายกรัฐมนตรีส่งตัวกลับมา
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า อดีต รรท.ผบ.ตร. เร่งรีบออกจากราชการเกินไป เพราะดันไปเชื่อ ตร.บางนาย และ กรต.บางคน ที่ไม่อ่าน พ.ร.บ.ตร.ฉบับใหม่ พ.ศ.2565 ให้แจ่มแจ้ง การกระทำที่เร่งรีบจนเกินเหตุ จึงกระทบสิทธิ์ของตน และไม่ตรงกับ พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ ดังนั้นตนจึงต้องดำเนินการตามสิทธิ์ ต่อสู้ตามขั้นตอน ตามกรอบกฎหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งไม่ใช่แค่ รรท.ผบ.ตร.เท่านั้น แม้แต่นายกรัฐมนตรี หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ตนก็ต้องใช้สิทธิ์ในการฟ้องร้องดำเนินคดี และการออกมาพูดในลักษณะนี้ ไม่ใช่การข่มขู่นายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด แต่แค่เตือนเท่านั้น
“ไม่ได้กลัวว่านายกฯ จะโกรธเคือง เพราะผมพูดไปตามกฎหมาย เมื่อไม่ถูกต้องก็ต้องว่ากันไป ส่วนตัวไม่ได้โกรธเคืองตัวบุคคลหรือนายเศรษฐา ทวีสิน แต่ถ้านายเศรษฐา ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ตนก็จะต้องฟ้องนายกรัฐมนตรี ซึ่งแต่เป็นการฟ้องตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้นมิใช่ฟ้องตัวบุคคล” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า หากได้รับการเยียวยามีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และให้กลับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง ก็พร้อมทุกปัญหาทั้งหมด จะไม่มีการไล่ล่าสางแค้นใครอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่หลายคนออกมาระบุว่านายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ออกมาเพื่อช่วยเหลือ บิ๊กโจ๊ก ให้กลับเข้ารับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า นายวิษณุ ไม่ได้อกมาช่วยตน แต่พูดไปตามหลักกฎหมาย และเป็นไปตามความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความเท่านั้น สุดท้ายแล้ว ในกรณีของตน จุดจบของเรื่องนี้ คงอยู่ที่ชุดคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม.
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : "บิ๊กโจ๊ก" ร้อง ป.ป.ช. เอาผิด "บิ๊กต่าย" และ 2 นายพล กรณีให้ออกจากราชการ
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath