นายกฯไม่ปลื้มคำว่า "เจ๊ง” ความหมายค่อนข้างรุนแรง-เป็นเพียงวาทกรรม
นายกฯไม่ปลื้มคำว่า "เจ๊ง” ความหมายค่อนข้างรุนแรง-เป็นเพียงวาทกรรม
กลายเป็นวลีเด็ดทางการเมืองไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับคำว่า “เจ๊ง” หลังจากถูกพูดในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ซึ่งมีทั้ง สส.ทั้งจากฝั่งก้าวไกลและเพื่อไทย สลับกันออกมาโต้ตอบกันในประเด็นนี้
โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็ได้พูดถึงประเด็นนี้เช่นกันว่า เป็นเรื่องของวาทกรรม สำหรับตน ไม่อยากให้ใช้คำพวกนี้ เพราะจะยิ่งกลายเป็นเชื้อไฟโต้กันไปมา ชนิดที่ว่าแรงมาก็แรงกลับ
เริ่มแล้ว! “เศรษฐา” นำถก งบประมาณรายจ่ายปี 68 วงเงิน 3.7 ล้านล้าน
กาง พ.ร.บ.งบประมาณปี 68 ตั้งงบกลาง 8 แสนล้าน คลังแชมป์งบสูงสุด!
“ชัยธวัช” ซัดจัดงบ 68 “เจ๊งไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้” พท.โต้เจ็บโดนยุบพรรคเจ๊งแน่!
ซึ่งนายเศรษฐา แสดงท่าทีชัดเจนว่า ไม่อยากให้ใช้คำว่า เจ๊ง เพราะความหมายค่อนข้างรุนแรง ทั้งที่เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมือง แต่ทำให้เกิดการโต้ไปมาอย่างรุนแรง กระทั่งพาดพิงไปถึงการยุบพรรคก้าวไกลที่ยังอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ และไม่จบแค่นั้น ยังมีการย้อนกลับไปพาดพิงถึงการยุบพรรคเพื่อไทยในอดีตอีกด้วย
โดยนายเศรษฐา ระบุว่า ตนคิดว่าได้ชี้แจงครบแล้วในเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต แต่คิดว่าเป็นข้อกังขามากกว่า ว่าจะมาช่วยเศรษฐกิจอย่างไร ซึ่งตนเคยอธิบายแล้วว่าจะเป็นเงินใหม่เข้าไปในระบบประมาณ 5 แสนล้านบาท เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับภูมิภาค เพราะเราจำกัดให้ใช้ในพื้นที่ตามบัตรประชาชน ในเวลาจำกัด 6 เดือน หากได้วันที่เริ่มโครงการที่แน่นอน เชื่อว่าภาคอุตสาหกรรม เอสเอ็มอี จะเร่งการผลิตเพื่อรองรับกำลังซื้อ ซึ่งก็จะเป็นการกระตุ้นการจ้างงาน และกำลังซื้อไปพร้อมกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำว่า เจ๊ง เริ่มจากการที่พรรคก้าวไกล กล่าวเปรียบเปรยการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล ที่เอื้อให้เกิดการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จนไม่สนใจว่าผลลัพธ์ของการกระทำจะเป็นเช่นไร เพราะสัญญากับประชาชนไว้ตั้งแต่ตอนหาเสียงเลือกตั้ง คล้ายกับสำนวน "เจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้"