“เสธ.แมว” มอง พท.ยังมีแต้มต่อ แม้ศาลรับคำร้อง 40 สว.
“เสธ.แมว” มอง พท.ยังมีแต้มต่อ แม้ศาลรับคำร้อง 40 สว.
จากกรณีศาลรัฐรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก รับคำร้อง 40 สว. ไว้พิจารณารับคำร้องกรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ไม่ได้สั่งให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น
พีพีทีวี พูดคุยกับ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ประเมินว่าหมากเกมนี้ ฝ่ายพรรคเพื่อไทยยังมีแต้มต่ออยู่ดี โดยมองว่าการมีมติ 5 ต่อ 4 ไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น คำวินิจฉัยวันนี้จบลงด้วยการเผื่อเหลือเผื่อขาด
ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้อง 40 สว.แต่ไม่สั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่
เปิดเหตุผลเสียงข้างน้อย! ลงมติหยุดปฏิบัติหน้าที่ “เศรษฐา“ เหตุถามกฤษฎีกาไม่ครบ
“เสธ.แมว” ชี้ 40 สว. สั่งสอน "ทักษิณ" อย่าล้ำเส้นเกิน!
คือฝ่ายขั้วอำนาจเก่ากำลังส่งสัญญาณว่ามีอำนาจเหนือกว่า สามารถชี้ถูกชี้ผิดได้ แต่ที่ยังไม่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในวันนี้ เพื่อเปิดทางให้เกิดการเจรจาต่อรอง เพราะทั้ง 2 ฝ่าย ต่างกลัวว่าพรรคก้าวไกลจะมาเป็นรัฐบาล จึงต้องยังเปิดทางไว้ให้กลับมาดีลกันต่อ
โดย พล.ท.ภราดร มองว่า ที่ผ่านมามีสัญญาณขั้วอำนาจเก่าต้องการเปลี่ยนตัวนายกฯ มาตั้งแต่แรกเริ่มที่มีการผลักดันนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต ซึ่งตนเองได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้าง มาว่ามีการวางตัวนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรครวมไทยสร้างชาติ มาแทนที่นายเศรษฐา หากหลุดเก้าอี้นายกฯ แต่มีการต่อรองยึกยักกันมาจน สว. 250 เสียงหมดอำนาจเลือกนายกฯ จึงมีการเปิดเกมใหม่ แต่คงเป้าหมายเดิมคือเปลี่ยนตัวนายกฯ ซึ่งฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็ยังมีตัวเลือกอีกหลายคน เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ
อย่างไรก็ตาม การเปิดเกมครั้งใหม่นี้ พล.ท.ภราดร มองว่า ฝ่ายพรรคเพื่อไทยไม่ได้เสียเปรียบฝ่ายขั้วอำนาจเดิม เพราะหากสุดท้ายต่อรองกันไม่ลงตัว รักษาเก้าอี้นายกฯ ของนายเศรษฐาไม่ได้ ก็ยังมีทางเลือกคือ กลับไปจับมือกับพรรคก้าวไกลและตกลงกันใหม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะ 2 พรรครวมกันก็ได้เสียง สส. เกินกึ่งหนึ่งแล้ว และไม่มีเสียง สว. 250 เสียงมาร่วมโหวตเลือก อย่างไรก็ไม่เจอทางตัน เพียงแต่พรรคเพื่อไทยจะต้องกล้าหาญและเสียสละ
สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยตอนนี้ นายทักษิณ ชินวัตร สามารถนั่งใจเย็นๆได้ ไม่มีอะไรต้องกังวลใช่หรือไม่ พล.ท.ภราดร บอกว่า ใช่ เพราะพรรคเพื่อไทยไปได้ทั้ง 2 ทาง คือต่อรองกับขั้วอำนาจเก่าก็ได้ หรือหากไม่ได้ก็ไม่แคร์ เพราะยังมีทางเลือกอื่น โดย พล.ท.ภราดร แนะนำให้นายทักษิณควรไปนั่งข้างหลัง เปลี่ยนกองหน้าและเสนาธิการ ประสานงานเพื่อหาจุดลงตัว แต่โดยลักษณะของนายทักษิณ จะไม่ชอบอยู่ข้างหลัง ชอบอยู่ข้างหน้ามากกว่า
พล.ท.ภราดร กล่าวเสริมว่า สถานการณ์ที่มาถึงตรงนี้ เป็นโอกาสที่จะแก้ความสับสนความวุ่นวาย และความเลวร้ายทางการเมือง เป็นจังหวะที่พรรคเพื่อไทยจะกลับไปหาเจตนารมย์ของประชาชน เพราะเมื่อประชาชนอยู่ข้างหลัง เรื่องเลวร้ายต่างๆ ก็สามารถคลี่คลายได้หมด รวมถึงเรื่องของตัวนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่คาราคาซังอยู่ และคดี ม.112 ที่เป็นชนักติดหลังนายทักษิณ มองว่า หากมีการกลับไปยืนฝ่ายประชาธิปไตย ร่วมมือกันนำไปสู่การนิรโทษกรรม ก็สามารถทำให้ครอบคลุมเรื่องนี้ได้เช่นกัน