ส่องหุ้น BCP โบรกคาดกำไร Q1/67 กลับมาโดดเด่น อัพเป้าเป็น 54-58 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LHS ระบุว่า บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP ) ได้ตั้งงบลงทุน 5 หมื่นล้านบาท ในปีนี้ คิดเป็น 33% ของงบลงทุนระยะยาว 1.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็น OKEA 1.78 หมื่นล้านบาท (36%), BCPG 1.4 หมื่นล้านบาท (28%), ธุรกิจโรงกลั่นและค้าปลีกน้ำมัน 1.24 หมื่นล้านบาท (25%) และธุรกิจใหม่ 5 พันล้านบาท (10%)
โดยธุรกิจที่น่าจับตาคือ ธุรกิจผลิต Sustainable Aviation Fuel (SAF) ด้วยงบลงทุน 1 หมื่นล้านบาท ด้วยกำลังผลิต 1 ล้านลิตรต่อวัน กำหนด COD ไตรมาส 1/2568 BCP ได้วางแผนเข้าสู่ตลาดนี้อย่างรอบด้านทั้งการจัดหาวัตถุดิบคือ Used Cooking Oil (UCO) ผ่านการรับซื้อจากพันธมิตร การเข้าถือหุ้นในผู้จัดหาวัตถุดิบรายใหญ่ และการหาฐานลูกค้าโดยเฉพาะในต่างประเทศ
BCP เชื่อว่าธุรกิจนี้เติบโตได้อีกมากจากความต้องการเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากยุโรป ขณะที่กำลังผลิตของ BCP ยังคิดเป็นเพียง 5% ของความต้องการน้ำมัน Jet ในไทยเท่านั้น ทั้งนี้ด้วยส่วนต่างราคา SAF กับ UCO ปัจจุบันที่กว้างมากถึงกว่า 250% (ราว $1.44/ลิตร) ก็น่าจะช่วยสร้างกำไรจำนวนมากให้กับ BCP ในอนาคต
นอกจากการใช้เงินลงทุนกับโอกาสธุรกิจใหม่ๆ แล้ว BCP ก็ให้ความสำคัญกับการสร้างผลตอบแทนจากทรัพย์สินเดิมด้วย ในปีนี้จะมุ่งเน้นการ Synergy ระหว่าง BCP กับ BSRC ด้วยมูลค่า 2.5 พันล้านบาท ผ่านการเพิ่ม Crude run ของ BSRC การทe Optimization ในการจัดหาน้ำมันดิบและปรับสัดส่วนผลิตน้ำมัน การขยายผลิตภัณฑ์พรีเมียมในสถานีบริการน้ำมัน และการลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนผ่านการควบระบบหลังบ้านเข้าด้วยกัน ซึ่งผู้บริหารมองว่าเป็นไปตามแผนในช่วง 2 เดือนแรกและมั่นใจว่าทั้งปีนี้จะสร้างผลตอบแทนตามแผน และคาดหวังเพิ่มขึ้นเป็น 3.0 พันล้านบาทในปีหน้า
คาดกำไรกลับมาโดดเด่นใน Q1/67
ทั้งนี้หลังจากรายงานขาดทุน -977 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2566 คาดว่า BCP จะกลับมารายงานกำไรโดดเด่นในไตรมาส 1/2567 จาก
- 1. Crude Run ทั้งของ BCP และ BSRC เพิ่มขึ้น +2%QoQ, +30%QoQ ตามลำดับ
- 2. GRM เพิ่มขึ้นมากตามส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลเพิ่มขึ้น
- 3.ปริมาณขายน้ำมันของสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น +8%QoQ, +5%QoQ สำหรับ BCP และ BSRC ตามลำดับ แต่ถูกลดทอนลงบางส่วนจาก Mkt. Margin ที่อ่อนลง
- 4. ปริมาณขายไฟฟ้าของ BCPG เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะที่สหรัฐจากไตรมาสก่อนหยุดซ่อมบำรุง และ
- 5.ปริมาณ ขายของ OKEA เพิ่มขึ้นตามการรับรู้เต็มไตรมาสของแหล่ง Statfjord แต่ราคาขายเฉลี่ยจะอ่อนลงตามราคาก๊าซที่ลดลงตามฤดูกาล นอกจากนั้น ก็คาดว่าจะบันทึกกำไรพิเศษผ่าน BCPG จากการขายหุ้น Solar ในญี่ปุ่น ด้วย
BCP หุ้นเด่นสุดกลุ่มพลังงาน
มองบวกต่อ BCP โดยคาดกำไรไตรมาส 1/2567 กลับมาโดดเด่น กำไรทั้งปีนี้หนุนโดยการควบรวม BSRC เต็มปีและผลประโยชน์จาก Synergy การลงทุนใหม่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตระยะยาว และ ที่สำคัญคือราคาหุ้นไม่แพงด้วย P/B เพียง 0.8 เท่า เทียบกับ ROE ที่สูงถึง 16% ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่เป็น 54 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” และมองเป็นหุ้นเด่นของกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) คงคำแนะนำ ซื้อ BCP พร้อมปรับราคาเป้าหมายเป็น 58 บาท จาก 59 บาท และปรับประมาณการกำไรปี 67-70 เป็น -4% ถึง +7% สะท้อนภาคการผลิต E&P ที่เปลี่ยนแปลง พรีเมี่ยมน้ำมันดิบที่สูงขึ้น และกระแสกำไรใหม่สำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค
โดย BCP ยังคงเป็นหุ้นเด่นของฝ่ายวิจัยในกลุ่มพลังงาน เนื่องจากมีการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 20% ในปี 67 ผนวกอัพไซด์จาก synergy ทั้งนี้ แม้จะมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง แต่หุ้น BCP ยังคงเป็นหุ้นปลายน้ำที่ถูกที่สุด โดยมี P/E ที่ 5.7 เท่า ปัจจัยบวกที่จะหนุนราคาหุ้นได้แก่ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งตั้งแต่ Q1/67 เป็นต้นไป
การผลิต E&P โตแกร่ง ฝ่ายวิจัยเพิ่มประมาณการการผลิต E&P เป็น 37 จาก 33KBOED และเทียบกับเป้าของบริษัทฯ ที่ 35-40KBOED ในปี 67 สะท้อนการเติบโตที่ 50% YoY เนื่องจาก OKEA (บริษัทลูกที่ดำเนินการ E&P ของ BCP ในนอร์เวย์) ได้รวมสินทรัพย์ที่ซื้อเข้ามาใหม่ เราประเมินว่าการผลิตจะลดลง 10% ต่อปีในปีต่อๆ ไป แม้ว่าจะสามารถชดเชยได้ด้วยงบลงทุนและการซื้อสินทรัพย์ที่สูงขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการในอดีตของ OKEA ในโครงการ Draugen และ Brage เราอาจเห็นอัพไซด์จากอัตรา recovery rate ที่สูงขึ้นจาก Statfront ซึ่งอัตรา recovery rate ที่เพิ่มขึ้นเพียง 1% จะทำให้ปริมาณเพิ่มขึ้นอีก 17 ล้านบาร์เรล
การควบรวม BSRC เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ทั้งนี้ คาดว่าการควบรวมกิจการกับ BSRC (BSRC TB ไม่มีคำแนะนำ) จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักให้กำไรต่อหุ้น (EPS) ปกติเติบโตที่ 20% ในปี 67 ซึ่งการดำเนินงานของ BSRC มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นที่ 85% (เทียบกับ 70-75% ก่อนหน้านี้) เนื่องจาก BCP สามารถรองรับผลผลิตผลิตภัณฑ์ของ BSRC ได้ ซึ่งผลการประหยัดต้นทุนจากการ synergy ที่ 2.5 พันล้านบาทในปี 67 และ 3.0 พันล้านบาทในปี 68 และหลังจากนั้น ถือเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการของฝ่ายวิจัย
กำไรจากธุรกิจพลังงานลดลงในอัตราที่ชะลอตัว ฝ่ายวิจัยรวมประมาณการล่าสุดของ BCPG (BCPG TB ซื้อ TP 11.7 บาท) ในประมาณการ BCP ของฝ่ายวิจัย ส่งผลให้ส่วนแบ่งกำไรจาก BCPG เพิ่มขึ้น 12-128% ที่ระดับ EBIT ในปี 67-70 ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดจากการรวมการลงทุนของ BCPG ในโรงไฟฟ้าของสหรัฐฯ ซึ่งช่วยชดเชยการลดอัตราภาษีศุลกากรเพิ่มเติมสำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย รายละเอียดเพิ่มเติม ดูรายงาน BCPG – พร้อมสำหรับการเติบโตในระยะต่อไป วันที่ 15 ธันวาคม 2566
ทั้งนี้ความเห็นของนักวิเคราะห์ 15 รายต่อหุ้น BCP มี 11 ราย แนะนำ”ซื้อ “และ 4 ราย แนะนำ “ถือ” โดยให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 70 บาท ราคาเฉลี่ยที่ 50 บาท และราคาต่ำสุดที่ 44 บาท
งบการเงินปี 66 บางจาก ฯ (BCP) มีกำไรสุทธิ 13,233.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปี 65 ที่มีกำไร 12,575.16 ขณะที่ไตรมาส 4/67 ขาดทุนสุทธิถึง 977 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3 /67 ที่มีกำไรสุทธิถึง 11,011 ล้านบาท และไตรมาส 4/65 กำไรสุทธิ 473 ล้านบาท
การเคลื่อนไหวราคาหุ้น BCP ตั้งแต่ต้นปี 67 มา YTD +2.30% โดยราคา ณ สิ้นปี 2566 ปิดที่ 43.50 บาท และล่าสุด ( 15 มี.ค. 67) ปิดที่ 44.50 บาท