"มนพร" ปลุกศูนย์ฝึกการบิน-จัดหาเฮลิคอปเตอร์ 470 ล้าน รับตลาดนักบิน
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตนได้กำกับดูแลสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) เล็งเห็นความสำคัญของสถาบันการบินพลเรือน ซึ่งเป็นสถาบันฝึกอบรมเฉพาะทางด้านการบินของประเทศไทยมายาวนานกว่า 62 ปี และยังคงรักษามาตรฐานและคุณภาพในการผลิตบุคลากรการบิน เบื้องต้นได้ผลักดันโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์ฝึกการบินหัวหินและสิ่งก่อสร้างประกอบพร้อมครุภัณฑ์ ของ สบพ. โดยจัดสรรงบประมาณในเฟสแรกที่จะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2568 ในวงเงินประมาณ 398.5 ล้านบาท
สำหรับโครงการฯ เป็นอาคารเรียนและฝึกอบรมที่มีความทันสมัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งจะสอดคล้องกับผลการตรวจประเมินของ ICAO ในครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้ได้ตั้งข้อสังเกตให้ สบพ.พิจารณาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ในฐานะที่เป็นสถาบันที่ต้องได้รับการตรวจสอบและผ่านการประเมินตามเกณฑ์มาตรฐานที่ ICAO
ขณะเดียวกันการก่อสร้างในเฟสแรกจึงเป็นงานก่อสร้างอาคารศูนย์ฝึกการบิน และอาคารอำนวยการ 2 หลังและสิ่งก่อสร้างประกอบพร้อมครุภัณฑ์ รวมทั้งงานถนนและระบายน้ำ งานสาธารณูปโภค งานภูมิทัศน์ให้มีความสวยงามสมเป็นศูนย์ฝึกการบินของประเทศไทยให้พร้อมรับศิษย์การบินทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่อไป
นอกจากนี้ศูนย์ฝึกการบิน สบพ. เป็นสถาบันที่มีหลักสูตรนักบินพาณิชย์ตรีเฮลิคอปเตอร์ (Commercial pilot – Helicopter Course: CPH) ที่ได้มาตรฐานเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย และเป็นสถาบันหลักในการสร้างนักบินเฮลิคอปเตอร์ให้หน่วยงานของภาครัฐ อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพเรือ กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก และหน่วยงานภาคเอกชนต่างๆ รวมถึงทุนส่วนตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นางมนพร กล่าวต่อว่า ในปีนี้จึงได้จัดสรรงบประมาณประจำปี 2567 เพื่อจัดหาเฮลิคอปเตอร์ในแบบ Robinson R44 จำนวน 2 ลำ ในวงเงินกว่า 78 ล้านบาท ตามที่ สบพ.ร้องขอ เพื่อสนับสนุนภารกิจของชาติด้านความมั่นคง รวมถึงสนับสนุนภารกิจของภาคเอกชน ตอบสนองการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมการบิน สนับสนุนนโยบาย Aviation Hub ของรัฐบาล และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทั้งด้านการบินและด้านเศรษฐกิจตามเป้าหมายของรัฐบาลต่อไป
“ตนยังมอบนโยบายให้ สบพ. เตรียมความพร้อมในการพัฒนาอาคารสถานที่ในเฟสที่สองและเฟสที่สามตามแผนการพัฒนาศูนย์ฝึกการบิน สบพ. แผนจัดหาเครื่องบิน เครื่องฝึกบินจำลอง (Flight Simulator) ให้เพียงพอ และการเตรียมครูการบิน เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทย และรองรับเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาคต่อไป”
นางมนพร กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศนโยบาย Aviation Hub เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค การจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้นั้น สิ่งที่ต้องเตรียมการเป็นลำดับแรกคือ บุคลากรการบินต้องมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานสากล นอกจากสำนักงานใหญ่ของ สบพ.ที่กรุงเทพ ซึ่งมีอาคารสถานที่ที่มีความพร้อมในการผลิตและพัฒนาบุคลากรการบินในหลักสูตรภาคพื้นให้พร้อมรับการกลับมาของอุตสาหกรรมการบินแล้ว สบพ.ยังมีศูนย์ฝึกการบินตั้งอยู่ที่ท่าอากาศยานหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นแหล่งผลิตนักบินพาณิชย์ รวมถึงบุคลากรด้านการบินหลักของประเทศและภูมิภาคมายาวนาน
“ได้มีโอกาสไปตรวจเยี่ยมอย่างไม่เป็นทางการได้รับรายงานว่าศูนย์ฝึกการบินได้ผลิตและพัฒนานักบินที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลได้อย่างพอเพียงต่อความต้องการภายในประเทศและสอดคล้องกับความต้องการของภูมิภาคมีขีดความสามารถในการผลิตและพัฒนานักบินตามมาตรฐานสากลกำหนดได้มากกว่าปีละ 100 คน”
นอกจากนี้การให้บริการในหลักสูตรภาคอากาศครอบคลุมทั้งเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์และได้รับการรับรองเป็นสถานฝึกอบรมด้านการบิน (Approved Training Organization: ATO) จากสำนักงานการบิน พลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) อาทิเช่น หลักสูตรนักบินพาณิชย์ตรีเครื่องบิน (Commercial pilot – Airplane Course: CPL) หลักสูตรนักบินพาณิชย์ตรีเฮลิคอปเตอร์ (Commercial pilot – Helicopter Course: CPH) รวมถึงหลักสูตรนักบินส่วนบุคคล
หลักสูตรครูการบิน ทั้งเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ เป็นต้น และถือเป็นแหล่งรายได้หลักของ สบพ. จึงถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ สบพ.ต้องปรับปรุงอาคารศูนย์ฝึกการบินให้มีความพร้อมรองรับการผลิตและพัฒนานักบินที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล และผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการของสายการบิน