ปชป. จับตา ‘รัฐบาล’ เปลี่ยนตัวผู้ว่าธปท. หลังเวทีใหญ่เพื่อไทย ชี้เป็นอุปสรรคฟื้นเศรษฐกิจ
ภาพประกอบข่าว
‘สรรเพชญ’ หวั่น เกิดเหตุ เปลี่ยนตัวผู้ว่าการ ธปท.เหมือนอดีตที่ไม่สนองรัฐบาล หลัง ‘อุ๊งอิ๊ง’ กล่าวหาแบงก์ชาติ เป็นอุปสรรคในการฟื้นเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม นายสรรเพชญ บุญญามณี ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นอิสระจากรัฐบาล ซึ่งป็นปัญหาและอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะนโยบายการคลังถูกใช้งานข้างเดียวอย่างหนัก จนทำให้หนี้สาธารณะสูงขึ้นทุกปี จากการที่รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณแบบขาดดุลมาโดยตลอด ว่าการที่กฎหมายพยายามให้ความเป็นอิสระกับ ธปท.นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว รัฐบาลควรภูมิใจที่มีกฎหมายลักษณะนี้เพราะเป็นเกราะคุ้มครองรัฐบาลไม่ให้มีข้อครหาในการดำเนินงาน การที่ น.ส.แพทองธารคิดแบบนั้นเป็นการคิดแบบไม่เข้าใจบทบาทของตนเองในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล เนื่องจากโดยหลักการแล้วการทำหน้าที่ของธนาคารกลางทั่วโลกที่ได้รับมอบหมายคือการควบคุมเสถียรภาพของเศรษฐกิจ หรือเงินเฟ้อ ซึ่งต้องรักษาความเป็นองค์กรอิสระให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงและกดดัน อีกทั้งบทเรียนในอดีตที่ผ่านมา ธปท.เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขาดความเป็นอิสระและได้รับแรงกดดันจากรัฐบาลช่วงหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง จากความพยายามในการใช้หนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด แต่พอผู้ว่าการ ธปท.ในสมัยนั้นไม่เห็นด้วยก็กดดันให้ออกจากตำแหน่ง แล้วแต่งตั้งคนใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของ นายทักษิณ ชินวัตร นายกฯขณะนั้น มาดำรงตำแหน่งแทน สิ่งนี้จึงไม่ควรเกิดขึ้นอีกในอนาคต
ภาพประกอบข่าว
นายสรรเพชญกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในเรื่องของการขาดดุลงบประมาณที่รัฐบาลใช้เป็นวิธีการในการบริหารงบประมาณมาโดยตลอดนั้น สาเหตุเนื่องมาจากรายจ่ายที่ต้องใช้ของรัฐบาลมีมากกว่ารายรับที่ได้รับในแต่ละปี ดังนั้น รัฐบาลควรหาวิธีการที่จะสร้างรายรับใหม่ให้รัฐบาล ไม่ใช้ดึงดันคิดแต่จะทำให้เงินบาทเป็นเงินดิจิทัลแล้วเอาเงินดิจิทัลไปแลกเงินบาทเป็นวงจรซ้ำไปซ้ำมาให้ประชาชนเกิดความสับสนว่าจะมีการตั้งแบงก์ชาติแห่งที่ 2 มาปั๊มเงินเข้าระบบอีกหรือไม่ เพราะการกระทำในลักษณะนี้กังวลว่าอาจจะขาดการตรวจสอบและมีความสุ่มเสี่ยงที่จะกระทำผิดกฎหมาย เพราะสามารถปั๊มเงินได้โดยที่ไร้การควบคุม เสมือนรัฐบาลอยากจะให้มี ธปท.แห่งที่ 2 ขึ้นภายใต้การควบคุมของรัฐบาล ซึ่งอาจเป็นเพราะรัฐบาลในชุดของนายเศรษฐา ทวีสิน ได้รับความเห็นที่ไม่ค่อยอยากฟังเท่าใดนักจาก ธปท. ทั้งในเรื่องของดอกเบี้ยนโยบายและเอกสารที่ส่งความเห็นและข้อสังเกตต่อคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจากความเห็นถือได้ว่าเป็นความเห็นที่จริงใจกับประเทศและกล้าหาญในการทำหน้าที่ของ ธปท.
“หากรัฐบาลยังคงดึงดันที่จะทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยใช้แหล่งงบประมาณที่เคยแถลงไปก่อนหน้านี้ว่าจะมีที่มาจาก 3 แหล่ง คือการขยายกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 175,000 ล้านบาท การดำเนินการผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) วงเงิน 172,300 ล้านบาท โดยรัฐบาลจะรับภาระในการใช้คืนงบประมาณภายหลัง และบริหารจัดการเงินงบประมาณฯปี 2567 วงเงิน 175,000 ล้านบาทนั้น ผมรู้สึกเป็นห่วงการคลังของประเทศเป็นอย่างมาก เพราะในปี 2568 รัฐบาลก็ต้องตั้งงบประมาณแบบขาดดุลและการขยายวงเงินงบประมาณ ยิ่งจะทำให้งบประมาณในปี 2568 ขาดดุลเพิ่มไปอีก อีกทั้งรัฐบาลก็ต้องหาเงินมาใช้คืนให้กับ ธ.ก.ส. เป็นการสร้างหนี้ให้รัฐบาลเช่นเดียวกัน ถึงแม้รัฐบาลจะเล่นแร่แปรธาตุว่าเป็นวิธีการบริหารงบประมาณไม่ใช้หนี้ แต่สุดท้ายแล้วมันก็คือหนี้ที่รัฐบาลต้องชดใช้เช่นเดิม” นายสรรเพชญกล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ปชป. จับตา ‘รัฐบาล’ เปลี่ยนตัวผู้ว่าธปท. หลังเวทีใหญ่เพื่อไทย ชี้เป็นอุปสรรคฟื้นเศรษฐกิจ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th