ดร.นิเวศน์ : ห้าทศวรรษตลาดหุ้นไทย

ดร.นิเวศน์ : ห้าทศวรรษตลาดหุ้นไทย

ดร.นิเวศน์ : ห้าทศวรรษตลาดหุ้นไทย

เดือนเมษายนปีหน้าจะเป็นปีที่ตลาดหุ้นไทยมีอายุครบ 50 ปี หรือเป็นเวลา 5 ทศวรรษของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น  ผมก็อยากจะตรวจสอบหรือทบทวนว่าในแต่ละทศวรรษที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีวิวัฒนาการและผลงานเด่น ๆ  อย่างไรบ้าง  พอจะกำหนดเป็นภาพใหญ่ ๆ ได้ไหมว่าแต่ละยุคควรจะเรียกว่าอย่างไร

เริ่มเปิดตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนเมษายน 2518 ซึ่งเป็นเวลาที่เศรษฐกิจไทยกำลังเติบโตจากเศรษฐกิจที่ยังเล็กมากและยังเป็นประเทศที่อิงกับการเกษตรเป็นหลัก  อย่างไรก็ตาม  ด้วยภูมิรัฐศาสตร์ที่โลกแบ่งเป็น 2 ขั้ว  คือฝ่ายโลกเสรีนำโดยสหรัฐอเมริกาและคอมมิวนิสต์ซึ่งนำโดยสหภาพโซเวียตรัสเซีย  ที่มีการต่อสู้และทำสงครามเย็นแย่งชิงประเทศต่าง ๆ  ในโลกมาเป็นฝ่ายของตนเอง  ประเทศไทยซึ่งเป็นฝ่ายโลกเสรีก็ได้รับความช่วยเหลือจากอเมริกาทางด้านเศรษฐกิจและเป็นฐานในการต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ที่กำลังทำสงครามกันในประเทศเวียตนาม

หนึ่งทศวรรษก่อนปี 2518 เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตสูงมาก  อานิสงส์ส่วนหนึ่งจากการช่วยเหลือจากอเมริกาที่ต้องการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้พ้นจากความยากจนที่มักเป็นบ่อเกิดให้คนสนใจในลัทธิสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือการใช้จ่ายทางทหารของสหรัฐในประเทศไทยที่เป็นฐานทัพอากาศที่สำคัญของอเมริกาในการรบกับคอมมิวนิสต์ในเวียตนาม  เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วมากในช่วง 10 ปี ตั้งแต่ปี 2508 ถึง 2518 GDP โตเฉลี่ยถึงปีละประมาณ 7.8% และเริ่มมีการพัฒนาประเทศจากเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องการ “ตลาดทุน” มาสนับสนุน  และนั่นก็คือการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์เพื่อการลงทุนอย่างเป็นทางการ

 

ตลาดหลักทรัพย์เริ่มเปิดการซื้อขายหุ้นด้วยดัชนีที่ถูกกำหนดไว้ที่ 100 จุด ในวันสิ้นเดือนเมษายน 2518 ซึ่งบังเอิญตรงกับวันที่ไซ่ง่อน เมืองหลวงของประเทศเวียตนามใต้หรือเมืองโฮจิมินซิตี้ในปัจจุบัน “แตก” เวียตนามทั้งหมดกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์  อเมริกาถอนกำลังทหารทั้งหมดกลับประเทศ  ประเทศไทยได้รับการคาดหมายว่าจะต้องกลายเป็นคอมมิวนิสต์รายต่อไปตามทฤษฎี  “โดมิโน” เพราะทั้งลาวและกัมพูชาต่างก็กลายเป็นคอมมิวนิสต์ไปทั้งหมดแล้ว

แต่โชคชะตาก็เข้าข้างประเทศไทย  เพราะหลังจากเวียตนามแตก  โซเวียตก็แตกกับจีน  ทำให้ไทยรอดจากการยึดครองของฝ่ายคอมมิวนิสต์ซึ่งก็ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าเติบโตต่อไปอีก 10 ปี  จนถึงปี 2528 ที่อัตราเฉลี่ยปีละ 6.8% ลดลงมาเพียง 1% จากทศวรรษก่อน

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเริ่มต้นอย่าง “ทุลักทุเล” ดัชนีหุ้นขึ้นลงตามการ “เก็งกำไร” และการ “ปั่นหุ้น” ของนักเล่นหุ้น “ชุดแรก” ที่มองตลาดหลักทรัพย์เป็นแหล่งเก็งกำไรหรือการพนันที่ “ถูกกฎหมาย” ส่วนหนึ่งเพราะยังไม่มีกฎหมายที่มีประสิทธิภาพในการกำกับและควบคุม  ซึ่งทำให้แม้แต่การปั่นหุ้นก็ไม่ได้ผิดกฎหมาย  และนั่นนำมาสู่ “วิกฤติตลาดหุ้น” กรณี  “ราชาเงินทุน” ในปี 2522 ซึ่งทำให้ดัชนีตกลงไปกว่า 40% ในเวลา 1 ปี  และทำให้หุ้น “เหงา” ไปนานมากและคนแทบจะเลิกเล่นหุ้นไปเลย

จนถึงเดือนเมษายน ปี 2528  ครบรอบทศวรรษแรกของตลาดหุ้น  ดัชนีตลาดอยู่ที่ 151 จุด หรือปรับขึ้น 51% ในเวลา 10 ปี คิดเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 4.21%  ซึ่งดูเหมือนจะเลวร้ายมากเมื่อคำนึงถึงว่าการฝากเงินกับสถาบันการเงินได้ดอกเบี้ยปีละเกือบ 10%  อย่างไรก็ตาม  ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้น  ผลตอบแทนจากปันผลหรือ Dividend Yield ของบริษัทจดทะเบียนสูงมากถึงปีละประมาณ 9.28%  ดังนั้น  คนที่ลงทุนถือหุ้นระยะยาว 10 ปี  ก็จะได้ผลตอบแทนรวมทบต้นถึงปีละ 13.5% ไม่เลวเลย

สำหรับผมแล้ว ทศวรรษแรกของตลาดหุ้นคือ  “ทศวรรษแห่งการเรียนรู้”

ทศวรรษที่สองของตลาดหลักทรัพย์จากปี 2528 ถึงปี 2538 นั้น  เริ่มต้นโดยที่ “ไม่มีความคาดหวัง”  ดัชนีตลาดอยู่ในระดับต่ำ  ค่า PE อยู่ที่ 8.55 เท่า ปันผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 8%  แต่ก็ไม่มีใครสนใจที่จะเล่นหุ้น  ผมเพิ่งกลับเมืองไทยจากการเรียนจบปริญญาเอกทางการเงินและการลงทุนที่สหรัฐ  และตลาดหลักทรัพย์เพิ่งจะได้ผู้จัดการคนใหม่ชื่อ  ดร.มารวย ผดุงสิทธิ์ อดีตอาจารย์นิด้าสถาบันที่ผมเรียนจบปริญญาโท

ในเวลานั้นประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ช่วงของการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่  นำโดยการค้นพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและการจัดตั้งโครงการ Eastern Seaboard ที่เน้นการพัฒนาเมืองชายทะเลภาคตะวันออกให้เป็นแหล่งอุตสาหกรรมโดยเฉพาะปิโตรเคมีและการส่งออกโดยผ่านท่าเรือน้ำลึกที่แหลมฉบัง  และที่สำคัญที่สุดก็คือการที่ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตเข้าสู่ประเทศไทยเพื่อหนีค่าเงินเยนที่แข็งขึ้นจากข้อตกลง Plaza Accord ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตเร็วขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนที่ปีละ 8.93% โดยเฉลี่ยในเวลา 10 ปี

ตลาดหุ้นเฟื่องฟูมากในทศวรรษนี้  อานิสงส์สำคัญส่วนหนึ่งจากการเปิดเสรีทางการเงินที่ทำให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นได้เต็มที่  ดัชนีหุ้นในเดือนเมษายนปี 2538 ขึ้นสูงถึง 1,209 จุด  เพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า หรือเท่ากับผลตอบแทนทบต้นปีละ 23.12 ในเวลา 10 ปี ไม่รวมปันผลอีกเกือบ 3% เป็น “ทศวรรษทอง” ของตลาดหุ้นไทย  และทำให้นักเล่นหุ้นจำนวนมากที่เข้ามาตลาดหุ้นต่างก็ร่ำรวยจนมีคำพูดว่า “มา (แล้ว)รวย” ตามชื่อผู้จัดการตลาดที่อยู่นานถึง 7 ปีในช่วงที่หุ้นคึกคักมาก

ผลจากทศวรรษทองนั้น  ทำให้หุ้นเมื่อเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 มีราคาแพงคือมีค่า PE ที่ 20.87 เท่า  และเศรษฐกิจก็ร้อนแรงเกินไปจนเป็นปัญหาเนื่องจากมีการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตเกินตัว  บวกกับความผิดพลาดในการบริหารการเงินโดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย  ประเทศก็เกิดวิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” ในปี 2540 ซึ่งทำให้เศรษฐกิจแทบจะล้มละลาย  ต้องใช้เวลาปรับโครงสร้างหลายปีกว่าที่เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้น

ทศวรรษที่ 3 จบลงในปี 2548 ด้วยตัวเลขการเติบโตอง GDP ที่ต่ำลงมากเฉลี่ยที่ปีละ 3.55% อานิสงส์จากช่วงปีวิกฤติที่เศรษฐกิจตกต่ำลงถึง 10% ในเวลา 2 ปี  แต่ตลาดหุ้นนั้นยิ่งเลวร้ายกว่า  เพราะในเวลา 10 ปี  ดัชนีตลาดตกลงมาจาก 1,209 เป็น 659 จุด ลดลงมาถึง 45% หรือตกลงมาเฉลี่ยทบต้นปีละ 5.89%  ดังนั้น  นี่คือ “ทศวรรษแห่งวิกฤติเศรษฐกิจและตลาดหุ้น”

ทศวรรษที่ 4 เริ่มขึ้นหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจผ่านไปอย่างสมบูรณ์  ธุรกิจ “รุ่นใหม่” เติบโตขึ้นแทนรุ่นเก่าที่ล้มหายตายจากไป  เช่นเดียวกับนักลงทุน “รุ่นใหม่” ที่ปรากฎตัวขึ้นแทนนักเล่นหุ้นรุ่นเก่าที่ล้มหายตายจากไปจากวิกฤติตลาดหุ้น และนี่ก็คือกลุ่มนักลงทุนที่เป็นคนชั้นกลางกินเงินเดือนที่มีการศึกษาดีที่เริ่มหันมาเก็บออมเงินและลงทุนเพื่อการเกษียณและเห็นว่าตลาดหุ้นเป็นแหล่งลงทุนที่ดีมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะถ้ารู้ว่าหุ้นตัวนั้นเป็นธุรกิจที่ดี เติบโตเร็วและยาวนาน  แต่มีราคาหุ้นที่ถูกมาก  พวกเขารวมตัวกันเรียนรู้และศึกษาวิเคราะห์หุ้นก่อนลงทุนโดยอิงกับพื้นฐานทางธุรกิจ  และเรียกตนเองว่า  Value Investor  หรือ  นักลงทุนเน้นคุณค่า  ไม่มีใครเรียกว่า  “เล่นหุ้น” อีกต่อไป

ทั้ง ๆ ที่เศรษฐกิจไทยก็ไม่ได้เติบโตเร็ว  อานิสงส์ส่วนหนึ่งจากวิกฤติซับไพร์มของอเมริกาในปี 2551 และวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554  เศรษฐกิจในช่วงทศวรรษนี้เติบโตเพียงปีละ 3.48% โดยเฉลี่ย  ต่ำยิ่งกว่าช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม  ดัชนีตลาดหุ้นกลับเติบโตดีและปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,527 จุดในปี 2558  หรือเพิ่มขึ้น 131.7% คิดเป็นปีละ 8.8% แบบทบต้นซึ่งถ้ารวมปันผลก็ให้ผลตอบแทนปีละประมาณ  11.6% ต่อปีในช่วงเวลา 10 ปี

เรียกได้ว่านี่คือทศวรรษแห่งการฟื้นฟูและปรับปรุงตลาดหุ้นให้มีมาตรฐานทั้งในด้านของการพัฒนาและกำกับเพื่อให้ตลาดหุ้นเป็นแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพรวมถึงการพัฒนาในด้านของนักลงทุนที่กลายเป็นนักลงทุน “มืออาชีพ” ที่เน้นการวิเคราะห์หุ้นอย่างมีเหตุผล  ผมเองอยากจะเรียกว่าเป็นยุค  “Renaissance” หรือ “ยุคสมัยแห่งความรุ่งเรือง” ในด้านต่าง ๆ

ทศวรรษสุดท้ายเริ่มตั้งแต่ปี 2558  จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 9 ปีแล้ว  เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยประสบปัญหาทางโครงสร้างรุนแรงนั่นก็คือ  คนไทยเริ่มแก่ตัวลงกลายเป็นประเทศผู้สูงอายุและคนเกิดน้อยลงมากเกือบจะที่สุดในเอเซีย  นอกจากนั้น  ระบบการปกครองก็  “ล้าหลัง” เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เป็นเพื่อนบ้านและประเทศที่มีระดับความมั่งคั่งใกล้เคียงกันอานิสงค์จากการรัฐประหารที่เกิดขึ้นในปี 2557 ซึ่งทำให้เศรษฐกิจเติบโตช้าลงมากเหลือเพียงเฉลี่ยปีละประมาณ 1.92% ในช่วง 9 ปี  ดัชนีตลาดหุ้นเองที่เริ่มต้นทศวรรษที่มีค่า PE ประมาณ 20.9 เท่า ก็ไม่เอื้ออำนวยซึ่งทำให้หุ้นในระยะเวลา 9 ปี ไม่ได้ไปไหน  และลดลงเหลือ 1,359.9 ในวันที่ 26 เมษายน 2567 หรือลดลง 10.9% ในเวลาประมาณ 9 ปี หรือลดลงปีละ 1.28% โดยเฉลี่ย

เรียกได้ว่าทศวรรษที่ 5 ของตลาดหุ้นไทยนั้นน่าจะเป็น “Lost Decade” หรือ “ทศวรรษที่หายไป” ถ้าปีหน้าตลาดหุ้นก็ยังคงเป็นแบบเดิมแบบที่เป็นมาแล้ว 9 ปี

OTHER NEWS

18 minutes ago

'Can't believe this': Piastri stripped of front row start

18 minutes ago

Prince William to be an usher at Duke of Westminster’s wedding, without Harry

18 minutes ago

Golf-Schauffele in front at PGA Championship, Scheffler slips back

18 minutes ago

HISD gives update on condition of schools, says decision on return to class will be made Sunday

20 minutes ago

Metra warns of ‘extensive delays' near Des Plaines after train strikes pedestrian

22 minutes ago

Chris Jordan explains why he is 'addicted' to bowling at the death, with the England star making his pitch for key T20 role ahead of World Cup defence

22 minutes ago

Video: Vanderpump Rules' Ariana Madix and Katie Maloney FINALLY open sandwich shop Something About Her with star- studded soft launch attended by Andy Cohen, Stassi Schroeder, and more

23 minutes ago

Caitlin Clark does it all in her best WNBA quarter yet for Fever

23 minutes ago

'For a Man Who's Fairly New, He Deserves it': Faf du Plessis Dedicates His POTM Award to Yash Dayal For His Last Over Heroics

23 minutes ago

Angel Reese Goes Viral After Making Half-Court Shot

24 minutes ago

3 Reasons Why The US Has Never Sold Its F-22 Raptor Fighter Jets To Allies

24 minutes ago

Florida Changing The Constitution Gets A Boost

24 minutes ago

Trey Hendrickson speaks on Joe Burrow's support during contract drama

24 minutes ago

Shane Lowry just misses record-breaking 61 en route to clubhouse lead at US PGA

24 minutes ago

Labour pledges 40,000 extra NHS appointments a week

24 minutes ago

No rest for Mauricio Pochettino as Chelsea plan next season’s European assault

25 minutes ago

WNBA investigating Aces' deal with Vegas tourism authority

25 minutes ago

Valerie Bertinelli announces social media pause: 'In need of a mental health break'

25 minutes ago

The Tragic Reason Giancarlo Esposito Almost Hired A Hitman Before Breaking Bad

26 minutes ago

Jennifer Lopez and Ben Affleck did not spend Mother's Day together amid  rumors they have been living apart for 'several weeks'

26 minutes ago

Inside Girls Aloud's emotional tribute to Sarah Harding: KATIE HIND reveals group were 'in tears' after heartwarming display in Dublin which was hailed as the 'perfect' homage to late bandmate

26 minutes ago

Labor's 'surplus' Budget is just smoke and mirrors - and Aussies should be worried... PETER VAN ONSELEN reveals the damning details that prove Australia is on the road to financial ruin

27 minutes ago

Force crush Waratahs but miss out on vital bonus point

27 minutes ago

Odisha Lok Sabha Election 2024 Phase 5: Voting date, number of seats, key candidates, full schedule

27 minutes ago

A glow up, an unexpected mentor and a whole lot of sex: How Penelope became the leading lady in Season 3 of ‘Bridgerton’

27 minutes ago

‘50 years of crime without punishment’: New report details how Israel’s politics were hijacked by extremist settler ideology

27 minutes ago

Giuliani becomes final defendant served indictment among 17 accused in Arizona fake electors case

27 minutes ago

NHRA Friday Route 66 Qualifying: T.J Zizzo Shakes Up Top Fuel Field

27 minutes ago

Record alert: Mamelodi Sundowns make PSL history!

27 minutes ago

Selena Gomez, Zoe Saldaña Deliver Cannes' First Hit With Trans Gangster Musical ‘Emilia Perez'

27 minutes ago

Penn. School District Controversially Opts to Cut Black National Anthem from Concert After Students Speak Out

27 minutes ago

Biden's support among black male voters in Philadelphia collapses

27 minutes ago

Connor Bedard, Blackhawks Quiet At IIHF World Championship on Saturday

28 minutes ago

Xander Schauffele clings to PGA lead, as Shane Lowry makes epic charge

28 minutes ago

Torino stun lacklustre Milan 3-1

28 minutes ago

Chelsea WSL champions again, but chasing pack closing in

28 minutes ago

Scottie Scheffler's attorney denies golfer assaulted police officer

30 minutes ago

Pharmacists warn of shortages of whooping cough antibiotics amid the biggest outbreak in more than a decade with five babies having already died of highly contagious disease

30 minutes ago

Arsenal are seen REHEARSING their Premier League trophy presentation - as club staff shake hands and pretend to award medals... in the eventuality that Arsenal snatch the title from Man City on Sunday

31 minutes ago

‘Anxious’ gambler, 72, says Atlantic City Bally’s won’t pay out $2.5M slot machine win: ‘What’s the use in playing then?’

Kênh khám phá trải nghiệm của giới trẻ, thế giới du lịch