ชาญวิทย์ เล่าความทรงจำ ‘บ้านอองโตนี’ สุสานปรีดี จำแม่น รสมือข้าวคลุกกะปิในปารีส
หรือโชคชะตานำพา? ‘ชาญวิทย์’ เล่าความทรงจำ ‘บ้านอองโตนี’ จำแม่นรสมือ ‘ข้าวคลุกกะปิ’ ในปารีส เล่าความแปลก ในสุสานมหาบุรุษ ‘ปรีดี’
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่มติชนอคาเดมี เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เครือมติชน นำโดย ‘ศิลปวัฒนธรรม’ จัดงาน 24 มิถุนาฯ วันมหาศรีสวัสดิ์ “พลวัตวันชาติ” ระหว่างวันที่ 21-22 มิถุนายน โดยวันนี้เป็นวันสุดท้าย
ผู้สื่อข่าวบรรยายบรรยากาศตั้งแต่เวลา 10.30 น. มีผู้เดินทางมาลงทะเบียนร่วมงานและฟังเสวนาอย่างคึกคัก พร้อมรับหนังสือศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ ที่รฦก 25 ปี ศิลปวัฒนธรรม “หลักไชย ตำรากฎหมายครั้งกรุงศรีอยุธยา“ และโปสเตอร์เพื่อเป็นของที่ระลึกให้แก่ผู้ที่เข้าร่วมงาน ทั้งนี้ สามารถเข้าร่วมงานได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ต่อมาเวลา 13.45 น. เริ่มกิจกรรมทอล์ก หัวข้อ “นายปรีดี พนมยงค์ กับ บ้านปรีดี” โดย ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือช่อ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ดำเนินรายการโดย นายกษิดิศ อนันทนาธร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้บริหารเครือมติชน นักวิชาการ และประชาชน ร่วมฟังเสวนาอย่างคับคั่ง อาทิ นายขรรค์ชัย บุนปาน ประธาน บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), น.ส.ปานบัว บุนปาน ประธานกรรมการบริษัท มติชน, ศ.กิตติคุณ ดร.ธงชัย วินิจจะกูล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ชื่อดัง มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน สหรัฐอเมริกา, ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ อดีตคณบดี วิทยาลัยนานาชาติปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศาสตราจารย์ ดร.ชาตรี ประกิตนนทการ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นต้น
ในตอนหนึ่ง ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์กล่าวว่า ตนพบ อ.ปรีดีครั้งแรกน่าจะเป็นปี 1970 หรือ พ.ศ.2513 เข้าใจว่าซึ่งตอนนั้นท่านย้ายจากจีนไปอยู่ฝรั่งเศส ในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ แห่งหนึ่งในปารีส
“ผมยังเป็นนักศึกษาอยู่ และบังเอิญสนใจขึ้นมา จึงเขียนจดหมายขอเข้าพบ ตอนนั้นยังเรียน ป.เอกไม่จบ บินไปปารีส ได้สัมภาษณ์ท่านและเขียนตีพิมพ์หลายหน เป็นข้อเขียน ‘ครั้งแรกกับท่านปรีดี และท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส พ.ศ.2513 (1970) กับ ครั้งสุดท้ายในบางกอก สยามประเทศ (ไทย) พ.ศ.2544 (2001)’ ผมสัมภาษณ์ทั้งสามีและภรรยา”
ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์กล่าวต่อไปว่า เมื่อเรียนจบก็กลับมาทำงานที่ ม.ธรรมศาสตร์ ดำรงตำแหน่งรองอธิการบดี มธ.หลายสมัย มีช่วงที่เตรียมงานฉลองธรรมศาสตร์ 50 ปี ก็เขียนจดหมายไปขอสัมภาษณ์ ท่านถามว่าจะสัมภาษณ์เรื่องอะไร ท่านเป็นคนละเอียดลออมาก ท่านให้ไปวันที่ 5 พ.ค.ซึ่งวันที่ 6 จะเป็นวันเกิดผม กะว่าจะไปฉลองที่ปารีส แต่ปรากฏว่าเมื่อผมจะเดินทาง วันที่ 2 พ.ค.ท่านก็เสียชีวิตแล้ว ที่บ้านอองโตนี”
จากนั้น ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์กล่าวถึงรายละเอียดในบ้านอองโตนี ทั้งหลังเก่าและหลังปรับปรุงใหม่ ก่อนกล่าวถึงสุสาน Pere. Lachaise ที่ใช้เผาร่างของนายปรีดี ซึ่งฌาปนกิจในโดม เมื่อ 9 พ.ค.2526
“ท่านปัญญานันทภิกขุ ซึ่งพูดมาตลอดว่าท่านปรีดีเป็นผู้บริสุทธิ์ ในกรณีสวรรคตผมไปถึงก็คือไปงานศพแล้ว ข้างหลังของรูปคือหีบ ผมนั่งถ่ายรูปกับท่านผู้หญิงพูนศุข รูปนี้ก็อยู่ในห้อง ในบ้านอองโตนีเหมือนกัน คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ร้องเพลงไม่หยุด”
“เมื่อหลายสิบปีก่อนผมไม่รู้ว่าสุสานที่นี่คนนิยมไปกันมาก เป็นสุสานที่นักท่องเที่ยวที่นิยมมากแห่งหนึ่งในโลกนี้ เพราะเป็นที่ฝังศพของคนที่ดังมาก ‘โชแปง’ ก็ฝังที่นี่ บุคคลสำคัญของฝรั่งเศสฝังที่นี่เยอะ
อีกคนหนึ่งที่แปลกประหลาดมากชื่อ ‘วิกเตอร์ นัว’ (Victor Noir) เกิดปี 1848 ตายปี 1870 แปลว่าเขาอยู่ช่วงต้นรัตนโกสินทร์ หรือสมัยรัชกาลที่ 5 เขาถูกยิงตายเพราะเป็นภัยกับความมั่นคงของนโปเลียน แต่ปรากฏว่าเขาตายด้วยการที่องคชาตของเขาตึงตังขึ้นมา ดังนั้น ที่สุสานของเขาจึงมีหน้าตาแบบนี้ คือตรงเป้ากางเกงมันนูนๆ ขึ้นมา แล้วผู้คนจะไปเคารพศพเขาและลูบคลำตรงนั้น ซึ่งเขานอนตาย เข้าใจว่าเขาเป็นนายแพทย์ที่ถูกส่งไปดูแลคนชรา บุคคลสำคัญ จะมีแพทย์ประจำตัว
“ตกลงแล้วเราก็ได้ไปฌาปนกิจศพมหาบุรุษ แต่ว่ามันก็มีอะไรแปลกๆ มาฝากพวกเราในวันนี้” ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์เผย
เมื่อพิธีกรถามว่า หลังจากอาจารย์มีโอกาสเดินทางไปเมื่อปี 2526 ในอีก 40 ปีให้หลัง ได้กลับไปเยี่ยมบ้านหลังนี้อีกครั้ง รู้สึกอย่างไร?
ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์เผยว่า ตนรู้สึกใจหาย ไปงานศพแทนที่จะไปพบได้สัมภาษณ์ กลับต้องไปงานฌาปนกิจ เป็นความทรงจำที่ติดตัว
“เพราะท่านปรีดีเป็นบุคคลสำคัญมากๆ ของประเทศชาติเรา คำตอบที่ชัดเจนว่าท่านคือใคร ท่านทำ หรือไม่ทำอะไร มันจะอยู่กับเราต่อไปอีกนาน อีกบุคคลที่เรานึกถึงทันทีในวิชาประวัติศาสตร์ คือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ถูกประหารหรือไม่ บวชหรือไม่ได้บวชอยู่ที่ นครศรีธรรมราช เป็นบุคคลสำคัญที่เป็นประเด็นในประวัติศาสตร์ ส่วนหนึ่งก็ดีใจที่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องโดยโชค หรือโดยชะตากรรมอะไรไม่ทราบ”
“ผมเรียนธรรมศาสตร์ รุ่นก่อนเบบี้บูมเมอร์ อายุ 83 ในปีนี้ ผมเรียนธรรมศาสตร์ ในสมัยที่ชื่อ ‘ปรีดี พนมยงค์’ เอ่ยไม่ได้ ต้องกระซิบกระซาบกัน” ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์เผย
ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์กล่าวว่า เมื่อเริ่มตาสว่างขึ้น ตนไปค้นพบหนังสือชื่อว่า ‘The King of the white elephant’ พูดถึงพระเจ้าช้างเผือกเป็นภาษาฝรั่งเศส
“ผมอ่านยังไม่ค่อยออกเท่าไหร่ แต่ตกใจว่ามีชื่อปรีดี พนมยงค์ จึงเริ่มค้นในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย มีหนังสืองานศพเยอะมาก มีเล่มหนึ่ง สำหรับงานศพของนายเสียง พนมยงค์ ซึ่งคือบิดาของท่านปรีดี ผมก็เลยถ่ายเอกสารเอามาเก็บไว้ และเริ่มสนใจ
ในที่สุดเมื่อไปถึงปารีส ผมก็เข้าพบท่านปรีดี บอกว่าเจอหนังสือของท่านเสียง การอ้างอย่างนี้มันทำให้ผมผ่านสะดวกจนได้พบ และยังได้กินข้าวคลุกกะปิฝีมือของท่านผู้หญิงพูนศุข ในกรุงปารีสครั้งแรก และเป็นครั้งที่จำแม่น อร่อยเหลือเกิน มันชื่นใจมาก”
ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์กล่าวอีกว่า ที่สำคัญคือ บุตรชายของท่านปรีดี คุณปาล พนมยงค์ โดยเคราะห์กรรมของวัฏจักรการเมือง จึงต้องมาอยู่ที่ปารีส
“ผมได้พบ ก็ไปสั่งไวน์กินหน้าหอพักนักศึกษาที่ปารีส รู้สึกว่าเท่เหลือเกิน เป็นความทรงจำที่ดี ว่าเราได้พบครอบครัวของบุคคลสำคัญมากๆ ผมเห็นด้วยกับคุณช่อ พรรณิการ์ ในบางประเด็นว่า บ้านหลังนี้ (อองโตนี) สร้างขึ้นมาก่อนท่านปรีดีจะมาซื้อด้วยซ้ำ” ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์กล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ชาญวิทย์ เล่าความทรงจำ ‘บ้านอองโตนี’ สุสานปรีดี จำแม่น รสมือข้าวคลุกกะปิในปารีส
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th