[บทความ] ดราม่ายูโร สาเหตุที่โครเอเชียและแอลเบเนีย ไม่ถูกกับ เซอร์เบีย
เรียกว่าเป็นดราม่าประจำฟุตบอลยูโร 2024 เลยก็ว่าได้ จากเหตุการณ์ที่ทางเซอร์เบียขู่จะถอนตัวจากการแข่งขันในศึกฟุตบอลยูโร โดยเรื่องราวต้นตอเกิดขึ้นในเกมระหว่าง โคเอเชีย พบกับ แอลเบเนีย ที่จบเกมเสมอกัน 2-2
ซึ่งในระหว่างเกมการแข่งขัน แฟนบอลของทั้งสองทีม พร้อมใจร้องเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ การต่อต้าน ด่าทอและสนับสนุนการฆ่าชาวเซอร์เบีย จนเป็นเหตุให้เซอร์เบียไม่พอใจ ขู่ว่าจะถอนตัวออกจากการแข่งขัน หากยูฟ่าไม่จัดการลงโทษทางโครเอเชียและแอลเบเนีย
ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมโครเอเชีย กับ เซอร์เบีย ถึงทะเลาะกัน ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเคยอยู่รวมตัวในประเทศ ‘ยูโกสวาเวีย’ นอกจากนี้อีกหนึ่งข้อสงสัยว่า ทำไมเซอร์เบียถึงมีปัญหากับแอลเบเนีย ทั้งที่ 2 ประเทศนี้ไม่ได้มีพื้นที่ติดกัน และ ในสมัยก่อนแอลเบเนียก็ไม่ได้อยู่ในยูโกสวาเวียอีกต่างหาก
อะไรเป็นสาเหตุและต้นตอที่ทำให้พวกเขาไม่ถูกกัน เราจะพาไปไล่เรียงประวัติศาสตร์กัน
ยูโกสลาเวีย
ย้อนกลับในช่วงปี 1943 หลังยูโกสวาเวียได้รับชัยชนะจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางยูโกสวาเวียได้เปลี่ยนตัวเองจากราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย ตั้งเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย ซึ่งปกครองในระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์
โดยยูโกสวาเวีย แบ่งออกเป็น 6 รัฐ ซึ่งประกอบด้วย สโลวีเนีย โครเอเชีย บอสเนีย มอนเตเนโก มาซิโดเนีย และเซอร์เบีย โดยมีอีก 2 มณฑลปกครองตัวเอง ซึ่งประกอบด้วย วอยโวลีน่า และ โคโซโว
ต้องเล่าก่อนว่า โดยพื้นฐานของแต่ละรัฐในยูโกสลาเวียนั้น มีพื้นฐานที่แตกต่างกันมาก ทั้งเรื่อง ภาษา วัฒนธรรม ศาสนาและชาติพันธุ์ ซึ่งชาติพันธุ์ที่มากที่สุดคือเซอร์เบียหรือที่เรียกว่า ‘ชาวเซิร์บ’ ซึ่งมีจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของยูโกสลาเวีย
ซึ่งถึงแม้ยูโกสลาเวียจะมีความแตกต่างกันมากแต่ในยุคการปกครองของ โยซิป บรอซ ตีโต ผู้นำชาวเซอร์เบีย ตั้งแต่ปี 1943 -1980 เขาสามารถนำพาประเทศให้อยู่กันได้อย่างสงบสุข สมานฉันท์ เศรษฐกิจมีการเติบโต ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี
สิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับยูโกสลาเวียคือ ครั้งหนึ่งยูโกสวาเวียเคยได้รับเกียรติ ให้เจ้าภาพฟุตบอลยูโรในปี 1976 โดยในปีนั้นพวกเขาสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ ด้วยการเอาชนะจุดโทษเยอรมันตะวันตกในนัดชิงชนะเลิศ
ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเป็นไปได้สวย จนกระทั่งมีจุดเปลี่ยนสำคัญคือ ตีโต ถึงแก่อสัญกรรมในปี 1980 ไม่เพียงเท่านั้นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนคือการขึ้นมาของ สโลโบดาน มิโลเชวิช ในปี 1987 ที่ทำให้ยูโกสลาเวียไม่เหมือนเดิม เข้าสู่ยุคสงครามยูโกสลาเวียเต็มรูปแบบ
สาเหตุที่โครเอเชีย ไม่ถูกกับ เซอร์เบีย
อันที่จริงโครเอเชีย พวกเขาเคยมีความคิดในการจะแยกประเทศออกจากยูโกสลาเวียเมื่อนานมาแล้ว ด้วยความแตกต่างในเรื่องพื้นฐานทั้ง ชาติพันธุ์ ภาษา และศาสนา แต่ในยุคการปกครองของตีโต เป็นช่วงที่ประชาชนในยูโกสลาเวียอยู่กันอย่างสงบสุข สภาพความเป็นอยู่ดี ทำให้ความคิดที่จะแยกตัวออกจากยูโกสลาเวียน้อยลง
แต่หลังผ่านพ้นยุคของตีโด ความคิดในการอยากแยกประเทศเริ่มกลับมา บวกกับในช่วงนั้นเศรษฐกิจความเป็นอยู่เริ่มไม่ดี ปัญหาความแตกต่างเริ่มมีมากขึ้น จนถึงจุดแตกหักในยุคของ สโลโบดาน มิโลเชวิช ในปี 1987
มิโลเชวิช เป็นผู้นำที่มีวิธีคิด วิธีบริหารประเทศ ที่เข้าข้างฝั่งรัฐเซอร์เบียแบบถึงที่สุด โดยมองว่าชาติพันธุ์เซอร์เบียต้องเป็นใหญ่ที่สุด สิ่งเหล่านี้สร้างความไม่พอใจอย่างมากกับหลาย ๆ รัฐ รวมถึงโครเอเชียด้วย ส่งผลให้โครเอเชียต้องการที่จะแยกตัวออกจากยูโกสลาเวีย
โครเอเชีย ประกาศแยกตัวในปี 1991 แต่การประกาศแยกตัวนี้ทำให้ทางฝั่งเซอร์เบียไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงทำให้เกิดสงครามยูโกสลาเวียขึ้น ทางฝั่งเซอร์เบียได้ส่งกองกำลังเข้าบุกโครเอเชีย
ทางฝั่งโครเอเชียนอกจากจะต้องรบกับเซอร์เบียแล้ว ยังต้องเจอกับการก่อกวนจากประชาชนที่เป็น คนเซอร์เบีย ที่อาศัยอยู่ในประเทศอีก ทั้งฝั่งพลเรือนและทหารของแต่ละฝั่งต่างเปิดหน้ารบกันส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากสงครามครั้งนี้มากกว่าหลักหมื่นคน
ทางสหภาพยุโรปหรือ UN เห็นทีท่าไม่ดีจึงตัดสินใจประกาศคว่ำบาตรยูโกสลาเวีย ส่งผลให้สงครามยุติลง และ ประกาศอิสรภาพให้กับโครเอเชียในปี 1992
สาเหตุที่แอลเบเนีย ไม่ถูกกับ เซอร์เบีย
อย่างที่รู้กันว่าแอลเบเนียไม่ได้อยู่ในยูโกสลาเวีย และ ไม่ได้มีพื้นที่ติดกับเซอร์เบีย แต่สิ่งที่ทำให้สองประเทศนี้มีปัญหากันคือพื้นที่ที่เรียกว่า ‘โคโซโว’
โคโซโว เป็นมณฑลปกครองตัวเอง เป็นมณฑลเล็ก ๆ ทางตอนใต้ฝั่งตะวันออกของยูโกสลาเวียซึ่งมีพื้นที่ติดกับแอลเบเนียทางตอนใต้ และมีพื้นที่ติดกับเซอร์เบียทางตอนเหนือ โดยโคโซโวเป็นมณฑลที่อยู่ภายใต้การปกครองของรัฐเซอร์เบีย
ซึ่งในพื้นที่ โคโซโว มีประชากรส่วนใหญ่ เป็นชาวแอลเบเนีย ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลทำให้ โคโซโว มีความต้องการที่จะแยกตัวออกไป อยู่กับทางแอลเบเนีย ที่มีชาติพันธุ์เดียวกัน จึงเริ่มมีการประท้วงเพื่อจะแยกตัวออกมา
โดยมีประเทศแอลเบเนียอยู่เบื้องหลังในการสนับสนุน โคโซโว ให้แยกตัวออกจากยูโกสลาเวีย ส่งผลทำให้ทางฝั่งเซอร์เบียเกิดความไม่พอใจ ส่งกองกำลังเข้าปราบปรามแบบเด็ดขาดในพื้นที่โคโซโว มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชาวแอลเบเนีย ในโคโซโว นับพันคน
สงครามยืดเยื้ออยู่นาน จน NATO เห็นท่าไม่ดีจึงได้ดำเนินการทิ้งระเบิดใส่เซอร์เบียทำให้สงครามยุติลงและในปี 2008 โคโซโวได้ประกาศอิสรภาพแยกประเทศออกมา เป็นประเทศตัวเอง
เหตุการณ์ในโลกฟุตบอลที่มีความเกี่ยวข้อง
แน่นอนว่าแม้สงครามจะยุติลงเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว แต่ความคับแค้นใจและความขัดแย้งของชาวโครแอต และ ชาวแอลเบเนีย ที่มีต่อเซอร์เบียยังคงอยู่ การร่วมกันร้องเพลงที่มีเนื้อหาด่าทอ และ ต่อต้านชาวเซอร์เบียในฟุตบอลยูโร 2024 นี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น โดยเราจะยกตัวอย่างเหตุการณ์ในโลกฟุตบอลที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนี้กัน
เหตุการณ์ที่ 1 I เซอร์เบีย VS แอลเบเนีย รอบคัดเลือกฟุตบอลยูโร 2016
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 2015 ในการแข่งขันคัดเลือกยูโร 2016 ระหว่าง เซอร์เบีย กับ แอลเบเนีย ที่สนาม สตาดิโอ พาร์ติซานา เบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย
โดยจังหวะปัญหาเกิดขึ้น เมื่อมีโดรนบังคับปริศนาที่ห้อยธงของแอลเบเนีย เข้ามาในสนาม ในช่วงนาทีที่ 41 ของการแข่งขัน ก่อนที่สเตฟาน เปโตรวิช นักเตะเซอร์เบียจะพยายามปลดธงออกจากโดรน สร้างความไม่พอใจให้นักเตะแอลเบเนีย จนเกิดการปะทะกัน
เหตุการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อแฟนบอลเจ้าถิ่น ลงมาผสมโรงทำร้ายนักเตะแอลเบเนีย ส่งผลให้นักเตะและสตาฟโค้ชของแอลเบเนียต้องหนีตายไปหลบในอุโมงค์ ส่งผลให้ผู้ตัดสินสั่งยกเลิกเกมนี้ในทันที
เหตุการณ์ที่ 2 I กรานิต ชาก้า กับ เซอร์ดาน ชากิรี่ ในฟุตบอลโลก 2018
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเกมระหว่าง สวิสเซอร์แลนด์ กับ เซอร์เบีย ในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพ โดยในเกมนั้นผลการแข่งขันเป็นฝั่งสวิตเซอร์แลนด์ที่เอาชนะไปได้ 2-1
โดยจังหวะปัญหาเกิดขึ้น คือจังหวะฉลองประตูของ กรานิต ชาก้า และ เซอร์ดาน ชากิรี่ ที่ทำสัญลักษณ์มือเป็น ‘นกอินทรีคู่สยายปีก’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ธงชาติแอลเบเนีย
ซึ่งสาเหตุมาจากทั้ง ชาก้า และ ชากิรี่ นั้นต่างมีเชื้อสายแอลเบเนียทั้งคู่ พ่อของ ชาก้า ซึ่งเป็นชาวแอลเบเนียที่ถูกจับกุมในช่วงสงคราม ส่วน ชากิรี่ นั้น ครอบครัวของเขาก็ได้รับผลกระทบจากสงครามในพื้นที่ โคโซโว