“พิธา” สรุปปิดท้ายฝ่ายค้าน แนะ 5 ข้อรัฐบาล ทำงบประมาณโปร่งใส ลดการกู้
“พิธา” สรุปปิดท้ายฝ่ายค้าน แนะ 5 ข้อรัฐบาล ทำงบประมาณโปร่งใส ลดการกู้
“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อภิปรายงบฯ 68 คนสุดท้ายของฝ่ายค้าน ร่ายยาวการจัดทำงบของรัฐบาล ชี้การกู้คือการเสี่ยงเอาเงินอนาคตมาใช้ อาจทำให้รายได้โตไม่ทันกับรายจ่าย พร้อมแนะ 5 สิ่งเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำ
วันที่ 21 มิถุนายน 2567 ที่อาคารรัฐสภา เมื่อเวลา 20.55 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ว่า ในปี 2568 ยังคงเป็นปีที่อยากลำบากสำหรับคนไทย ทั้งเรื่องสินค้าที่แพง หนี้ครัวเรือน สังคมสูงวัย ยาเสพติด วิกฤติการเมือง อีกทั้งยังมีปัจจัยภายนอกมาร่วมด้วย ดังนั้น งบประมาณจึงเป็นสิ่งสำคัญมากของประชาชนในปี 2568
แต่จากที่ตนเองมีโอกาสในการอภิปรายงบฯ 5 ครั้ง และติดตามดูอยู่อีก 1 ครั้ง ในช่วงการถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ พบว่าไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง โดยในช่วงนั้นตนเองได้มีโอกาสดูวิธีการทำงบประมาณของ OECD และการจัดทำงบของประเทศอื่นๆ ที่มักมองว่างบประมาณคือการจัดเรียงลำดับความสำคัญ ระหว่าง ประชาชนผู้จ่ายภาษี และรัฐบาลผู้ใช้ภาษี ที่ต่างประเทศคิดว่า การทำงบฯ อย่างไรให้คนอยู่ดีกินดี เพราะบางทีคนเดินดินกินข้าวแกง ไม่ได้ต้องการพายุเศรษฐกิจ แต่ต้องการแค่ลมใต้ปีก ที่เป็นโครงการที่ใส่ใจคนตัวเล็กจริงๆ
นายพิธา ยังได้ประมวลการอภิปรายใน 3 วันที่ผ่านมา ระบุว่า รายได้ของรัฐ 2,887,000 ล้านบาท และเงินกู้ 865,700 ล้านบาท เมื่อดูรายได้ของรัฐในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2554-2568 พบว่าในภาพรวมยังมีความผันผวนและสัดส่วนการเก็บรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับ GDP จึงตั้งคำถามว่ารัฐบาลมีแผนงานอย่างไรที่จะทำให้ประชาชนมั่นใจว่า จะทำให้รายได้รัฐเพิ่ม โดยที่ไม่ต้องกู้มากขึ้น และจาก 7 เดือนที่ผ่านมา พบว่าการจัดเก็บรายได้จากกรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต พลาดเป้าไปแล้ว 35,498 ล้านบาท จึงอยากทราบว่ามีมาตรการอะไรให้ประชาชนเชื่อมั่น ประเทศไทยจะจัดหารายได้เพียงพอก่อนจะครบ 12 เดือนหรือไม่ และจะขยายฐานภาษีอย่างไร เพื่อไม่ให้คนตัวเล็กลำบากมากขึ้น และเมื่อดูภาษี Vat หากเทียบกับรายได้คนจน พบว่าจ่ายแพงกว่าคนกลุ่มอื่นเมื่อเทียบกับรายได้ของคนกลุ่มนี้ จนอาจเป็นการซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำได้
“เมื่อรายได้ไม่พอก็ทำให้รัฐบาลต้องกู้เพิ่มขึ้น เพราะการกู้คือการเสี่ยงที่เอาเงินอนาคตมาใช้ แต่ในอนาคตเราจะมั่นใจได้อย่างไรในเรื่องการจัดเก็บรายได้ และยังทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นทุกภาคส่วนไม่ดีนัก และจะทำให้อัตรการเติบโตของรายได้โตไม่ทันกับรายจ่ายของประเทศ ทำให้อัตราการกู้สูงขึ้นเรื่อยๆ”
ขณะที่เรื่องการขยายและการกระตุ้น จีดีพี นายพิธา ยังได้ยกคำพูดอดีตนายกฯ ในปี 2565 ที่ระบุว่า หากรัฐบาลไม่จนปัญญาเกินไป คงไม่กู้มาแจก ตนเองขอยกตัวอย่างว่า การสร้างเศรษฐกิจ กระตุ้น จีดีพี ไม่ใช่มีแค่มิติเดียว เพราะมันเป็นเรื่องของการลงทุน การใช้งบประมาณแผ่นดิน และเป็นการต่อสู้การคุกคามการค้า ที่อดีตนายกฯ คนนั้นมองว่ามาสร้างเศรษฐกิจแทนการกู้ดีกว่า ทั้งที่เศรษฐกิจในปีนั้นซบเซากว่าปีนี้ โดยนายพิธามองว่ารัฐต้องช่วยภาคอุตสาหกรรมไทยให้ปรับตัวตามต่างชาติให้ทัน ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องเศรษฐกิจ ต้องรักษาไว้ด้วยการลงทุนที่ Infrastructure หรือโครงสร้างพื้นฐาน เพราะรายได้การท่องเที่ยวของประเทศไทย อยู่แค่ 5 จังหวัด จึงอยากให้เน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานควบคู่ไปด้วย
นายพิธา ยังกล่าวว่า ในขณะที่รัฐบาลมีงบประมาณเพื่อ Ignite ก็ยังมีคนถูก Ignore เช่น งบสวัสดิการเด็กเล็ก สวัสดิการผู้พิการ และด้านสิ่งแวดล้อม ตนเองจึงขอเสนอ ปฏิรูปกระบวนการทางงบประมาณ ตั้งแต่การจัดทำ การอนุมัติ และการบริหารงบประมาณ ตาม OECD Guideline โดยต้องเน้นเรื่องความโปร่งใสให้ประชาชนมีส่วนรวมตั้งแต่การจัดทำ มีการถ่ายทอดสด ในชั้นกรรมาธิการ เพื่อให้ประชาชนรับฟังและร่วมตรวจสอบได้
ส่วน 5 สิ่งเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำ เกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน คือ ความชัดเจนเกี่ยวกับแผนรายได้ กับแผนหนี้ของประเทศ รวมถึงแผนการปฏิรูปภาษีอย่างเป็นธรรม แผนช่วยเหลือประชาชน ที่งบประมาณไม่ครอบคลุม การเปิดเผยกระบวนการพิจารณางบต่อสาธารณะ และการปรับกระบวนการงบประมาณตามมาตรฐาน OECD
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “พิธา” สรุปปิดท้ายฝ่ายค้าน แนะ 5 ข้อรัฐบาล ทำงบประมาณโปร่งใส ลดการกู้
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath