นักวิชาการ ชี้ งบฯ 68 กระตุ้นเศรษฐกิจแต่ต้องจับตาเสถียรภาพการคลัง
นักวิชาการ ชี้ งบฯ 68 กระตุ้นเศรษฐกิจแต่ต้องจับตาเสถียรภาพการคลัง
ภายหลังสภาผู้แทนราษฎรลงมติผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วาระแรกไปเมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.2567) นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง มองว่า การจัดสรรงลประมาณอาจได้ผลในแง่ของการกระตุ้นศรษฐกิจ แต่ในระยะยาวต้องดูเสถียรภาพทางการคลัง เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นคู่ขนานกัน ขณะเดียวกันหลายโครงการยังขาดความชัดเจนว่าจะนำงบประมาณไปใช้ในส่วนใดบ้าง
ผ่านฉลุย! สภาฯโหวตรับหลักการพ.ร.บ.งบประมาณปี 68
กาง พ.ร.บ.งบประมาณปี 68 ตั้งงบกลาง 8 แสนล้าน คลังแชมป์งบสูงสุด!
รองศาสตราจารย์ สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ให้ความเห็นถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 หลังผ่านสภาวาระแรกว่า หากมองแง่นโยบายตามที่รัฐบาลได้แถลงไว้ ก็ถือว่าตอบโจทย์เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตัวเลขงบประมาณที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 2 แสน ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เนื่องจากเศรษฐกิจไตรมาสแรกขยายตัวต่ำ จึงมีความจำเป็นที่ต้องกระตุ้น
แต่สิ่งที่ต้องตั้งข้อสังเกต คือ
1. การกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการกระตุ้นแบบต่อเนื่อง เพราะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ใช้เวลา 1 ปี แม้มีผลในแง่ของจีดีพี แต่จะทำได้แค่ระยะสั้น
2. ต้องจับตาเรื่องเสถียรภาพทางการคลัง เพราะการกระตุ้นเศรษกิจคู่ขนานไปกับกับเสถียรภาพทางการคลัง ซึ่งจากการจัดทำงบปราณจะเห็นได้ชัดว่าการขาดดุลงบประมาณกับหนี้สาธารณะสูงสุดในรอบ 20 ปี แม้ยังไม่เลยเพดานที่รัฐบาลชุดที่แล้วกำหนดไว้ที่ 70%
3.การลดช่องว่าง ที่มองว่ายังไม่ตอบโจทย์ เพราะยังไม่เห็นความชัดเจนว่าจะทำอย่างไร ซึ่งจริงๆ แล้ว จะต้องพัฒนาขีดความสามารถด้านเอสเอ็ม อี หรือด้านอื่น
4.การใช้งบประมาณในส่วนการพัฒนาขีดความสามารถ ที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะประเทศไทยมีอัตราการเติบโตที่ต่ำต่อเนื่องมา 10 ปี จากความสามารถทางการแข่งขัน
มองว่าไม่ค่อยตอบโจทย์ อาจเป็นเพราะต้องใช้งบประมาณส่วนนี้ไปกระตุ้นเศรษฐกิจชั่วคราวในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และงบประมาณอีกส่วนที่มองว่า ยังไม่ตอบโจทย์คืองบด้านการศึกษา เพราะการปฏิรูปการศึกษาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เน้นไปที่ระดับการศึกษา แต่ไม่ได้พูดถึงพัฒนาคุณภาพการศึกษา