เกรซ กาญจน์เกล้า ตอบเอง ดราม่าชื่อเพลง ‘บาย พอ ลา’ โยงโรคไบโพลาร์ รับเจอผลกระทบเต็มๆ
เกรซ กาญจน์เกล้า ตอบปมดราม่าชื่อเพลง ‘บาย พอ ลา’ โยงโรคไบโพลาร์ รับเจอผลกระทบเต็มๆ
หลังจากปล่อยเพลงล่าสุด ที่ชื่อว่า บาย พอ ลา (ไบโพลาร์) ได้ไม่นาน สำหรับนักแสดงสาว เกรซ กาญจน์เกล้า ก็มิวายเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่นเรื่องชื่อเพลง ที่ทำให้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคไบโพลาร์ จนทางต้นสังกัดต้องรีบออกมาชี้แจง พร้อมกับลบคำว่า ไบโพลาร์ ที่อยู่ในวงเล็บออก เหลือเพลงแค่คำว่า บาย พอ ลา ล่าสุดนักแสดงสาวได้มาร่วมงาน Revive Your Glow Event ที่โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า
ล่าสุดดราม่าชื่อเพลง?
“จากการที่มีดราม่าที่ผ่านมาก็ยังไม่มีโอกาสได้มาชี้แจงอย่างเป็นทางการ คือมันเป็นเรื่องเพลง บาย พอ ลา คือคอนเซปต์ของเกรซในแต่ละเพลงที่ผ่านมา เกรซจะมีการเล่นคำอยู่แล้ว ตั้งแต่ hurtเรท ก็เล่นมาจากฮาร์ทเรทคือการออกกำลังกาย และก็เป็นอะไรที่มันเป็นตัวเอง และเพลงถัดมาก็คือ กดไลค์ย้อน ก็มาจากกรดไหลย้อน นึกออกไหม มันก็เป็นเรื่องโรค ก็เลยเดินสายทางนี้เลยแล้วกัน ก็เลยเป็นเพลง บาย พอ ลา แล้วพร้อมกับคำว่าไบโพลาร์นั่นเอง
เข้าใจว่าจะมีคนบางกลุ่มที่เซนส์ซิทีฟที่มีปัญหากับตรงนี้จริงๆ เขาก็มองว่าเกรซไปตั้งชื่อล้อเลียน แต่ว่ามันไม่ใช่ ความจริงแล้วคำว่าไบโพลาร์ ตรงนี้เราไม่ได้ตั้งใจมาเหยียด มาบูลลี่ หรือว่าล้ออะไรตรงนี้เลย เพียงแต่ว่าเพลงมันเดินทางของมันเพียงแค่ 3 นาที และชาเลนจ์ต่างๆ ก็มีเวลาเพียงแค่ 15-30 วินาที และตัวเกรซก็เป็นนักร้องไม่มีโอกาสมาเอดุเขตคนมากพอ ก็ขอใช้โอกาสนี้ในการเอดุเขตเลยแล้วกัน เพราะบางคนยังไม่เข้าใจว่าโรคไบโพลาร์จริงๆ แล้วไม่ใช่การอยู่ดีๆ แล้วหัวเราะ ร้องไห้ สลับกันทันที ซึ่งไม่ใช่
คำว่าไบโพลาร์มี 2 อาการ อาการแรกก็คืออาการ mania มีความมั่นใจสูง มีความสุขผิดปกติ มีความร่าเริง หัวเราะตลอดเวลา กับอีกอย่างคือ depressed ก็คือมีอาการซึมเศร้า ไม่มีความมั่นใจ เก็บตัว มีความโศกเศร้าผิดปกติ ซึ่ง 2 อย่างนี้มันจะมีลีดไทม์ของมัน มันไม่ใช่การเป็นแล้วสลับไปมาภายใน 5 นาที มันจะมีเป็นช่วงๆ 1 อาทิตย์ หรือ 2 อาทิตย์แล้วแต่ระยะเวลาของอาการและความหนักหนาของแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนตรงนี้ก็ไม่เท่ากัน โดยปัจจุบันมีการรักษา มีผู้ป่วยที่ค่อนข้างหายแล้วเยอะแล้วเหมือนกัน เหมือนกับโรคซึมเศร้าที่ต้องการกำลังใจและความเข้าใจจากคนรอบข้าง ดังนั้นเกรซก็เลยอยากจะให้ทุกคนเพิ่มความตระหนักในเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะก่อนเกรซจะมาทำเพลง เกรซก็ได้มีความเข้าใจ เพียงแต่ว่าในพาร์ทของการเป็นนักร้อง เราก็ไม่อาจที่จะสามารถนั่งอธิบายให้ทุกคนเข้าใจได้ โอกาสนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่ทำให้เราเพิ่มความตระหนักในเรื่องนี้ไปด้วยในตัวเลยก็แล้วกัน”
ตกใจกับกระแสดราม่าไหม?
“ตกใจเหมือนกันค่ะ จริงๆ เพลงเป็นเพลงที่ให้กำลังใจด้วยซ้ำ สำหรับคนที่ที่ซัฟเฟอร์ อยู่ใน toxic relationship เวลาที่เขาทักมาหรือเขาอยู่กับเรา เรามีความสุข แต่เวลาที่เขาไม่อยู่หรือเขาให้ไปเรามีความทุกข์ มันก็เลยเป็นการเปรียบเทียบความรักใน 2 แง่ว่า ถ้าเราคบกับใครสักคนนึงแล้วสามารถทำให้เราสุขสุดๆ แต่ทุกข์สุดๆ ได้ในขณะเดียวกัน นั่นมันเป็นความรักที่ ถือว่าเป็น toxic relationship เพราะว่าความรัก เวลาที่เราขาดเขาไม่ได้มันเหมือนสารเสพติด ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นเราต่างคนต่างควรจะมีการรักษาความสัมพันธ์ในการใช้ชีวิต ในการทำงานเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายต่างๆของตัวเอง ความรักถ้ามีแล้วดีก็ดีถ้าไม่มีก็ต้องขอบาย พอ แล้วก็ขอลาเป็นอะไรประมาณนี้”
เห็นคอมเมนต์ต่างๆ ในเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ไหม?
“เห็นนะคะ คือเกรซไม่ได้เล่นทวิตเตอร์เป็นหลัก แต่ก็มีโอกาสได้เห็น ทางค่ายค่อนข้างที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ ก็เลยเปลี่ยนชื่อบาย พอ ลา (ไบโพาลาร์) ก็เปลี่ยนออกให้เหลือแค่คำว่าบาย พอ ลา สำหรับเกรซ รู้สึกว่าไม่อยากให้หลายๆ คนที่ตัดสินคิดไปเอง เพราะว่าเกรซยังไม่มีโอกาสได้มาบอก และก็ยังไม่มีการพีอาร์อะไรเลย และเพลงก็เพิ่งเริ่มปล่อยเลย แล้วมันก็เจอดราม่าตรงนี้แล้ว คือยังไม่ทันได้โปรโมทก็เริ่มคุมกำเนิดซะแล้ว”
ภาพประกอบข่าว
มีการปรับเปลี่ยนไหม?
“โอเคค่ะมีการปรับเปลี่ยน มีการตัดคำว่าไบโพลาร์ออก และ ในเรื่องชาเลนจ์อะไรที่เกี่ยวกับเรื่องของอารมณ์ที่เราจะสื่อสารก็ระวังมากขึ้น เรียกได้ว่าตัดออกเลยดีกว่า ก็ไม่ได้มีชาเลนจ์อะไรที่เราจะ ทำให้หลายๆคนเข้าใจว่า เป็นการอธิบายหรือการให้ข้อมูลความหมายแบบผิดๆ”
คิดว่ามีผลกระทบต่อเพลงไหม?
“เอาจริงๆ ไหมกระทบเต็มๆ เลยอ่ะ คือ ไม่ได้โปรโมทประมาณ 2 อาทิตย์เลยที่หายไป ถามว่าเสียใจไหมก็เสียใจแต่ก็เข้าใจในบริบท เพราะว่าเราจะมาบอกว่าเป็นคนกลุ่มเล็กก็ไม่ได้หรอก เพราะเขาก็คือคนกลุ่มหนึ่งในสังคมเหมือนกันที่ รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเซ้นส์ซิทีฟ เราก็แคร์ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนกลุ่มเล็กๆ แต่ว่าเราก็แคร์ มีหลายคนมากๆ ที่รู้สึกว่าทำไมต้องเปลี่ยนชื่อด้วย มันก็เป็นกิมมิค เป็นการเล่นคำ เขาก็มองเป็นเรื่องบวกก็มีเช่นเดียวกัน ตรงนี้ก็ขอบคุณเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าสำหรับบางคนที่มองว่าเป็นเรื่อง toxic รู้สึกว่าที่ผ่านมามันแย่ คือเกรซมอบดอกไม้ให้คุณแต่คุณอย่ามองเป็นมีดได้ไหม เพราะเราไม่ได้มีเจตนาที่จะไปทำร้ายแบบนั้น เป็นเพลงให้กำลังใจด้วยซ้ำ ให้บาย ให้พอ ให้ลาก่อนประมาณนี้“
อาจจะมีคนแปลเจตนาของเราผิด?
”ใช่ เกรซว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ ที่โลกโซเชียลควรที่จะให้โอกาสตัวเราในการที่จะบอก จะพูดอะไรก่อนที่จะตัดสินใจอะไรออกไป แต่เกรซเข้าใจในค่ายเพลง spicydisc ว่าเขาจะต้องออกมาแก้ปัญหา ณ ตอนนั้นเลย เพราะมันมีเรื่องของคนแต่ง ของอะไรที่มันโดนผลกระทบไปหมดเลย”
หลังนี้จะยังคงแนวทางเดิม ที่เอาเรื่องโรคมาทำเป็นเพลง?
“พูดตามตรงในส่วนของโรคก็คงต้องหยุดแล้ว ก็เอาเพลงที่มันเป็นตัวเราเองมาดีกว่า อาจจะนำเสนอในแง่มุมอื่นแต่สนุกแน่นอน ตอนนี้ก็กำลังทำเพลงใหม่อยู่ค่ะ เพลงนี้ก็ไปหาฟังกันได้แต่อาจจะไม่มีขั้นตอนการโปรโมทอะไรแล้ว เพราะว่ามันเจอในเรื่องของดราม่าไป”
ท้อไหม เพราะเป็นเพลงหนึ่งที่เกรซตั้งใจมากๆ เลย?
“ก็ตั้งใจนะ ถามว่าท้อไหมก็ท้อแหละ แต่ลิงก็ถือไปก่อนแล้วกัน ฉันก็ยังไม่ถือ เพราะว่าฉันก็ต้องสู้ต่อ (หัวเราะ) คือเราไม่ได้ซีเรียสหรอกค่ะ ทำเพลงออกมานานาจิตตัง ถือว่าทำเพลงทำเป็น คอนเทนต์อีกอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่เราชอบอีกอย่างหนึ่ง โอเคมันมีคนที่ชอบแล้วก็มีคนที่ไม่ชอบ ดังนั้นก็นานาจิตตังทำความเข้าใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นได้ เพราะเราอยู่ตรงนี้มานานแล้วด้วย เราเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร แค่ไม่อยากให้ใครที่รู้สึกไม่ดียังคงรู้สึกอยู่ วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีมากเลยที่ได้ออกมาพูด แล้วก็เพิ่มความตระหนักของไบโพลาร์จริงๆ”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เกรซ กาญจน์เกล้า ตอบเอง ดราม่าชื่อเพลง ‘บาย พอ ลา’ โยงโรคไบโพลาร์ รับเจอผลกระทบเต็มๆ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th