เปิดใจเศรษฐีเบอร์ 1 เวียดนาม เจ้าของ ‘วินฟาสต์‘ ยอมทุ่มเงินทั้งชีวิตกับความฝันปั้นรถ EV

เปิดใจเศรษฐีเบอร์ 1 เวียดนาม เจ้าของ ‘วินฟาสต์‘ ยอมทุ่มเงินทั้งชีวิตกับความฝันปั้นรถ EV

“ฝ่าม เญิ๊ต เวือง” (Pham Nhat Vuong) มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของเวียดนาม วัย 55 ปี ผู้มั่งคั่งด้วยทรัพย์สินมูลค่า 5.3 พันล้านดอลลาร์ เปิดใจกับบลูมเบิร์กถึงการทุ่มเงินกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทสตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนาม “วินฟาสต์ ออโต้” (VinFast Auto) แม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูงในอุตสาหกรรมรถอีวีที่กำลังดุเดือดตอนนี้

“วินฟาสต์” เริ่มต้นธุรกิจและผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกเมื่อห้าปีที่แล้ว มีเป้าหมายที่จะบุกตลาดโลก ในประเทศต่างๆ ตั้งแต่ อินเดีย ไปจนถึง อินโดนีเซีย และตอนนี้กำลังมีคู่แข่งสำคัญในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ อย่าง Tesla และ Hyundai

แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่  ฝ่าม เญิ๊ต เวืองกลับไม่สะทกสะท้านและมั่นใจว่าสามารถนำพาบริษัทไปสู่ความสำเร็จได้ แม้อาจล้มเหลว เหมือนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Toyota Motor Corp. และ Volkswagen AG กำลังประสบปัญหาอยู่ก็ตาม

“ผมจะสนับสนุนต่อไปจนกว่าเงินจะหมด VinFast จะก้าวไปสู่จุดคุ้มทุนในเร็วๆ นี้และสามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้” ฝ่าม เญิ๊ต เวืองกล่าว

จุดเริ่มต้น ‘วินฟาสต์’ ในสงครามอีวีโลก

VinFast เริ่มจำหน่ายรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2566 แต่กลับต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายในการไปยืนบนเวทีระดับโลกที่มีกำไร ทั้งคู่แข่งจากจีนที่กำลังเร่งการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาถูกลงเรื่อยๆ และ Tesla ที่กำลังลดราคาลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ซบเซาลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทวิจารณ์รถยนต์ VinFast รุ่นแรกในสหรัฐค่อนข้างรุนแรง ทั้งปัญหาไฟเลี้ยวที่ทำงานผิดปกติ และระบบควบคุมอากาศภายในรถที่ไม่เสถียร

ในช่วงสามเดือนแรกของปี VinFast ส่งมอบรถยนต์เพียง 9,689 คัน ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 100,000 คัน โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา VinFast สามารถขายรถยนต์ได้เพียงประมาณ 35,000 คัน ซึ่งส่วนใหญ่ขายให้กับบริษัทแท็กซี่ในเครือของวินกรุ๊ป

ที่ผ่านมา VinFast ได้รับเงินทุนจาก Vingroup บริษัทแม่ และผู้ให้กู้ภายนอก รวมเป็นมูลค่าประมาณ 12.9 พันล้านดอลลาร์เงินทุนนี้ถูกใช้เพื่อการดำเนินงานและการลงทุนของ VinFast ระหว่างปี 2560 ถึงปัจจุบัน

ตอนนี้ VinFast กำลังก่อสร้างโรงงานในนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา และเริ่มก่อสร้างโรงงานในอินเดีย รวมทั้งมีแผนที่จะสร้างโรงงานในอินโดนีเซีย นอกเหนือจากโรงงานที่มีอยู่เดิมในเวียดนาม

นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence  นำโดย Ken Foong กล่าวว่า บริษัทมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากการเป็นผู้เล่นใหม่ในตลาดสหรัฐที่มีการแข่งขันรุนแรง

"พวกเขาจำเป็นต้องสร้างแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันดุเดือดเช่นนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายในสหรัฐ ต้องใช้ทั้งเวลาและเงิน"

ไม่หวั่นหุ้น Vinfast จ่อปากเหว

VinFast เป็นที่รู้จักในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลก จากการเข้าตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2566 ตอนนั้นราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 700% ในสองสัปดาห์แรก นับ  แต่หลังจากนั้นราคาหุ้นก็ร่วงลงมามากถึง 95%

ตอนนี้หุ้น VinFast มีการซื้อขายเพียง 2% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งหมายความว่ามีสภาพคล่องต่ำ สิ่งนี้อาจส่งผลให้ราคาหุ้นมีความผันผวนอย่างมาก หมายความว่าราคาหุ้นอาจขึ้นๆ ลงๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งอยู่ในระดับความเสี่ยง

แม้ว่าหุ้น VinFast มีความเสี่ยงต่อการแกว่งตัวอย่างรุนแรง แต่เวืองซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ VinFast (97.9% ของหุ้นทั้งหมด) ก็ยังไม่ต้องการที่จะเพิ่มจำนวนหุ้นที่ซื้อขายในตลาดได้

“ผมไม่สนใจราคาหุ้นปัจจุบันในขณะนี้ และเราไม่รีบร้อนที่จะนำหุ้นออกมาขายเพิ่มเติมในตลาด เพราะจำนวนหุ้นที่สามารถซื้อขายได้อย่างอิสระไม่มีผลต่อนักลงทุนรายใหญ่และนักลงทุนระยะยาว”

ผู้นำที่เงียบขรึมแต่ทรงอิทธิพล

ฝ่าม เญิ๊ต เวือง เป็นนักธุรกิจชาวเวียดนามที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัท Vingroup ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

เวือง ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้นำทางธุรกิจที่มีอิทธิพลมากที่สุดของเวียดนาม เนื่องจาก Vingroup ของเขามีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของประเทศ ครอบคลุมธุรกิจต่างๆ มากมาย ทั้ง

• อสังหาริมทรัพย์: Vingroup เป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม โครงการของบริษัทครอบคลุมตั้งแต่บ้านราคาประหยัดไปจนถึงคอนโดมิเนียมสุดหรู
• สินค้าอุปโภคบริโภค: Vingroup ดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่หลากหลาย ผ่าน VinMart, Vinmec, Vincom Retail, Vinschool และอื่นๆ
• Vinschool เป็นหนึ่งในระบบโรงเรียนเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มุ่งมั่นที่จะมอบการศึกษาที่มีคุณภาพสูงให้กับนักเรียน
•  Vinmec โรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มุ่งมั่นที่จะมอบบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงให้กับคนไข้

ธุรกิจของเวืองส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเวียดนามแทบทุกคน เพราะ Vingroup เป็นทั้งนายจ้างรายใหญ่และผู้จ่ายภาษีรายใหญ่ในเวียดนาม นอกจากนี้ บริษัทของเวืองยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเวียดนาม Vingroup ลงทุนในโครงการต่างๆ เช่น สนามบิน ถนน และสะพาน

“เป้าหมายในการยกระดับภาคการผลิตของเวียดนาม” กลายเป็นหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้เขายังคงเดินหน้าต่อไปกับ VinFast เพื่อพัฒนาให้เวียดนามไปไกลกว่าการผลิตรองเท้าผ้าใบและประกอบเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ให้กับบริษัทต่างชาติ

นอกจากนี้เขายังต้องการใช้บริษัทของเขาในการช่วยแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

“VinFast ไม่ใช่แค่โครงการธุรกิจ แต่มันคือโครงการที่เกิดจากความทุ่มเท”

อ้างอิง bloomberg