“สะดวกซื้อญี่ปุ่น” หันโฟกัสเอเชีย ปั้นแหล่งรายได้ใหม่แทนบ้านเกิด
ภาพประกอบข่าว
คอลัมน์ : Market Move
ความสำเร็จของธุรกิจร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่นที่ภายในเวลาเพียง 50 ปี สามารถขยายสาขาได้ถึง 5.5 หมื่นสาขา และมูลค่ามากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ อย่างการลดลงของประชากรที่ต่อเนื่องและรวดเร็ว จนคาดว่าอีก 50 ปีข้างหน้า ประชากรญี่ปุ่นจะลดจาก 120 ล้านคนในปัจจุบันเป็นต่ำกว่า 90 ล้านคน
ภาพประกอบข่าว
ส่งผลให้ไม่เพียงเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน แต่ยังขาดแคลนฐานลูกค้าที่จะมาใช้บริการและซื้อสินค้าอีกด้วย
ความท้าทายที่มองเห็นได้ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ นี้ กระตุ้นให้บรรดาเชนร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ ทั้งเซเว่นอีเลฟเว่น ลอร์สัน และแฟมิลี่มาร์ท ต่างต้องหันเร่งสปีดรุกตลาดต่างประเทศหวังสร้างแหล่งรายได้ใหม่ ชดเชยกับตลาดในประเทศ
สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า เชนร้านสะดวกซื้อ 3 รายใหญ่ของญี่ปุ่น ทั้งเซเว่นอีเลฟเว่น, ลอว์สัน และแฟมิลี่มาร์ท ต่างปล่อยสารพัดกลยุทธ์ออกมาหนุนการรุกตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียซึ่งถูกหมายมั่นให้เป็นตลาดหลักแห่งใหม่ของธุรกิจร้านสะดวกซื้อนอกประเทศญี่ปุ่น
โดย Seven & i Holdings บริษัทแม่ของร้านยักษ์สะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น ตั้งเป้าส่งร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดตลาดต่างประเทศใหม่ 2 ประเทศต่อปี และภายในปี 2030 จะต้องมีสาขาครบ 1 แสนสาขา ใน 30 ประเทศ-ภูมิภาค จากเมื่อเดือนกันยายน 2023 มีสาขา 8 หมื่นสาขาใน 20 ประเทศ
นอกจากนี้แหล่งข่าวผู้เชี่ยวชาญในวงการร้านสะดวกซื้อยังเปิดเผยว่า ยังมีแนวโน้มความเคลื่อนไหวของ Seven & I ที่พยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารเชนร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น จากเดิมที่จะใช้วิธีให้ไลเซนส์บริษัทท้องถิ่นในการบริหารจัดการ เช่น ล็อตเต้ (Lotte) ในเกาหลีใต้ หรือซีพี ฟู้ดส์ ในไทย
หนึ่งในตัวอย่างคือ การทุ่มเงิน 1.7 แสนล้านเยน หรือประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปิดดีลซื้อกิจการบริษัทท้องถิ่น ผู้บริหารเซเว่นอีเลฟเว่น ในออสเตรเลียเมื่อช่วงต้นปี 2024 นี้ หลังจากก่อนหน้านี้ Seven & i ลงทุน 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อกิจการเชนร้านสะดวกซื้อ สปีดเวย์ (Speedway) 3,800 สาขา จาก Marathon Perroleum เมื่อปี 2021
ส่วน ลอว์สัน มุ่งเร่งสปีดขยายสาขาในจีนเพิ่มจากปัจจุบันที่มี 6 พันสาขา ตามแนวคิดขยายสาขาก่อนแล้วค่อยสร้างการรับรู้ให้แบรนด์ โดยยอมขาดทุนในช่วงแรกแลกกับกำไรในระยะยาว ด้วยการใช้ทั้งการบริหารร้านโดยบริษัทในเครือและการให้ไลเซนส์ ควบคู่กับการพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคแต่ละพื้นที่ของจีนด้วยการแบ่งตลาดออกเป็นโซน ๆ เพื่อให้สามารถติดตามและตอบสนองการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
ด้าน แฟมิลี่มาร์ท นั้น Itochu ยักษ์เทรดดิ้งผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 95% พยายามสร้างความร่วมมือแบบคอลลาบอเรชั่นระหว่างธุรกิจรถยนต์มือสองกับแฟมิลี่มาร์ทด้วยแนวคิดสร้างร้านค้าที่มีบริการหลากหลายรวมไปถึงด้านยานยนต์อย่างการขายรถมือสอง และประกันรถยนต์ด้วย
ทั้งนี้เนื่องจากมีหลายประเทศที่แสดงศักยภาพสำหรับธุรกิจร้านสะดวกซื้อ หนึ่งในนั้นคือ อินโดนีเซีย หลังการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางได้เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้ากลุ่มอาหารไป โดยผู้คนสนใจประเด็นความสะอาดมากขึ้น อาหารปรุงสำเร็จในร้านสะดวกซื้อจึงได้รับความนิยมมากขึ้น แทนที่อาหารจากร้านสตรีตฟู้ด เมื่อรวมกับฐานประชากรจำนวนกว่า 270 ล้านคน ทำให้อินโดนีเซียกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ
หรือ ไต้หวัน ซึ่งผู้คนคุ้นเคยกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นช่วยให้การตั้งทีมงานท้องถิ่นและการปรับใช้กลยุทธ์จากญี่ปุ่นเป็นไต้หวันทำได้ราบรื่น สะท้อนจากการมีร้านสะดวกซื้อมากกว่า 1 หมื่นสาขา แม้จะมีประชากรเพียง 23 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นแฟมิลี่มาร์ทถึง 4.2 พันสาขา หลังเข้าทำตลาดเมื่อปี 1988
อย่างไรก็ตาม แม้เชนร้านสะดวกซื้อญี่ปุ่นจะเริ่มรุกตลาดต่างประเทศมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ยุทธการนี้ยังคงเป็นความท้าทาย เห็นได้จากการถอนตัวจากตลาดประเทศไทยของแฟมิลี่มาร์ท ส่วนเซเว่นอีเลฟเว่นเมื่อปี 2017 ต้องถอนตัวออกจากตลาดอินโดนีเซียหลังเข้าเปิดตลาดเมื่อปี 2009 เนื่องจากความท้าทายเฉพาะตัวของตลาดนี้ เช่น การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการแข่งขันดุเดือดกับผู้เล่นท้องถิ่น ด้านลอว์สันยังคงเผชิญศึกหนักในตลาดจีนจากการแข่งขันกับผู้เล่นท้องถิ่นอย่าง Meiyijia
หลังจากนี้ต้องจับตาดูว่า ความตั้งใจรุกตลาดเอเชียเพิ่มนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการธุรกิจร้านสะดวกซื้อในเอเชีย รวมถึงประเทศไทยอย่างไรบ้าง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “สะดวกซื้อญี่ปุ่น” หันโฟกัสเอเชีย ปั้นแหล่งรายได้ใหม่แทนบ้านเกิด
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net