ไทย-นิวซีแลนด์ ยกระดับความร่วมมือ เดินหน้าหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในปี 2569
“นายกฯ เศรษฐา” หารือทวิภาคี นายกฯ นิวซีแลนด์ ย้ำความสัมพันธ์เกือบ 7 ทศวรรษ ก่อนเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลง 2 ฉบับ ยกระดับความร่วมมือรอบด้าน เดินหน้าสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในปี 2569
วันที่ 17 เมษายน 2567 ภายหลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับ นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล และร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเชิญไปยังห้องสีม่วง เพื่อแนะนำคณะรัฐมนตรี แล้วจึงเชิญไปยังห้องสีงาช้างด้านนอก เพื่อลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ทั้ง 2 ฝ่ายมอบให้แก่กัน ก่อนจะหารือกลุ่มเล็ก ณ ห้องสีงาช้างด้านใน โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์และคณะในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการเยือนของนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ในรอบ 11 ปี และเป็นโอกาสอันดีในการติดตามและสานต่อความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน ภายหลังการหารือทวิภาคีของทั้ง 2 ฝ่าย ในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ ณ นครเมลเบิร์น เมื่อเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะด้านการเกษตรอัจฉริยะและปศุสัตว์ ซึ่งไทยต้องการรับความช่วยเหลือจากนิวซีแลนด์
โดยนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ยินดีอย่างยิ่งที่ได้เยือนประเทศไทยในครั้งนี้ พร้อมทั้งขอบคุณการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันและการจัดทำแผนงานร่วมกัน เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันสู่การเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” (Strategic Partnership) ในปี 2569 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำความพร้อมของไทยในการเดินหน้าร่วมกับนิวซีแลนด์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่จะนำไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันในปี 2569 หรือเร็วกว่านั้น
ต่อมาเวลา 11.00 น. นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ นำคณะเข้าเยี่ยมคารวะ นายเศรษฐา โดยมีผู้แทนระดับสูงของภาครัฐนิวซีแลนด์ พร้อมด้วยผู้แทนจากภาคเอกชนนิวซีแลนด์ จำนวน 8 บริษัท/หน่วยงาน ใน 4 สาขา ได้แก่ การเกษตรและอาหาร พลังงาน บริการและการศึกษา และเรือยนต์และการบิน โดยนายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่าการเยือนครั้งนี้ทุกฝ่ายจะได้หารือเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อขยายโอกาสทางการค้าการลงทุนระหว่างไทย-นิวซีแลนด์ โดยรัฐบาลผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลายประการ ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และการปฏิรูปโครงสร้างระยะยาวเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย
นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมชื่นชมนายกรัฐมนตรีของไทยที่มีบทบาทกระตุ้นความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ เป็นโอกาสสำคัญที่ได้นำผู้แทนจากภาคธุรกิจชั้นนำของนิวซีแลนด์ในภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงแนวทางการทำงานร่วมกันในอนาคต ซึ่งนิวซีแลนด์เชื่อมั่นว่าการบูรณาการความร่วมมือด้านการเกษตรจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และมีการหารือในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้
ด้านการเกษตร บริษัท Fonterra สหกรณ์โคนมที่ใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เห็นพ้องถึงการสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย หรือฟาร์มขนาดเล็ก การสร้างแหล่งทรัพยากรน้ำให้เพียงพอ และการพัฒนาด้านเทคโนโลยีการเกษตร เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรอย่างเท่าเทียมกัน
ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เห็นพ้องถึงแนวทางการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในภาคเกษตรกรรม โดยไทยตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) ภายในปี ค.ศ. 2065 ซึ่งการทำนาข้าวของไทย เป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดก๊าซมีเทนด้วย ขณะที่นิวซีแลนด์กล่าวถึงการมี AgriZero NZ เป็นการทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรม รัฐบาล และเกษตรกร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 พร้อมทั้งลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากภาคปศุสัตว์ด้วยการสนับสนุนนวัตกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพต่างๆ เช่น การตัดต่อพันธุกรรมของหญ้าที่มีอัตราการปล่อยก๊าซต่ำ ซึ่งสามารถขายเชิงพาณิชย์ได้ โดยไทยพร้อมแลกเปลี่ยนแนวทางทั้งในด้านนวัตกรรมการเกษตรและการศึกษาวิจัย
ด้านพลังงานทดแทนและอุตสาหกรรม EV ไทยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและต้องการครอบคลุมระบบนิเวศทั้งหมด (Ecosystem) ทั้งการเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ แบตเตอรี่ และอื่นๆ ที่สามารถผลิตจากวัตถุดิบในท้องถิ่นได้ ขณะที่บริษัทจากนิวซีแลนด์ เช่น บริษัท Morrison ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการลงทุน ให้ความสนใจในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน การลงทุนในพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และแบตเตอรี่ในไทย บริษัท Hiringa Energy Ltd. บริษัทด้านพลังงานสีเขียวแบบครบวงจร ยินดีที่จะสนับสนุนบริษัทในไทยที่ต้องการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนในประเทศ
ด้านการท่องเที่ยว ทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมผลักดันให้เกิดเที่ยวบินตรงระหว่างไทย-นิวซีแลนด์อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยยกระดับการเชื่อมต่อระหว่างกันได้ทั้งในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนและการค้า ซึ่งบริษัท Air New Zealand เห็นถึงขีดความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศต่างเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวระหว่างกัน ขณะที่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในปี 2567 จะเป็นปีแห่งการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ซึ่งมีทั้งเทศกาล คอนเสิร์ต และกิจกรรมด้านวัฒนธรรมไทยต่างๆ เชื่อมั่นว่าจะสามารถดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวได้อีกมาก
“นายกรัฐมนตรีขอให้ฝ่ายนิวซีแลนด์พิจารณายกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางไทย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันให้ง่ายขึ้น พร้อมเสนอโครงการ 6 ประเทศ 1 จุดหมาย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากนอกภูมิภาค ส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยว 6 ประเทศในทริปเดียว”
ด้านการศึกษา ทั้งสองฝ่ายหารือถึงการจัดตั้งโรงเรียนนานาชาติในไทย รวมไปถึงการจัดหลักสูตรและความร่วมมือทางสาขาวิชาชีพ การฝึกอบรมต่างๆ ทั้งในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย อาชีวศึกษา และมหาวิทยาลัย ซึ่งสำนักงานการศึกษานิวซีแลนด์พร้อมแลกเปลี่ยนความร่วมมือ ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักเรียนแลกเปลี่ยนของทั้งสองประเทศด้วย
เวลา 11.40 น. นายเศรษฐา และนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงร่วมกัน จำนวน 2 ฉบับ คือ 1. ความตกลงด้านการศึกษา ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประเทศไทย และมหาวิทยาลัยแมสซีย์ ประเทศนิวซีแลนด์ และ 2. ความตกลงด้านการจัดหา ซ่อมแซม และการบำรุงรักษา ระหว่าง Thai Aviation Industries Co., Ltd. ประเทศไทย และ NZSkydive Limited ประเทศนิวซีแลนด์ หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีไทยและนิวซีแลนด์แถลงข่าวร่วมกัน
ทางด้านโฆษกรัฐบาลสรุปสาระสำคัญของการแถลงข่าว ว่า นายกรัฐมนตรีรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์และคณะ ในโอกาสซึ่งถือเป็นการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ในรอบ 11 ปี โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันอย่างสร้างสรรค์และครอบคลุม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น รวมถึงมีการหารือร่วมกับภาคเอกชนนิวซีแลนด์ และการลงนามความตกลงร่วมกัน 2 ฉบับ โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงผลลัพธ์สำคัญจากการหารือ ดังนี้
1. การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์สู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) ในปี 2569 หรือเร็วว่านั้น ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 70 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เพื่อผลักดันความร่วมมือในทุกมิติ และบรรลุความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างเต็มศักยภาพ
2. การส่งเสริมความร่วมมือด้านกลาโหมและความมั่นคง โดยเฉพาะความคืบหน้าของแผนความร่วมมือทางทหารระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์ และการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการค้ามนุษย์และยาเสพติด ความมั่นคงทางไซเบอร์ รวมถึงการก่อการร้าย และแนวคิดสุดโต่ง
3. การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยไทยและนิวซีแลนด์ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 3 เท่า ภายในปี 2588 ซึ่งจะสอดคล้องกับความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ไทย-นิวซีแลนด์ (Thai – New Zealand Closer Economic Partnership Agreement: TNZCEP) ที่เพิ่มพูนการค้าทวิภาคีของทั้งฝ่ายมาตั้งแต่ปี 2548 ไทยและนิวซีแลนด์จะกระชับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงเทคโนโลยีการเกษตร การเกษตรอัจฉริยะ เทคโนโลยีอาหาร พลังงานหมุนเวียน การแพทย์แม่นยำ และเทคโนโลยีดิจิทัล โดยนายกรัฐมนตรียังยินดีที่หารือร่วมกับคณะภาคเอกชนนิวซีแลนด์ในครั้งนี้ด้วย เชื่อมั่นว่าจะช่วยเสริมสร้างโอกาสการลงทุนในไทยได้ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมและโครงการเป้าหมายของไทย รวมถึงในโครงการ Landbridge
4. การส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชน โดยมีคนไทยอยู่ในนิวซีแลนด์ประมาณ 13,000 คน และยังเป็นจุดหมายปลายทางด้านการศึกษายอดนิยมของนักเรียนไทย จึงเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือด้านการศึกษา และวัฒนธรรมให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ในปประเด็นการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายย้ำถึงการอำนวยความสะดวกด้านการตรวจลงตรา และการกลับมาเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างกัน เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์มาไทยเป็น 100,000 คน และนักท่องเที่ยวชาวไทยไปนิวซีแลนด์เป็น 40,000 คน ภายในปี 2568 นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายพร้อมแสวงหาความร่วมมือและเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีของกันและกัน ในด้านการท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืน การท่องเที่ยวฟื้นสร้างอย่างยั่งยืน (Regenerative Tourism) รวมทั้งการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ (movie-induced tourism)
พร้อมกันนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือถึงบทบาทในการส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ ความยั่งยืน และความเจริญรุ่งเรืองในระดับภูมิภาคและนานาชาติ โดยไทยยินดีต่อความตั้งใจของนิวซีแลนด์ในการเข้าเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของ ACMECS ซึ่งสอดคล้องกับความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียน – นิวซีแลนด์ รวมถึงความตั้งใจของนิวซีแลนด์ในการผลักดันความสัมพันธ์อาเซียน-นิวซีแลนด์ สู่เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership) ภายในปี 2568
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณนิวซีแลนด์ที่พร้อมพิจารณาให้การสนับสนุนไทยในการขอเข้าเป็นสมาชิก OECD รวมถึงสนับสนุนผู้แทนของไทยในการลงสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) สำหรับวาระปี พ.ศ. 2568-2570 และทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยเกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวกับภูมิภาค ประเด็นของโลก สำหรับสถานการณ์เมียนมาไทยได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหวังว่าทุกฝ่ายจะเดินหน้าไปสู่การเจรจาอย่างสันติ และปฏิบัติตามฉันทมติ 5 ข้อของอาเซียน
“นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาอย่างใกล้ชิด และหวังให้มีสันติภาพ ความสงบสุข และเสถียรภาพในเมียนมา โดยไทยได้ทำงานร่วมกับหลายฝ่าย เพื่อสนับสนุนการหาทางออกอย่างสันติ รวมถึงให้การสนับสนุนด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ”
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า การเยือนในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นยุคใหม่ของความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขึ้นระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์ มั่นใจว่าความร่วมมือทวิภาคีและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ จะเสริมสร้างมิตรภาพและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ยินดีกับการจะฉลองการครบรอบ 70 ปีแห่งความสัมพันธ์ทวิภาคีในปี ค.ศ. 2026 ซึ่งถือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ยาวนานและแน่นแฟ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ด้านการค้า เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน โดยทั้งสองประเทศเห็นพ้องจะยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) และตั้งเป้าที่จะเพิ่มการค้าระหว่างกันสามเท่าภายในปี 2045 ในตอนท้าย นายกฯ นิวซีแลนด์กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยที่ให้การต้อนรับคณะเป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพ และได้มีความเห็นร่วมกันว่ามีโอกาสที่ผู้นำทั้งสองจะได้ร่วมมือกันอีกมา จากนั้นนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์และคณะ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ไทย-นิวซีแลนด์ ยกระดับความร่วมมือ เดินหน้าหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในปี 2569
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
– Website : www.thairath.co.th
– LINE Official : Thairath