โรคนี้มันแพ้รอยยิ้ม สาวป่วยจากที่เดินได้ จำเป็นต้องตัดขา ฮึดสู้สักตั้ง หวังกลับมาเดินได้
ภาพประกอบข่าว
โรคนี้มันแพ้รอยยิ้ม สาวป่วยโรคพันธุกรรม จากที่เดินได้ จำเป็นต้องตัดขาหลังเชื้อกินกระดูกส้นเท้าหาย ฮึดสู้สักตั้ง หวังกลับมาเดินได้
วันที่ 23 เม.ย. 67 น.ส.วีรภัทรา ภาคพิชเจริญ หรือ บุ๊ค อายุ 28 ปี เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ หลังจากป่วยเป็นโรคทางพันธุกรรม กล้ามเนื้ออ่อนแรง กระดูกข้อเท้าผิดรูป จนต้องตัดขาทิ้ง เพื่อรักษาอาการป่วยของตัวเอง แต่เธอก็ยิ้มสู้ เผชิญหน้ากับทุกปัญหา จนโลกโซเชียลแห่ให้กำลังใจล้นหลาม
น.ส.วีรภัทรา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงและกระดูกข้อเท้าผิดรูป ไม่เหมือนเท้าคนปกติ ข้อเท้าข้างนึงจะงอเข้ามา และอีกข้างหนึ่งเดินลงส้นเท้าได้อย่างเดียว ซึ่งตนก็รักษาต่อเนื่องมาเรื่อยๆเริ่มต้นจากการผ่าตัดเรียงกระดูกทั้ง 2 ข้างและเมื่อผ่าตัดเสร็จ
ตนก็ติดการเดินแบบ คือชอบเผลอลงน้ำหนักที่ส้นเท้า จนส้นเท้าด้านซ้ายมันแตกและติดเชื้อเข้ากระแสเลือด ตนจึงต้องรักษาให้ยามาตลอด แต่ระหว่างนั้นเชื้อก็ดื้อยาตัวเดิม หมอก็ให้ยาแรงขึ้นเรื่อย ๆ
แต่เมื่อติดเชื้อหลายครั้งเข้าเรื่อย ๆ จนเชื้อกินกระดูกส้นเท้าหายไปหมดเลย หมอจึงเสนอให้ 2 ทางเลือก คือ รักษาแบบเดิม โดยการผ่าตัด ให้ยาฆ่าเชื้อไปเรื่อย ๆ จนกว่าเชื้อจะหาย แต่หมอไม่รับประกันว่าจะใช้ระยะเวลานานแค่ไหน และทางที่ 2 คือ ตัดขาข้างซ้ายและใส่ขาเทียมเลย
ซึ่งทางนี้เลือกแล้วก็จะจบกว่า ไม่จำเป็นต้องรักษาต่อเนื่อง เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะต้องรักษาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ มีโอกาสที่เชื้อจะลามไปส่วนอื่นด้วย
วินาทีที่คุณหมอยื่นข้อเสนอทั้ง 2 แบบมาให้ ก็ทำให้ตนตกใจมาก เมื่อรู้ว่าจะต้องไม่มีขาแล้ว รู้สึกกังวลมาก ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหรือเปล่า และช่วงเวลาผ่าตัดจะมีภาวะแทรกซ้อนอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ แต่หมอรับประกันว่าเราจะสามารถกลับมาเดินได้เหมือนเดิม เพราะสมัยนี้มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากขึ้น
ตนก็ใช้เวลาคิดและปรึกษากับครอบครัวนานมาก ว่าจะเลือกวิธีการไหน สุดท้ายตนเลือกวิธีการตัดขา เพราะกลัวว่าถ้าหากเลือกวิธีแรก แล้วเราจะต้องฉีดยาเข้าร่างกาย ตนก็กลัวว่าจะเกิดผลกระทบหรือภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างเพราะปัจจุบันร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้ว
หลังจากที่ผ่าตัดขาออกไปแล้ว มันก็รู้สึกเฟลนิดนึง แต่มีครอบครัว มีแฟน มีคนรอบข้าง มีเพื่อน ๆ ที่คอยให้กำลังใจอยู่เสมอ ให้เรายิ้มสู้โรคไปเลย เพราะยังไงโรคที่เราเป็น มันแพ้รอยยิ้มอยู่แล้ว ถ้าเรามัวแต่ซึมในการใช้ชีวิต ก็จะทำให้เราซึมไปกับโรคด้วย ชีวิตก็จะไม่สดใส เราก็เลยยิ้มรับทุกปัญหาที่ตามมา
ในเมื่อเราเลือกที่จะตัดขาแล้วเราก็ยอมรับผลกระทบทุกอย่างที่ตามมา เราพยายามยิ้มรับกับทุกสถานการณ์เพราะว่า เราป่วยตั้งแต่ยังเด็ก แม่ก็จะคอยให้กำลังใจและพาไปเที่ยว พาเจอโลกกว้างที่ทำให้เราสนุกสนาน ไม่อยากให้เราเครียด เหมือนเราถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ให้ยิ้มรับมัน เพราะถ้าเราเศร้ามันก็จะมีผลต่อร่างกายและสภาพจิตใจ
ยอมรับว่าอาจจะมีบางครั้งที่เสียใจ ร้องไห้ ท้อ โดยเฉพาะตอนที่รู้ว่าตัวเองจะถูกตัดขา แต่มาคิดดูแล้วว่า ณ ตอนนี้เราก็ใส่เฝือก กระดูกส้นเท้าก็หายไปแล้ว เราไม่สามารถเดินได้อยู่แล้ว ไปไหนก็จะใช้ไม้เท้าและรถเข็น
ถ้าหากเราตัดขาแล้วได้ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น และทำให้คนรอบข้างไม่ต้องเหนื่อยดูแลเรามากเหมือนในตอนนี้ ทำให้เราได้ไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้ดีกว่าเดิม ก็คิดว่าเป็นการเสียที่คุ้มค่า จึงทำใจได้แล้วกลับมายิ้มอีกครั้ง โดยตนตัดขาไปช่วงวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงการปรับตัว เวลาเคลื่อนไหวก็ยังชินเหมือนตอนที่มีขาอยู่ แต่ต้นก็พยายามปรับตัวให้เข้ากับร่างกายตอนนี้
ภาพประกอบข่าว
ทั้งนี้ หลังจากที่เราลงคลิปไปมีหลายคนเข้ามาให้กำลังใจเยอะมาก ตนก็อยากจะเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังป่วยหรือกำลังเผชิญหน้ากับโรคต่างๆ อยากให้ทุกคนยิ้มรับมันเพราะว่าในอนาคตเรายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่ มันมีหลายอย่างที่ให้เราได้ท้าทาย ก็อยากให้ทุกคนสู้ ๆ ขอเป็นกำลังใจให้
นอกจากนี้ ตนอยากจะขอบคุณกำลังใจจากครอบครัวแฟนและคนใกล้ตัวของตนทุกคน ที่เป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุน ที่ทำให้เราต่อสู้กับสิ่งที่เจอ เพราะถ้าหากไม่มีคนเหล่านี้ เราก็คงท้ออาจจะยิ้มไม่สดใสไม่มีชีวิตชีวาแบบนี้ อยากขอบคุณที่ทำให้เรามีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไปเรื่อย ๆ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : โรคนี้มันแพ้รอยยิ้ม สาวป่วยจากที่เดินได้ จำเป็นต้องตัดขา ฮึดสู้สักตั้ง หวังกลับมาเดินได้
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.khaosod.co.th