แบงก์ชาติต้องเป็นอิสระ! ย้อนรอย ทรัมป์วิจารณ์ประธานเฟด l Leaders' Move
แบงก์ชาติต้องเป็นอิสระ! ย้อนรอย ทรัมป์วิจารณ์ประธานเฟด l Leaders’ Move
สำหรับคนที่ติดตามข่าวต่างประเทศ ชวนให้นึกถึงตอนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่พอใจเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จนหวั่นกันว่าจะโดนปลด!
ย้อนกลับไปเมื่อต้นเดือน พ.ย.2560 หนึ่งปีหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เขาได้เสนอชื่อ “เจอโรม พาวเวลล์” เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ แทนเจเน็ต เยลเลน ที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.2561
“พาวเวลล์ได้พิสูจน์ตนเองให้เห็นว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้กำหนดนโยบายการเงินที่ดี และเขาก็มีความเชื่อมั่นในนโยบายเหล่านี้ จากประวัติการทำงานที่ผ่านมา ทำให้ผมมั่นใจว่า พาวเวลล์มีความรอบรู้และมีความเป็นผู้นำ ซึ่งจะช่วยนำพาเศรษฐกิจของเราให้ก้าวผ่านอุปสรรคและความท้าทายต่างๆไปได้ด้วยดี” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าว
ตลาดการเงินมองว่า การเสนอชื่อพาวเวลล์ วัย 64 ปี (ณ ขณะนั้น) ให้ทำหน้าที่ประธานเฟด ถือเป็น “ทางเลือกที่ปลอดภัย” สำหรับคณะทำงานของทรัมป์ เนื่องจากนายพาวเวลล์เป็นเจ้าหน้าที่เฟดสายพิราบสังกัดพรรครีพับลิกัน ที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามแนวทางของเยลเลน ประธานเฟดคนก่อนหน้า และในขณะเดียวกันพาวเวลล์ก็ “เปิดกว้าง” สำหรับมาตรการลดกฎระเบียบในภาคการเงินซึ่งคณะทำงานทรัมป์พยายามผลักดันมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม คนที่ทรัมป์เสนอชื่อมากับมือก็อาจไม่ได้ดังใจ วันที่ 24 ธ.ค. 2561 ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดตลาด ร่วงลงกว่า 600 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวร่วงลง 2.71%
ทรัมป์ ทวีตตำหนิเฟดรอบใหม่ (หลังจากตำหนิมาหลายรอบ) ว่า เป็นต้นเหตุทำให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดหุ้น และปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ ทั้งยังระบุว่า นโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นต้นตอของปัญหาเศรษฐกิจทั้งหมดในอเมริกา
นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังกล่าวหา พาวเวลล์ ประธานเฟดว่า ไม่มีความเข้าใจในตลาดหุ้น และเป็นผู้ทำให้ตลาดหุ้นเสียหายด้วยการกำหนดนโยบายดอกเบี้ยผิดๆ
ขณะนั้นมีรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังหารือเรื่องการสั่งปลดประธานเฟด หลังจากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้นเฟดเพิ่งประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ของปี 2561
ข่าวการปลดพาวเวลล์ สร้างความกังวลให้กับสมาชิกรัฐสภาสหรัฐ ตลอดจนนักเศรษฐศาสตร์ ผู้บริหารบริษัทในวอลสตรีท และนักลงทุน เนื่องจากเกรงว่าผู้นำฝ่ายบริหารกำลังแทรกแซงการทำงานของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก
เวลาล่วงเลยไปจนถึง เดือน ก.ย.2562 ทรัมป์กล่าวว่า ตำแหน่งประธานเฟดของพาวเวลล์ ยังคงปลอดภัย แม้ว่าตนไม่ค่อยแฮปปี้นักหลังจากที่เฟดเพิ่งประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เมื่อวันพฤหัสบดี 19 ก.ย.
ถึงวันนี้พาวเวลล์ยังคงดำรงตำแหน่งประธานเฟด ขณะที่ทรัมป์พ้นวาระประธานาธิบดีแต่ยังมีแววว่าจะได้กลับมาเป็นคู่ชิงกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน อีกครั้งในการเลือกตั้งเดือน พ.ย.นี้ ดูเหมือนว่าความแค้นยังอยู่ เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศว่า จะไม่แต่งตั้งให้พาวเวลล์เป็นประธานเฟดอีก เพราะลดดอกเบี้ยเอื้อประโยชน์ให้พรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
นับตั้งแต่ทรัมป์เสนอให้พาวเวลล์เป็นประธานเฟดในปี 2560 เขาใช้วาจาโจมตีพาวเวลล์หลายครั้ง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่งตั้งให้พาวเวลล์เป็นประธานเฟดอีกสมัยในปี 2564 ตามธรรมเนียมแล้วประธานเฟดจะไม่ถูกไล่ออกเว้นแต่จะลาออกไปเอง ส่วนประธานาธิบดีมีหน้าที่เสนอชื่อประธานเฟดให้คองเกรสอนุมัติทุกๆ สี่ปี
เรื่องราวระหว่างทรัมป์กับพาวเวลล์ เป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างฝ่ายบริหารกับธนาคารกลางที่ต่างฝ่ายต่างมีเครื่องมือในการทำงานของตน รัฐบาลดูแลงบประมาณ ธนาคารกลางดูแลดอกเบี้ย มีเครื่องมือของตนเองแล้วก็ควรทำงานของตนไปอย่างอิสระ ไม่แทรกแซงกันและกัน
หลักคิดความเป็นอิสระของธนาคารกลางหรือที่บ้านเราเรียกว่าแบงก์ชาติ ได้ต้นแบบมาจากสหรัฐ แต่ผู้นำประเทศทั้งหลายมักอยากให้ธนาคารกลางทำตามใจตนเองเสมอ ไม่พอใจก็วิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องปกติ กระทบกระทั่งกันบ้างถือเป็นเรื่องลิ้นกับฟัน!
ที่แตกต่างคือ กรณีของแพทองธาร เธอพูดในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่หัวหน้ารัฐบาล