อากาศเดือด ดัชนีความร้อนเกิน 50 เซลเซียส แนะเด็ก-คนแก่ ห้ามออกแดดช่วง 10 โมง ถึง บ่ายสาม
ภาพประกอบข่าว
อากาศเดือด ดัชนีความร้อนเกิน 50 องศาเซลเซียส แนะเด็ก-คนแก่ ห้ามออกแดดช่วง 10 โมง ถึง บ่ายสาม
วันที่ 29 เมษายน นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย ให้สัมภาษณ์กับมติชนออนไลน์ ว่า ขณะนี้ทั่วทั้งโลก รวมถึงประเทศไทยต่างพากันปล่อยปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในปริมาณที่เรียกว่ามหาศาลมาก ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นเฉลี่ย 1.1-1.5 องศาเซลเซียสแล้ว ซึ่งหากอุณหภูมิเฉลี่ยนสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อใด จะจากโลกร้อน ก็จะกลายเป็นโลกเดือดทันที ซึ่งเข้าใจว่า ขณะนี้ เข้าใกล้จุดดังกล่าวเต็มที
นายสนธิ กล่าวว่า ประกอบกับประเทศไทยอยู่ในเขตเส้นศูนย์สูตร โลกอยู่ในภาวะของเอลนีโญ คือ น้ำทะเลย้อนกับไปทางอเมริกาใต้ ทำให้เกิดความแห้งแล้ง รวมกับในบรรยากาศมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาก โรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้ง โรงไฟฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าขยะ ไม่รวมปริมาณรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลจำนวน 25 ล้านคัน เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาทั้งสิ้น ส่งผลให้บรรยากาศโลก และประเทศไทยร้อนขึ้น อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าจะลดลงในแต่ละปี
“ทางออกที่เราจะสามารถแก้หรือทุเลาให้สถานการณ์ดีขึ้นมาบ้าง เช่น เปลี่ยนรถยนต์น้ำมันดีเซลให้เป็นรถไฟฟ้าให้หมด เพื่อลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ เร่งออกพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ หรือ พ.ร.บ.โลกร้อน เปลี่ยนมาใช้ระบบเศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจชีวภาพ และเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดการเผา เปลี่ยนนโยบายการใช้ฟอสซิล ลดการใช้กระจกในตึกสูง เพราะการสะท้อนของกระจกกับแสงแดดนั้น ยิ่งทำให้เกิดความร้อนเพิ่มขึ้น ลดปริมาณการใช้เครื่องปรับอากาศ ซึ่งที่พูดมาดังกล่าวนี้ ต้องยอมรับว่า ทำยาก แต่หากไม่อยากให้สถานการณ์โลก และประเทศไทยเลวร้ายไปกว่านี้ก็ต้องทำให้ได้”นายสนธิ กล่าว และว่า ที่ทุกคนสามารถทำได้เวลานี้คือ การปลูกต้นไม้ แต่ก็ยังไม่เห็นหน่วยงานไหนรณรงค์เรื่องปลูกต้นไม้ในเวลานี้กันเลย
ภาพประกอบข่าว
เมื่อถามว่า เราจะต้องเผชิญกับสถานการณ์อะไรบ้าง นายสนธิ กล่าวว่า ตามที่ทุกคนเจอกันทั่วหน้าในขณะนี้คือ อากาศร้อน 43-44 องศาเซลเซียส ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยในปีนี้พบว่าอากาศร้อนขึ้นจากปีที่ผ่านมา ถึง 30% สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ พายุฤดูร้อน น้ำทะเลหนุนสูงขึ้น และร้อนขึ้น เกิดปะการังฟอกขาว และการกัดเซาะชายฝั่งมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ โรคในเขตร้อนที่หายไปแล้ว หรือลดลงมากแล้ว จะกลับมาใหม่ เช่น ไข้ไทยฟอยด์ มาลาเรีย หรือสัตว์พาหะของโรคเหล่านี้ เช่น ยุงก้นปล่อง จะเกิดมากขึ้น เพราะสัตว์พวกนี้ชอบอากาศร้อน
“ถ้าไม่ทำอะไรเลยจะร้อนไปกว่านี้แน่ๆ เพราะต้องนี้ ดัชนีความร้อนในบ้านเราผมว่าเกิน 50 องศาเซลเซียสไปแล้ว ซึ่งดัชนีความร้อน กับอุณหภูมิจริงไม่เหมือนกันนะครับ ดัชนีความร้อนคือ ความชื้นสัมพัทธ์บวกอุณหภูมิในอากาศ ซึ่งเกิน 50 องศาเซลเซียส นี่ก็ถือว่าร้อนอย่างสาหัส ไม่ควรออกไปอยู่นอกที่ร่มอย่างยิ่ง เพราะจะส่งผลทางสุขภาพ อาจจะเป็นลมแดด หรือ เกิดฮีทสโตรกได้ เด็ก และคนชรา ห้ามออกไปตากแดดช่วงเวลา 10 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมงเย็น ทั้งนี้ช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวันคือ เฉลี่ยประมาณ บ่ายโมง”นายสนธิ กล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : อากาศเดือด ดัชนีความร้อนเกิน 50 เซลเซียส แนะเด็ก-คนแก่ ห้ามออกแดดช่วง 10 โมง ถึง บ่ายสาม
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th