รู้จักกลุ่ม ศปปส. ผู้เดินหน้าฟ้องคดีด้วย ม.112 แล้วกว่า 100 คดี

“ฝ่ายเราบางคนก็หาว่าผมแรงเกินเวลาไปแจ้งความ ม.112 [แต่ผม] ไม่หยุด เด็ก คนแก่ หรือแม้แต่พระ ผมยังแจ้งความเลย มีฝ่ายเดียวกันบอกว่าพอแล้ว แต่ผมไม่หยุด” อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. ผู้ปรากฏบนหน้าสื่ออีกครั้งจากเหตุเผชิญหน้ากับกลุ่มทะลุวังเมื่อวันที่ 10 ก.พ. กล่าวกับบีบีซีไทย

ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ศปปส. เดินหน้าแจ้งความด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อนักกิจกรรมและประชาชนทั่วไปมากกว่า 100 คดี พวกเขาถือว่านี่คือเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยปกป้องพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ ถึงแม้การไล่ฟ้องเช่นนี้จะถูกอีกฝั่งมองว่าเป็นการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาเป็นเครื่องมือจำกัดสิทธิและเสรีภาพการแสดงออก

บีบีซีไทย พูดคุยกับอานนท์ อดีตการ์ด กปปส. ที่ผันตัวมาเป็นประธานกลุ่ม ศปปส. ผู้นี้ เกี่ยวกับบทบาทของ ศปปส. และจุดยืนเกี่ยวกับการพิทักษ์ปกป้องสถาบันของเขา

การเผชิญหน้ากับกลุ่มทะลุวัง กรณีขบวนเสด็จฯ

กลุ่มทะลุวัง นำโดย ตะวัน – น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ได้จัดกิจกรรมอ่านแถลงการณ์เพื่อยืนยันถึงสิทธิและเสรีภาพการตั้งคำถามของประชาชนต่อขบวนเสด็จฯ บริเวณลานน้ำพุของห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ทันได้เริ่มอ่านแถลงการณ์ เธอกับนักกิจกรรมคนอื่น ๆ ก็ต้องเผชิญหน้ากับสมาชิกของกลุ่ม ศปปส. จนเกิดเหตุกระทบกระทั่งทำร้ายร่างกายกันขึ้น ซึ่งอานนท์บอกว่า เขาไม่ได้ตั้งใจเข้าไปทำร้ายร่างกายนักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง โดยอ้างว่าต้องการเข้าไปห้ามชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่สมาชิกของกลุ่ม ศปปส. ที่เข้าไปทำร้ายร่างกายสมาชิกกลุ่มทะลุวัง แต่สุดท้ายเหตุการณ์กลับบานปลายจนกลายเป็นการชกต่อยกัน

อานนท์บอกกับบีบีซีไทยว่า เหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้มีแค่กลุ่ม ศปปส. เท่านั้นที่ไปดักรอกลุ่มทะลุวังเพื่อแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมดังกล่าว แต่มีประชาชนคนอื่น ๆ ที่สั่งสมความไม่พอใจจากเหตุเมื่อวันเสาร์ที่ 4 ก.พ. 2567 ซึ่ง น.ส.ทานตะวัน และเพื่อน ปะทะคารมและบีบแตรใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปิดการจราจรบางส่วน เพื่อถวายความปลอดภัยต่อขบวนเสด็จของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งอานนท์มองว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็น “ความเหิมเกริม”

หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ในวันที่ 7 ก.พ. ทางกลุ่ม ศปปส. นำโดยนายอานนท์ได้เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีศาลอาญา รัชดา ให้พิจารณาถอดถอนการประกันตัว น.ส.ทานตะวัน แต่ทางศาลยืนยันว่าให้รอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงประมาณ 15 วัน ทำให้กลุ่มของเขารู้สึกไม่พอใจ เนื่องจากเห็นว่าเป็นกรณีเร่งด่วน ต่อมาวันที่ 9 ก.พ. ทางกลุ่มจึงไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อติงการถวายความอารักขาขบวนเสด็จฯ ของตำรวจ

“การไปยื่นหนังสือของผมเนี่ย ก็เพื่อบอกตำรวจว่าให้ไปยื่นถอนการประกันตัว [ตะวัน] คุณทำยังไงก็ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก พอวันที่ 9 เราเห็นเฟซบุ๊กว่าเขาจะไปทำกิจกรรมที่ลานน้ำพุ [พารากอน] ถ้าเรามองออกไปข้างหลังก็คือวังสระปทุมใช่มั้ย ไปทำโพลตรงนั้นมันหมายความว่ายังไง เราก็เลยรวมตัวกันเพื่อที่จะไม่ให้เขาทำกิจกรรม แต่บังเอิญว่ามันเกิดการปะทะคารมกัน”

ก่อนหน้าที่ทางกลุ่มทะลุวังจะจัดกิจกรรมเมื่อวันเสาร์ที่ 10 ก.พ. พบข้อความข่มขู่ทำร้ายร่างกายนักกิจกรรมจำนวนหนึ่งบนสื่อสังคมออนไลน์ แต่นายอานนท์ยืนยันว่าผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวไม่ใช่สมาชิกของกลุ่ม ศปปส. และตนเองก็ไม่ใช่ “นายกสมาคมปกป้องสถาบัน” เพราะกลุ่มปกป้องสถาบันมีหลายกลุ่ม ส่วนตัวจึงทำได้เพียงกำชับสมาชิกกลุ่ม ศปปส. เท่านั้น และไม่ขอก้าวก่ายการแสดงออกของกลุ่มอื่น ๆ

จากอดีตผู้ต้องขัง สู่การ์ด กปปส.

ผู้ก่อตั้งกลุ่ม ศปปส. วัย 54 ปีคนนี้ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เขาเล่าย้อนชีวิตในวัยเด็กให้บีบีซีไทยฟังเกี่ยวกับความรักและความผูกพันที่เขาและครอบครัวมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

“บ้านผมที่นครฯ จะมีอุทกภัยทุกปี แล้วหมู่บ้านผมมันมีฝนตกและพายุลงมาใช่ไหม ที่นี้มันมีคนผู้ใหญ่รุ่นแม่ผมนี่แหละ โดนไม้ทับ ผมจำได้ว่าแม่ผมเล่าให้ฟังว่า ไม้ที่มันพังลงมา มันทับลงบนหัวคนแล้วอาการหนักมา การจราจรติดขัดหมด สุดท้ายแม่บอกว่าพระเจ้าแผ่นดิน… ที่บ้านผมเขาเรียกว่าพระเจ้าแผ่นดินน่ะ พระเจ้าแผ่นดินให้เอาเฮลิคอปเตอร์มารับคน ๆ นี้”

อานนท์บอกว่าหมู่บ้านที่เขาอยู่ มีไฟฟ้าใช้ไม่ทั่วถึง และจำได้ว่าแต่ละหมู่บ้านมีโทรทัศน์เพียง 1-2 เครื่องเท่านั้น เป็นโทรทัศน์ขาวดำแบบชาร์จแบตเตอรี พอตกกลางคืนเขาจะได้รับชมข่าวในพระราชสำนักซึ่งเผยแพร่พระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงษ์พระองค์อื่น ๆ จึงทำให้เขาซึมซับว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงงานช่วยเหลือประชาชนอย่างไรบ้าง

เมื่อจบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 อานนท์มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานครเพื่อเรียนต่อ แต่ด้วยความเกเรทำให้ชีวิตไม่เป็นไปตามแผน และสุดท้ายชีวิตของเขาต้องลงเอยที่เรือนจำหลายแห่งเพื่อชดใช้ความผิดเป็นเวลากว่า 6 ปี จากโทษจำคุกทั้งหมด 15 ปี อย่างไรก็ดี อานนท์ไม่ขอเปิดเผยถึงรายละเอียดคดีที่เคยเกิดขึ้น แต่เขาเปิดเผยเรื่องนี้กับบีบีซีไทยเป็นที่แรก

ระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ นอกจากจะได้เรียนรู้ทักษะอาชีพต่าง ๆ แล้ว เขายังได้ศึกษาธรรมะ เรื่องการใช้ชีวิตกับสังคมภายนอก รวมถึงศาสตร์พระราชาด้วย

“จะมีโรงเรียนอยู่ข้างใน พอเรียนเสร็จแล้วก็สวดมนต์เข้านอน เคารพธงชาติ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ทำแบบนี้ทุกวัน ๆ มันก็ปลุกจิตสำนึกเรา แล้วพ้นโทษเพราะได้รับการพระราชทานอภัยโทษ เราก็ยิ่งปลาบปลื้ม รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ของพระมหากษัตริย์ ของพระเจ้าแผ่นดิน ผมตั้งใจว่า ถ้าผมพ้นโทษออกมา ผมจะเป็นคนดีของสังคม”

รู้จักกลุ่ม ศปปส. ผู้เดินหน้าฟ้องคดีด้วย ม.112 แล้วกว่า 100 คดี

การชุมนุมของ กปปส. ช่วงปี 2556

ด้วยความสนใจในการเมืองเป็นทุนเดิม อานนท์ได้เข้าร่วมการชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ช่วงปี 2556-2557 ซึ่งนำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ

ความพยายามผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในขณะนั้น คือชนวนหนึ่งที่ช่วยจุดติดม็อบ กปปส. เพราะผู้ประท้วงมองว่าเป็นความพยายามฟอกขาวนายทักษิณ ชินวัตร พี่ชายและอดีตนายกรัฐมนตรีที่ลี้ภัยทางการเมืองในต่างประเทศอยู่ในขณะนั้น

จากผู้ชุมนุมที่ไปร่วมม็อบ กปปส. ทุกวัน อานนท์ได้กลายเป็นการ์ดคอยรักษาความปลอดภัยให้กับแกนนำ กปปส. ในเวลาต่อมา ด้วยบุคลิกน่าเกรงขาม พร้อมท้าชนทุกอย่างที่จะเข้ามาทำอันตรายหรือรบกวนขบวนผู้ประท้วง

ต่อต้านการแก้ไข ม.112 และไม่รับข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ

การชุมนุมในช่วงปี 2563 ซึ่งนำโดยกลุ่มราษฎร มาพร้อมกับ 3 ข้อเสนอหลัก ๆ คือ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากการเป็นนายกฯ, ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

อานนท์บอกกับบีบีซีไทยว่า จากการติดตามความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มราษฎรมาโดยตลอด เขารับไม่ได้กับข้อเสนอดังกล่าว จึงติดต่อไปยังอดีตแกนนำกลุ่ม กปปส. หลายคนว่า ควรออกมาเคลื่อนไหวเพื่อแสดงให้สังคมเห็นว่ามีผู้ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ แต่ไม่มีแกนนำคนใดตอบรับคำเชิญชวนของเขา ซึ่งอานนท์ยอมรับว่า “ผิดหวัง” กับท่าทีดังกล่าว แต่มาเข้าใจในภายหลังเมื่อตนเองต้องเผชิญกับคดีต่าง ๆ มากมาย หลังขึ้นเป็นแกนนำกลุ่ม ศปปส.

อานนท์เล่าต่อว่า เมื่อชวนอดีตแกนนำกลุ่ม กปปส. ไม่สำเร็จ เขาจึงชวนเพื่อน ๆ ที่เคยร่วมการชุมนุม กปปส. ในอดีต มาร่วมกันจัดตั้งกลุ่ม ศปปส. ขึ้นมา โดยประธานกลุ่ม ศปปส. ระบุว่าพวกเขามีผู้ติดตามในเพจเฟซบุ๊กมากกว่า 80,000 คน และอ้างว่าสามารถระดมสมาชิกจากทั่วประเทศได้ตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพันคน หากมีกิจกรรมสำคัญ

เขายืนยันว่าสมาชิกของกลุ่มทุกคนมาด้วยใจ กิจกรรมทุกอย่างมาจากกำลังทรัพย์ของสมาชิก ศปปส. เอง และไม่ได้มีใครอยู่เบื้องหลัง “ไม่มีหรอกนายทุน เราอยากจะหานายทุนด้วยนะ ถ้าใครอยากเป็นนายทุนให้ เราก็ยินดีนะ” อานนท์ตอบพร้อมกับหัวเราะทิ้งท้าย

รู้จักกลุ่ม ศปปส. ผู้เดินหน้าฟ้องคดีด้วย ม.112 แล้วกว่า 100 คดี

ในช่วงเริ่มแรก กิจกรรมของกลุ่ม ศปปส.เป็นไปในลักษณะตอบโต้ม็อบกลุ่มราษฎรในทำนอง “ถ้าเขาออกไปจัดกิจกรรม ไปตั้งเวที พวกเราก็ออกไปเลย ไปจัดของเรา บางทีก็มีปากเสียงกัน” โดยอานนท์มองว่าหากการชุมนุมของกลุ่มราษฎรแตะต้องเพียงการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่เขาชื่นชอบ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับเขา เพราะเข้าใจว่าเป็นการใช้สิทธิวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลซึ่งสามารถทำได้ แต่การชูข้อเสนอให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น “ย่ำยีหัวใจ” ของพวกเขามากเกินไป

“พระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนคนไทย ใครจะล่วงละเมิดมิได้ สมมติว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับสถาบันฯ ก็ขอให้มันเป็นไปตามอายุขัย ไม่ใช่เพราะมีบุคคลหนึ่งบุคคลใดเข้ามาทำลาย โดยที่พวกเราซึ่งรักสถาบันพระมหากษัตริย์จะยืนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้”

ต่อมา ทางกลุ่มราษฎรเสนอให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือที่มักเรียกว่ากฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เนื่องจากเห็นว่ากฎหมายมาตราดังกล่าวถูกนำไปใช้จำกัดสิทธิและเสรีภาพการแสดงออกทางการเมือง และขอบเขตการใช้กฎหมายก็ถูกขยายออกไปมากกว่าที่ตัวกฎหมายระบุไว้ แต่ทางกลุ่ม ศปปส. ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้

“จุดยืนของกลุ่ม ศปปส. ยืนยันมาตลอดว่าไม่มีการแก้ไข ม.112 แล้วเราก็ต่อต้านพวกแก้ไข ม.112 ที่จริงพวกนี้ไม่ได้ต้องการแก้ไข ม.112 คือเขาเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่พอโดนคดีไปด้วย เรียกร้องไปด้วย ก็เริ่มมาเรียกร้องให้แก้ไข ม.112”

สำหรับอานนท์ เขามองว่าไม่มีความจำเป็นต้องจัดการความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดีขึ้นแต่อย่างใด เพราะปัจจุบันประชาชนอยู่ร่วมกับสถาบันฯ อย่างมีความสุขอยู่แล้ว

“พระมหากษัตริย์ก็อยู่ส่วนพระองค์ เราเป็นชาวบ้านธรรมดา เราจะล่วงละเมิดพระองค์ทำไม มันก้าวก่ายเกินไปไหม?” แกนนำกลุ่ม ศปปส. ผู้นี้ระบุ

นอกจากนี้ การเสนอแก้ไข ม.112 โดยระบุว่าให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ดำเนินการฟ้องร้องเอง ไม่ใช่ใครก็ได้เป็นผู้ฟ้องร้องนั้น เป็นข้อเสนอที่ “พวกคุณกำลังดึงพระมหากษัตริย์ลงมาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน” โดยเขามองว่าหากจะแก้ไข ม.112 ควรแก้ไขขยายความคุ้มครองไปยังพระบรมวงศานุวงษ์ทุกพระองค์ ไม่ใช่เพียงแค่พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น และเพิ่มโทษจากเดิมที่จำคุก 3-15 ปี เป็น 5-20 ปี

รู้จักกลุ่ม ศปปส. ผู้เดินหน้าฟ้องคดีด้วย ม.112 แล้วกว่า 100 คดี

อานนท์สนับสนุนให้แก้ไข ม.112 ด้วยการเพิ่มโทษและขยายขอบเขตความคุ้มครอง

เดินหน้าฟ้องนักกิจกรรมด้วย ม.112 กว่า 100 คดี

นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา กลุ่ม ศปปส. คือผู้เดินหน้ากล่าวโทษฟ้องร้องนักกิจกรรมและประชาชนในข้อหาละเมิด ม.112 มากกว่า 100 คดี ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันจากอานนท์ โดยเขาบอกว่าชีวิตทุกวันนี้ ต้องเดินทางไปศาลไม่ต่างจากบ้านหลังที่สอง

“อย่าง สส. เนี่ย ทุกคนนะที่โดน ม.112 ก็คือเราเป็นโจทก์ บางคนเราก็เป็นพยานในคดี แม้กระทั่งพวกศาสดาของพวกสามกีบ ก็เรานี่แหละที่เป็นคนแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในชั้นศาล พวกศาสตราจารย์ต่าง ๆ นักวิชาการที่อยู่ตามมหาวิทยาลัยที่โดน ม.112 ก็เราเหมือนกัน”

“ฝ่ายเราบางคนก็หาว่าผมแรงเกินเวลาไปแจ้งความ ม.112 [แต่ผม]ไม่หยุด เด็ก คนแก่ หรือแม้แต่พระ ผมยังแจ้งความเลย มีฝ่ายเดียวกันบอกว่าพอแล้ว แต่ผมไม่หยุด ในเมื่อเราตั้งใจจะทำ วันนี้เราเป็นปลาทวนน้ำ แต่ปลาทวนน้ำคือปลาเป็น แสดงว่าผมยังมีชีวิตอยู่ ปลาตายคือปลาที่ไหลตามกระแสน้ำ”

ประธานกลุ่ม ศปปส. บอกว่า ในตอนแรกเขาไม่ได้ตั้งใจใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือปกป้องสถาบันฯ แต่จากกรณีที่มีผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรซึ่งชุมนุมอยู่บริเวณทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่ช่วง 8 โมงเช้าของวันที่ 14 ก.พ. 2563 ได้ชูสามนิ้วและตะโกนโห่ร้องขณะที่มีขบวนเสด็จพระราชดำเนินผ่านบริเวณทำเนียบฯ ในช่วงเย็น เป็นจุดเริ่มต้นให้กลุ่ม ศปปส. เริ่มใช้ ม.112 กับนักกิจกรรมทางการเมือง

“เหตุการณ์วันนั้นวุ่นวายมาก สุดท้ายเราก็ไปแจ้งความ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแจ้งข้อหาอะไรได้ ก็ไปเล่ารายละเอียดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟัง ให้ประเมินว่าสามารถแจ้งข้อหาอะไรได้บ้าง เหมือนกับว่าเค้าจะแจ้งว่ามันเกี่ยวกับมาตรา 112 เกี่ยวกับการประทุษร้ายราชินีนะ ต้องโทษมันสูงสุด พอหลังจากแจ้งความแล้ว เรากลับไปมองว่า เออ การที่เราไปจัดม็อบเผชิญหน้ากันเนี่ย มันสร้างความรุนแรงให้สังคม ซึ่งสังคมจะมองว่าเราก้าวร้าวรุนแรงกับคนที่มาเรียกร้องทางการเมืองใช่ไหม เราก็เลยหันกลับมาดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีแทน”

รู้จักกลุ่ม ศปปส. ผู้เดินหน้าฟ้องคดีด้วย ม.112 แล้วกว่า 100 คดี

อานนท์เปิดเผยว่าทางกลุ่มมีทีมงานหลังบ้านซึ่งเรียกว่าแอดมิน (admin) ประมาณ 10 คน คอยช่วยกันถอดเทปคำปราศรัย เพื่อถอดคำพูดแต่ละคำของผู้ปราศรัยในการชุมนุมกลุ่มราษฎร เพื่อนำไปแจ้งความว่าด้วย ม.112

“ส่วนหนึ่งที่เขาไปเรียกร้องทางการเมืองก็มีใช่ไหม แต่ในข้อเรียกร้องทางการเมืองของพวกเขาก็จะมีหมิ่นพระมหากษัตริย์ด้วย” อานนท์ กล่าว

เมื่อรวบรวมคำปราศรัย คลิปวิดีโอ ภาพนิ่งต่าง ๆ ในการชุมนุมของกลุ่มราษฎรที่อาจเข้าข่ายละเมิด ม.112 ได้แล้ว ทางกลุ่ม ศปปส. จะนำหลักฐานเหล่านี้ส่งให้กับตำรวจ ซึ่งทางตำรวจจะกลั่นกรองอีกทีว่าเข้าข่ายผิด ม.112 จริงหรือไม่ จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงทำสำนวนส่งให้อัยการ หากอัยการเห็นชอบให้ส่งฟ้องจึงจะนำเข้าสู่การพิจารณาของศาลต่อไป

ไม่ใช่แค่คำปราศรัยและการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในที่ชุมนุมเท่านั้นที่ทางกลุ่ม ศปปส. นำไปแจ้งความกับตำรวจ แม้แต่ข้อความวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ ที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ก็เป็นหลักฐานขั้นต้นที่นำไปสู่การแจ้งความมาตรา 112 ได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในความเห็นของประธานกลุ่ม ศปปส. ทีมงานแอดมินของ ศปปส. จึงทำหน้าที่ไม่ต่างจากผู้พิทักษ์สถาบันฯ ในโลกออนไลน์

แต่หากผู้โพสต์เป็นเยาวชนหรือเด็ก อานนท์เลือกจะประสานงานผ่านสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในพื้นที่ที่เด็กเรียนอยู่ เพื่อติดต่อขอพูดคุยกับโรงเรียนและผู้ปกครอง โดยอานนท์ยืนยันว่าเป็นการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ ว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสมอย่างไร ไม่ใช่การข่มขู่ และการพูดคุยกับเด็กทุกครั้งก็มีผู้ปกครองอยู่ด้วย ต่อมาเขาพบว่าเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว จะหยุดโพสต์ข้อความในทำนองนั้นทันที ถึงแม้ไม่ทราบว่าจริง ๆ แล้ว “ในใจเด็กคิดอะไรอยู่ก็ตาม”

ในปี 2564 บรรณารักษ์ห้องสมุดแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี และผู้ป่วยจิตเวช วัย 34 ปีจาก จ.ลำพูน ต้องเดินทางไป อ.สุไหง-โกลก จ.นราธิวาส เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในข้อหาละเมิดมาตรา 112 โดยมีนายพสิษฐ์ จันทร์หัวโทน ซึ่งอาศัยอยู่ใน จ.นราธิวาสเป็นผู้กล่าวหา อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เป็นสมาชิก ศปปส.

เมื่อบีบีไทยสอบถามอานนท์ว่า การฟ้องร้องมาตรา 112 ที่ทำให้ผู้ถูกฟ้องต้องเดินทางไกลเพื่อไปรายงานตัวที่ศาลซึ่งอยู่ต่างจังหวัด จนทำให้เสียเวลาและเสียทรัพย์โดยไม่จำเป็นนั้น ถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งผู้ถูกฟ้องหรือไม่ นายอานนท์ไม่เห็นด้วยและอธิบายว่า “ไม่ได้ฟ้องแกล้ง ถ้าผมแกล้งนะ เราเป็นคนฟ้อง เราต้องไปขึ้นศาลทุกครั้ง ไม่ใช่เราไม่ต้องไป เพราะฉะนั้น เราอยู่กรุงเทพฯ เราก็ฟ้องที่กรุงเทพฯ คนที่อยู่พัทลุง เมื่อเขาไปเจอข้อมูลในคอมพิวเตอร์ซึ่งเข้าที่พัทลุง เขาก็ไปฟ้องที่พัทลุง อีกคนเขาอยู่สุไหง-โกลก เขาไปเปิดคลิปปราศรัยฟังที่นั่น เขาก็ฟ้องที่นั่น ถ้าเขาอยู่กรุงเทพฯ แล้วนั่งเครื่องไปฟ้องที่พัทลุง นครศรีธรรมราช เชียงราย ผมถามว่าใครอยากจะทำ ไปฟ้องเนี่ย ไม่ได้ตังค์นะ เสียเวลาด้วย เค้าก็ต้องจ่ายตังค์กันเอง เพราะฉะนั้น เจอที่ไหนก็ฟ้องที่นั่น”

รู้จักกลุ่ม ศปปส. ผู้เดินหน้าฟ้องคดีด้วย ม.112 แล้วกว่า 100 คดี

อานนท์และสมาชิกกลุ่ม ศปปส. แสดงความดีใจหลังได้ฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในคดีล้มล้างการปกครอง เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2567

“เราทำถูกแล้ว”

อานนท์บอกว่าพวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวอยู่เสมอนับตั้งแต่กลุ่มเคลื่อนไหวมา เพราะไม่ใช่ทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่จะให้ความร่วมมือ หลายครั้งพวกเขาถูกเพิกเฉยเมื่อพยายามไปยื่นหนังสือตามสถานที่ราชการต่าง ๆ แต่ทุกครั้งที่รู้สึกเช่นนั้น เขากับพวกพ้องก็จะปลอบใจกันว่า “พวกเขายังพลีชีพเพื่อประชาธิปไตยที่เขารักได้เลย ประชาธิปไตยจอมปลอมอันนั้นน่ะ ทำไมพวกเราที่จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์จะเสียสละเพื่อในหลวงไม่ได้”

การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้เขารู้สึกท้อถอยทางจิตใจมากขึ้น เมื่อพรรคก้าวไกลซึ่งเสนอนโยบายแก้ไข ม.112 ชนะการเลือกตั้ง สวนทางกับความพยายามของพวกเขาที่ไม่ต้องการให้เกิดการแก้ไข ม.112 และเมื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล รอดจากคดีถือหุ้นสื่อไอทีวี เขาก็ยิ่งมีความรู้สึกว่าพิธาและพรรคก้าวไกลอาจจะรอดจากคดีล้มล้างการปกครองซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตัดสินห่างกันเพียงหนึ่งสัปดาห์

อย่างไรก็ดี วันที่ 31 ม.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากกรณีที่นำเสนอการแก้ไข ม.112 เป็นนโยบายหาเสียงของพรรค

อานนท์ที่เดินทางไปฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเองในวันนั้น บอกว่าเขารู้สึกถึง “พลังบวกของชีวิตที่เติมเข้ามาเรื่อย ๆ” ระหว่างฟังคำวินิจฉัยของผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกว่า “เราทำถูกแล้ว”

“ผู้สื่อข่าวเขาก็บอกนะ ทำไมผมดีใจแต่หน้าตาผมไม่ดีใจเลย คือเราดีใจมาก แต่จะให้เรากระโดดโลดเต้นก็ทำไม่ได้ไง จะให้เราไปกรี๊ดๆ มันก็ไม่ได้ แต่ในใจเรากรี๊ด บางคนกอดกัน แบบร้องไห้ใช่ไหม ด้วยความน้อยใจ คิดว่าเราจะผิดหวังอีกแล้ว แต่วันนั้นมันพลิกว่าเราไม่ผิดหวัง”

อานนท์ยืนยันว่าต่อจากนี้เขาจะเดินหน้าใช้ ม.112 กับผู้ที่อาจกระทำการเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต่อไป รวมถึงต่อต้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะครอบคลุมผู้มีความผิด ม.112 ด้วยหรือไม่ก็ตาม โดยเขาบอกว่า “ผมเดินเรื่องแจ้งความมา 3 ปี [ถ้าไม่ต่อต้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรม] ผมก็สูญเปล่าสิ” พร้อมกับเห็นว่าผู้กระทำผิดสมควรต้องเข้าสู่กระบวนการรับผิดตามกฎหมาย มากกว่าแก้ไขกฎหมายเพื่อให้พ้นโทษจากความผิด

OTHER NEWS

15 minutes ago

Foul Play? Double Headbutt Stops ‘Prelims’ Scrap Early

15 minutes ago

New therapy shows greater weight loss in mice by targeting brain's appetite center

15 minutes ago

Harrowing moment 17-year-old girl attempts 'suicide by cop' by forcing them to shoot her before officers perform CPR as she cries for their forgiveness: 'I'm so so sorry'

15 minutes ago

Horrifying footage shows inside 'rape dungeon on wheels' with a cage, condoms and kids' toys where 'serial rapist illegal migrant abused victims'

15 minutes ago

Former Miss World contestant who became Slovakian Prime Minister's 'chief state adviser' was intimately tied to his downfall over mafia scandal in 2018

15 minutes ago

As the 80th anniversary of D-Day approaches, the inspiring story of the only two women honoured for sacrificing their lives in the Normandy invasion after helping 75 wounded troops to safety before going down with their hospital vessel

15 minutes ago

‘X-Men ’97’ EP Brad Winderbaum On Season 2: “People Are Just Going To Have To Be Patient With Us”

15 minutes ago

Braves infield slugger still working through injury concern

15 minutes ago

Kaizer Chiefs' struggles continue in goalless stalemate with Polokwane City

15 minutes ago

The Second Act: Léa Seydoux’s bizarre AI comedy is a very timely Cannes opener

15 minutes ago

Ireland and Lions Rugby legend Tony O’Reilly dies aged 88

15 minutes ago

Oleksandr Usyk taken to hospital after suffering suspected ‘broken jaw’ against Tyson Fury

15 minutes ago

Lions boost play-off hopes with dominant win over Glasgow Warriors

15 minutes ago

Nicola Roberts thanks Girls Aloud fans for ‘most incredible opening night’

15 minutes ago

Faf du Plessis can't believe it, Virat Kohli baffled after RCB skipper adjudged run-out in disputable decision vs CSK

15 minutes ago

Popovic out to break duck in Victory's ALM decider

15 minutes ago

Could Red Wings prospect use AHL playoffs as springboard to NHL?

15 minutes ago

Winners and losers from the final round of the Premiership as semi-finalist confirmed and legends bow out

15 minutes ago

Broncos unlikely to bring back Justin Simmons, per reports

22 minutes ago

Aussies lose it over gross detail in this photo of a McDonald's at Cheltenham, Melbourne

22 minutes ago

Shane Lowry's ruthless putting fires him into contention at the PGA Championship with star-studded leaderboard promising thrilling finale

22 minutes ago

EMILY PRESCOTT: Emma Stone's got a black belt in red carpet appearances

22 minutes ago

Rihanna puts on a stylish display in windbreaker jacket and baggy track pants as she enjoys a solo outing in New York City

22 minutes ago

Lady Victoria Harvey puts on a quirky display in a metallic silver hooded dress as she attends the Emilia Perez premiere at the 77th Cannes Film Festival

24 minutes ago

Yass water has been a problem for years, with some saying it's making them sick

24 minutes ago

After British, it's fight against 'desi Angrez': Amit Shah in Bundelkhand

24 minutes ago

Canadian Paralaympians ready to make some noise in Paris

24 minutes ago

What’s included in the drive-away price of a new car?

28 minutes ago

‘Total Access’ Ends After 21 Years Amid Major Shakeup At NFL Network: “It’s A Bittersweet Moment”

30 minutes ago

Amazon Memorial Day Luggage Deals Have Already Hit Shelves — Shop Samsonite, Tumi, and Travelpro Up to 62% Off

30 minutes ago

Young girls leave school with no clue about sex education — and that's only set to worsen

31 minutes ago

One in six adults say they are addicted to ultra-processed foods as experts warn millions of Brits are putting themselves at risk of severe health problems

31 minutes ago

Aussies lose it over gross detail in this photo of a McDonald's at Cheltenham, Melbourne

31 minutes ago

A Swift detox! Fans tired of obsession with Taylor Swift join online forums to critique beloved US singer - saying they're unhappy with her jet use and her silence on the Gaza conflict

31 minutes ago

Nadhim Zahawi insists Tories were 'wrong to oust Boris Johnson': Former Chancellor hails ex-Prime Minister as the most 'consequential' leader since Margaret Thatcher and says colleagues should not have forced him to resign

31 minutes ago

Video: Rihanna puts on a stylish display in windbreaker jacket and baggy track pants as she enjoys a solo outing in New York City

31 minutes ago

VAR has SPOILED the ecstasy of scoring a goal, writes DANNY MURPHY... I can't see how you can love the game and want to keep something which kills all the joy

31 minutes ago

Former Google vice president warns AI will be 'very bad for society' as it will leave millions of workers jobless - but expects plumbers will be safe from the controversial technology

31 minutes ago

MCoBeauty founder Shelley Sullivan 'abruptly' splits from husband Anthony after seven years of marriage

31 minutes ago

Pep Guardiola implores his Man City players to seize history and clinch their fourth straight Premier League title... as he warns them they will never find themselves in this position again

Kênh khám phá trải nghiệm của giới trẻ, thế giới du lịch