พรีเมียร์ลีกโหวตรับหลักการ "ควบคุมเพดานค่าจ่าย" 3 ทีมโหวตสวน
พรีเมียร์ลีกโหวตรับหลักการ “ควบคุมเพดานค่าจ่าย” 3 ทีมโหวตสวน
หลังจากเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาได้มีการประชุม 20 สโมสรพรีเมียร์ลีก ที่กรุงลอนดอน เพื่อทำการโหวตยอมรับในหลักการนำระบบควบคุมเพดานค่าใช้จ่ายมาใช้ หรือ กฎ Spending Cap โดยมีเป้าหมายคือเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันภายในลีกและลดการผูกขาดของทีมใหญ่การโหวตครั้งนี้ต้องการอย่างน้อย 14 จาก 20 เสียงเพื่อให้ผ่านมติ การโหวตมีเพียง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และแอสตัน วิลล่า ที่ไม่เห็นด้วย ส่วนทางด้าน เชลซีงดออกเสียง
รายงานข่าวจาก The Times เปิดเผยว่าการโหวตในครั้งนี้เป็นแค่ยอมรับใช้หลักการเท่านั้น ซึ่งยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ จนกว่าจะนำเรื่องเขาที่ประชุมสามัญประจำปีพรีเมียร์ลีกในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ ซึ่งโมเดลใหม่จะเข้ามาแทนที่กฎข้อบังคับด้านผลกำไรและความยั่งยืน (PSR)
ทั้งนี้ยังไม่มีการตัดสินใจระดับของค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน โดยคาดว่าจะยอมให้สโมสรใช้จ่ายเงินได้ 5 เท่าของรายได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทีมอันดับที่ 20 กล่าวคือหากเทียบจากเซาธ์แฮมป์ตัน ทีมอันดับสุดท้ายพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งทำรายได้ไว้ที่ 103.6 ล้านปอนด์ จะส่งผลให้เพดานค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 518 ล้านปอนด์ ซึ่งเมื่อดูจากการใช้จ่ายเงินซื้อนักเตะ ค่านายหน้าของเอเย่นต์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในรอบบัญชีล่าสุดของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์นั้นใช้จ่ายไป 624 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ สมาคมนักฟุตบอลอาชีพ หรือ PFA ยังคงดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องนี้ เพราะทางด้านสมาคมได้แสดงความชัดเจนมาโดยตลอดกับการต่อต้านมาตรการใดๆ ก็ตามที่จะจำกัดค่าจ้างผู้เล่นอย่างเข้มงวด มีกระบวนการที่กำหนดไว้เพื่อให้แน่ใจว่าข้อเสนอเช่นนี้ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อสมาชิกของของสมาคมที่จะต้องได้รับการปรึกษาหารืออย่างเหมาะสม
ขณะเดียวกันนักวิจารณ์เรื่องเพดานการใช้จ่ายเชื่อว่ากฎใหม่นี้อาจขัดขวางตำแหน่งของลีกพรีเมียร์ลีกในฐานะลีกที่ร่ำรวยที่สุดและมีผู้ชมมากที่สุดในโลก
สำหรับสโมสรในพรีเมียร์ลีกได้ตกลงที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบการเงินแฟร์เพลย์ใหม่ของยูฟ่าตั้งแต่ฤดูกาล 2025-2026 โดยจำกัดการใช้จ่ายไว้ที่ 85 เ%ของรายได้ทั้งหมดจากค่าจ้าง การโอนเงิน และค่าธรรมเนียมเอเยนต์ (หรือ 70% ในกรณีของสโมสรที่เล่นในยุโรป)