จีนแก้ปัญหาผลิตรถ EV ล้น รายเล็กสู้ต้นทุนไม่ได้ เจ๊งระนาว
อุตสาหกรรมรถ EV ในจีนแข่งกันดุ มีบริษัทผลิตรถมากถึง 50 แห่ง ผลิตล้นตลาด เฉพาะส่วนเกินในจีนมีมากถึง 20 ล้านคัน รายเล็กไปไม่รอดล้มละลายจากสงครามราคา คาดปีหน้าจีนระบายรถส่งออกขายตลาดต่างประเทศอีก 3.5 ล้านคัน
สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชีย รายงานว่า สถานการณ์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจีนยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็ว สถานการณ์นี้กำลังจะทำให้ปริมาณรถอีวีล้นตลาดเกินความต้องการในประเทศจีน ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ในจีนจะยิ่งเน้นทำการตลาดส่งออกรถยนต์ไปต่างประเทศด้วยการลดราคาและให้ส่วนลดเพื่อจูงใ
อย่างไรก็ตามมีความเป็นห่วงว่าผู้ผลิตรถยนต์อีวีรายใหม่ๆของจีน ที่เป็นบริษัทสตาร์ทอัพไปจนถึงรายเล็กๆ หลายแห่งประสบปัญหาทางธุรกิจจากการผลิตรถอีวีล้นเกินในอุตสาหกรรม (ข้อมูลจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของจีน รายงานว่ามีบริษัทมากกว่า 50 แห่งที่ผลิตรถยนต์โดยสารพลังงานใหม่ในจีน)
อีกส่วนหนึ่งคือการแข่งขันกันเองในประเทศจีนจากผู้ผลิตรายใหญ่กว่าที่สามารถทำราคาลดลงมาแข่งกันเอง อาทิ แบรนด์เสี่ยวหมี่ที่กระโดดเข้ามาในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าและเข้ามาทำราคาได้ต่ำกว่าหลายแบรนด์ ซึ่งข้อได้เปรียบตอนนี้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนสามารถผลิตรถในราคาต้นทุนที่ต่ำกว่าค่ายรถอีวีจากยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพราะต้นทุนสำคัญอย่างแบตเตอรี่ที่คิดเป็น 30-40% ของราคารถอีวีนั้นสามารถทำให้ลดราคาลงมาได้ เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานของแบตเตอรี่ส่วนใหญ่ก็เป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องอยู่ในจีน
สถานการณ์ในจีนตอนนี้ทำให้เกิดการผลิตรถอีวีที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าความต้องการในตลาด โดยตามรายงานของสื่อจีน คาดการณ์ว่ากำลังการผลิตรถยนต์ใหม่ของจีนในปี 2568 จะมีมากถึงไม่ต่ำกว่า 36 ล้านคัน ส่วนยอดขายคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 17 ล้านคัน นั่นทำให้เกิดส่วนเกินเกือบ 20 ล้านคันในประเทศ
สื่อจีนรายงานด้วยว่า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์อีวีลดกำลังผลิตเหลือ 50% ต่ำกว่าจุดผลิตคุ้มทุนที่ 80% ทำให้กำไรลดลง ไปจนถึงผู้ผลิตรายใหม่บางรายต้องล้มละลาย
ผู้ผลิตบางรายมองว่าการที่จีนส่งออกรถไปยังยุโรปและอาเซียนมากขึ้นเป็นหนทางในการหลุดจากวิกฤติตลาดรถล้นเกินในประเทศ โดยข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงงานใหม่ของจีน รายงานว่าตัวเลขส่งออกรถของจีนในปี 2566 เพิ่มขึ้น 78% หรือประมาณ 1.2 ล้านคัน และมีคาดว่าจะสูงถึง 3.5 ล้านคันในปีหน้า ซึ่งแน่นอนว่าสถานการณ์นี้ส่สงผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นและยุโรป โดยเฉพาะตลาดในอาเซียน ที่ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นครองส่วนแบ่งตลาดอยู่เดิมถึง 80%