กลยุทธ์เด็ดของ “มาเลเซีย” ดึงดูดเทคโนโลยีลงทุนชิงส่วนแบ่งในอาเซียน
“อาเซียน” ได้กลายเป็นดินแดนแห่งโอกาสที่ดึงดูดบรรดา บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ จากทั่วโลก ด้วยศักยภาพการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งของโลก ด้วยจำนวนประชากรรวมกันกว่า 672.1 ล้านคน ( 8.6 % ของประชากรโลก) และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก หลายประเทศในภูมิภาคนี้จึงแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อดึงดูดการลงทุนด้านเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามายังประเทศ
เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้คนมีทักษะเพื่อการเติบโตในยุค AI เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ ประกาศความมุ่งมั่นที่กว้างขึ้นในการเพิ่มทักษะด้าน AI แก่ผู้คน 2.5 ล้านคน ในประเทศสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ภายในปี 2025 การฝึกอบรมและการสนับสนุนนี้จะดำเนินการร่วมกับรัฐบาล องค์กรไม่แสวงหากำไร และองค์กรธุรกิจ และ ชุมชนในประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม
ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง “มาเลเซีย” ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการคว้าการลงทุนมหาศาลจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง “ไมโครซอฟท์”
ล่าสุด ไมโครซอฟท์ ประกาศจะลงทุน 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 81,000 ล้านบาท สร้างโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี Cloud และ AI ในช่วง Microsoft Build: AI Day ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2024 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 32 ปี ของ Microsoft ในมาเลเซียด้วย
ขยายความสามารถทางดิจิทัลของมาเลเซียเพื่อคว้าโอกาสด้าน AI
การลงทุนครั้งใหญ่ของไมโครซอฟท์ในมาเลเซียเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ Bersama Malaysia (Together with Malaysia) ที่ประกาศเมื่อเดือนเมษายน 2021 เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบครอบคลุม รวมถึงแผนการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลแห่งแรกของบริษัทในประเทศนี้
การลงทุนในครั้งนี้จะช่วยให้ไมโครซอฟท์สามารถตอบสนองความต้องการบริการประมวลผลบนคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นในมาเลเซีย นอกจากนี้ยังจะเปิดโอกาสให้มาเลเซียใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ล่าสุด ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการผลิต
ตามการวิจัยของ Kearney AI มีแนวโน้มที่จะสร้างรายได้ประมาณ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐให้กับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2573 โดยมาเลเซียน่าจะได้รับส่วนแบ่งถึง 1.15 เเสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไมโครซอฟท์จึงมีบทบาทสำคัญในการเตรียมความพร้อมให้มาเลเซียก้าวสู่ยุคของเทคโนโลยี AI และการประมวลผลข้อมูลบนคลาวด์ ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
ไมโครซอฟท์มุ่งมั่นยกระดับทักษะด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี AI ให้แก่ประชาชนมาเลเซียกว่า 200,000 คน โดยดำเนินโครงการต่างๆ ดังนี้
- โครงการ AI TEACH Malaysia ฝึกอบรมนักเรียนให้มีทักษะด้าน AI ผ่านหลักสูตรด้านเทคนิคและอาชีวศึกษา
- โปรแกรม Ready4AI&Security สนับสนุนให้ผู้หญิงมีโอกาสในการสร้างอาชีพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์
- การฝึกอบรมเพิ่มความคล่องแคล่วด้าน AI ให้แก่เยาวชน เพื่อเพิ่มโอกาสในการจ้างงานและความพร้อมในการทำงานสำหรับผู้ที่มาจากชุมชนด้อยโอกาส
- พัฒนาความรู้และทักษะด้าน AI และเทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่พนักงานขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
การลงทุนด้านการพัฒนาทักษะและบุคลากรนี้จะช่วยเตรียมความพร้อมให้มาเลเซียก้าวสู่ยุคเทคโนโลยี AI อย่างเต็มภาคภูมิ โดยสร้างกำลังคนที่มีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานและการดำรงชีวิตในโลกดิจิทัล
ต่อไปนี้เป็น กลยุทธ์หลักของ “มาเลเซีย” ที่ประสบความสำเร็จดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์
นโยบายส่งเสริมการลงทุนที่เอื้ออำนวย
มาเลเซียมีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและมาตรการจูงใจต่างๆ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น Iskandar ในจังหวัดยะโฮร์บาร์
แรงงานมีทักษะสูง
มาเลเซียมีกำลังคนด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมในระดับสูง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายดึงดูดมาเลเซียนที่ศึกษาในต่างประเทศให้กลับมาทำงานในประเทศ
โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่พร้อมรองรับ
มาเลเซียลงทุนอย่างมากในการพัฒนาโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ศูนย์ข้อมูลแบบคลาวด์ และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุน
มาเลเซียมีเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ดี มีกฎหมายธุรกิจที่เป็นสากล ภาษีที่แข่งขันได้ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ
มาเลเซียเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วบน GitHub
GitHub คือ เว็บไซต์ที่ให้บริการ Git (version control repository) โดย Github จะให้บริการบนออนไลน์แพลตฟอร์ม ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านหน้าเว็บไซต์ได้ทุกที่ทุกเวลา
ซึ่งมาเลเซียกำลังก้าวขึ้นเป็นแหล่งพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สำคัญบน GitHub แพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันและนวัตกรรมของไมโครซอฟท์ ในปี 2023 จำนวนนักพัฒนาในประเทศนี้มีรายชื่ออยู่บน GitHub เกือบ 680,000 คน เพิ่มขึ้นถึง 28% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาที่สูงขึ้นให้ทัดเทียมประเทศที่พัฒนาเเล้ว
มาเลเซียตั้งเป้าที่จะเพิ่มการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา (RD) เพื่อให้ทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งประสบความสำเร็จในการใช้ประโยชน์จาก RD เพื่อปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก
องค์กรในมาเลเซียใช้ประโยชน์จาก AI ยุคใหม่ของไมโครซอฟท์
เพื่อเพิ่มผลิตภาพและขับเคลื่อนนวัตกรรม หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Agroz บริษัทเกษตรเทคโนโลยีที่ออกแบบและดำเนินการฟาร์มแนวตั้งในร่มที่ควบคุมสภาพแวดล้อม เพื่อปลูกผักผลไม้ที่อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการในพื้นที่จำกัด โดยไม่ต้องพึ่งยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีอื่นๆ
Agroz ได้สร้าง “Agroz Copilot” โดยใช้บริการ Azure OpenAI ของไมโครซอฟท์ เพื่อช่วยเกษตรกรค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำฟาร์มด้วยภาษาธรรมชาติหรือรูปภาพ และรับคำแนะนำว่าควรทำอะไรบ้างในแต่ละวัน เพื่อเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพของฟาร์ม ช่วยประหยัดแรงงานและเพิ่มผลิตผลได้อย่างมหาศาล
Doctor2U ซูเปอร์แอปด้านการดูแลสุขภาพชั้นนำของมาเลเซีย ใช้ GitHub Copilot เพื่อเร่งการพัฒนา ลดระยะเวลาจากสองชั่วโมงเหลือ 30 นาทีสำหรับงานบางอย่าง นอกจากนี้ การใช้ Azure AI Search ยังช่วยเร่งกระบวนการดึงบันทึก ลดเวลาการส่งคืนผลจากชุดข้อมูลหลายล้านชุดจากหนึ่งนาทีเหลือหนึ่งวินาที
Pandai แอปการเรียนรู้ให้กับนักเรียนกว่า 800,000 คน ติดตั้งบอท AI ส่วนบุคคล “Pbot” ด้วย Azure OpenAI Service เพื่อติดตามความก้าวหน้าและให้การสนับสนุนทางวิชาการ มีเป้าหมายให้ Pbot เป็น “เพื่อนและครูพิเศษ” สำหรับนักเรียน
PETRONAS ผู้ให้บริการพลังงานของมาเลเซีย นำร่องการใช้ AI Copilot สำหรับ Microsoft 365 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความคิดสร้างสรรค์ของพนักงาน และใช้ Azure OpenAI พัฒนาโซลูชันปรับปรุงประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย
Perumahan Rakyat 1Malaysia (PR1MA) หน่วยงานเคหะแห่งชาติ ปรับใช้ Copilot for Microsoft 365 เพื่อลดเวลางานบริหารลง 30% ให้พนักงานมุ่งเน้นงานเชิงกลยุทธ์และสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น
พรูเด็นเชียล บริษัทประกันของมาเลเซีย ฝัง AI จาก Azure OpenAI เข้ากับศูนย์บริการทางโทรศัพท์ ลดเวลารวบรวมข้อมูลผลิตภัณฑ์จากสี่นาทีเหลือน้อยกว่า 30 วินาที ตอบสนองลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น และวางแผนขยายการใช้งานเพิ่มเติม
การผสมผสานกลยุทธ์เหล่านี้ช่วยสร้างบรรยากาศที่น่าดึงดูดสำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ทำให้มาเลเซียเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับไมโครซอฟท์และบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เลือกที่จะลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่งในกลุ่มประเทศอาเซียนนั้น มักจะเป็นผลมาจากการประเมินปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ เช่น โอกาสทางธุรกิจ สภาพแวดล้อมการลงทุน แรงงาน โครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายของรัฐบาล มากกว่าที่จะเป็นการ “แย่งชิงกัน” โดยตรง
หากมองในมุมกว้าง การลงทุนของบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ก็อาจส่งผลให้เกิดการแข่งขันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในการดึงดูดการลงทุนเข้ามายังประเทศ เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการสร้างงาน โดยแต่ละประเทศอาจพยายามนำเสนอจุดแข็งและสิ่งจูงใจที่โดดเด่นของตนเอง
เศรษฐกิจอาเซียนในปี 2567
ปี 2567 บทวิเคราะห์จากวิจัยกรุงศรียังคงมองว่า เศรษฐกิจในอาเซียนจะยังคงขยายตัวต่อไปในครึ่งปีหลัง โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัว นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้ความเชื่อมั่น และการบริโภคของภาคเอกชน ตลาดการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มที่ธนาคารกลางส่วนใหญ่ในอาเซียนได้ระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว และมีแนวโน้มว่าจะคงที่ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับปานกลาง เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง อีกทั้งยังมีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไหลกลับเข้ามา และปัจจัยเสริมอื่น ๆ อย่างการส่งออกที่ดีขึ้น การเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
ที่มา