ฟาร์มสุขดอกไม้ไทย ชู “วัชพืช” ข้างทางสร้างเงินล้าน
คอลัมน์ : สัมภาษณ์
หากเอ่ยถึง “เจ้าแม่แห่งวงการดอกไม้กินได้ในประเทศไทย” ผู้คนในแวดวงอาหาร และเครื่องดื่ม ต่างยอมยกนิ้วให้กับ “ดร.อ้อ” หรือ “ดร.ถนอมวรรณ สิงห์จุ้ย” เจ้าของ บริษัท ฟาร์มสุขดอกไม้ไทย จำกัด จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นทั้งเกษตรกรผู้ปลูก นักวิจัย และผู้จัดจำหน่ายไม้ดอก และใบไม้กินได้ เพื่อนำไปตกแต่งบนจานอาหาร เครื่องดื่ม “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “ถึงแรงบันดาลใจและเส้นทางดอกไม้กินได้”
16 ปีจากสวนผักสู่ไม้กินได้
“ดร.อ้อ” เล่าว่า เกิดเป็นลูกหลานเกษตรกรมาดั้งเดิม ทำสวนผัก ปลูกคะน้า กวางตุ้ง บนพื้นที่ 10 ไร่ ใน ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ไปส่งขายที่ตลาดสี่มุมเมือง ปากคลองตลาด และปลูกมะลิ สลับกัน ตัวเองไม่ได้เรียนจบด้านเกษตร จบมาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เริ่มทำธุรกิจขายอะไหล่คอมพิวเตอร์ หลังจากนั้นไปรับราชการอยู่ในภาคการศึกษาและงานวิจัยระยะหนึ่ง
ก่อนเข้าสู่ธุรกิจเกษตรในปี 2551 ทำเพจเกษตรเทรดบายฟาร์มเมอร์ จัดเป็นชุดผักส่งให้ลูกค้าตามบ้าน และร้านอาหาร แต่การปลูกผักมีปัญหาไม่สามารถควบคุมราคาได้ เลยอยากจะทำอะไรที่สามารถควบคุมราคาเองได้ ประกอบกับกระแสอาหารกำลังมา จึงเปลี่ยนมาปลูกไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งอาหารในปี 2561
ชูจุดขายดอกไม้เป็นยา
ด้วยความที่เป็นนักวิจัย และเคยวิจัยเกี่ยวกับ “ต้นหญ้าเป็นยา” ร่วมกับโรงพยาบาลอภัยภูเบศร์มาก่อน ทำให้มีองค์ความรู้ด้านสรรพคุณ รส กลิ่น สีของสมุนไพรแต่ละชนิดในการนำเสนอขายให้แต่ละร้านอาหาร และก็ยึด 4 หมวดหลักในการเลือก คือ หมวดที่ 1 ดอกไม้ที่ได้มาจากต้นผัก หมวดที่ 2 ดอกไม้ที่ได้มาจากผลไม้ หมวดที่ 3 ดอกไม้ที่ได้มาจากสมุนไพร
และหมวดที่ 4 ดอกไม้ที่ได้มาจากไม้ดอกไม้ประดับทั่วไป ตอนแรกไปนำเสนอตามร้านอาหารที่มีเชฟคนไทยก่อน ซึ่งคนไทยกับดอกไม้ไทยก็เห็นเป็นเรื่องธรรมดา จึงไปเสนอกับโรงแรม ร้านอาหารที่มีเชฟฝรั่ง ได้รับการตอบรับที่ดีมาก
ปัจจุบันมีไม้ดอก ไม้ประดับกว่า 200 ชนิดปลูกสลับกันไปตามฤดูกาล เช่น พวงชมพู อัญชัน เล็บมือนาง ดาวกระจาย บัวหลวง อเมริกันบิวตี้ กระดุมทอง มะรุม ฯลฯ รวมถึงวัชพืช เช่น ผักแว่น กระสัง เบี้ยหิน ส้มกบ ฯลฯ ที่ปกติเกษตรกรทั่วไปถอนทิ้ง แต่เราเก็บมาขายสร้างมูลค่าเพิ่มได้มหาศาล โดยแยกขายเป็นดอกราคาต่ำสุดตั้งแต่ 1-20 บาทต่อดอก โดยการขายจะบรรจุใส่กล่อง เฉลี่ย 100 ดอก น้ำหนักประมาณ 50 กรัม ราคาประมาณ 150-250 บาท ปัจจุบันมีลูกค้าเกินกว่า 300 กล่องต่อวัน
ฟาร์มสุขดอกไม้ไทย
นอกจากนี้ มีลูกค้าบางรายต้องการดอกไม้ของต่างประเทศ มีเงื่อนไขลูกค้าต้องสั่งเมล็ดพันธุ์มาให้เราปลูกเราจะมาทดสอบการปลูก ทดสอบสภาพอากาศ ควบคุมอุณหภูมิ 1 ปีก่อน เพื่อดูการเจริญเติบโตและสังเกตการเปลี่ยนแปลง-การกลายพันธุ์ ก่อนที่จะลงปลูกจริงจัง จากวันนั้นก็บุกเบิกวงการดอกไม้ไทยกินได้ มาเกือบ 6 ปีแล้ว
“การเก็บไม้ดอกมีหลักการเก็บ เพื่อให้คงสรรพคุณ รส กลิ่น ได้อย่างสมบูรณ์ ในแต่ละฤดูจะมีช่วงเวลาการเก็บที่แตกต่างกัน พืชบางตัวต้องเก็บก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อคงสภาพกลิ่นไว้ เช่น อัญชัน ถ้าเก็บเช้าจะตูม แต่เราอยากได้ดอกที่บานสวยก็ต้องเก็บไม่เกิน 9 โมงเช้า เราถึงเก็บวันต่อวัน เพื่อรักษาคุณภาพและรสชาติ ฟาร์มถึงยืนหนึ่งเรื่องการให้บริการกับลูกค้า เพราะใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ”
แผนพิชิต 200 โรงแรม-ร้านดัง
ฟาร์มวางแผนการปลูก โดยเน้นปลูกพืชที่หลากหลาย แข็งแรง ทนต่อสภาพแวดล้อม และแผนการตลาดมุ่งกลุ่มลูกค้า Business to Business เป็นหลัก เน้นวางแผนระยะยาว คุมปริมาณ คุณภาพและราคาให้กับลูกค้า เพราะถ้าไม่รู้จักวางแผน ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้ เช่น ตอนนี้แดดร้อนต้องเพิ่มระยะเวลาในการเก็บ เพื่อให้ได้ดอกไม้ที่สวยงามและมีคุณภาพดีสุด ถือคติทำน้อยแต่ได้มาก หลังจากนั้นเริ่มเพิ่มไลน์การผลิต หาดอกไม้ที่มีลูกเล่นหลากหลายมากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการตลาดและชูคุณสมบัติพิเศษของดอกไม้ให้กับเชฟ
ปัจจุบันมีลูกค้าประจำหรือพาร์ตเนอร์กว่า 200 ราย ส่วนใหญ่เป็นเชฟชาวต่างชาติ ถึง 80% รวมถึงร้านอาหาร โรงแรม 70% เช่น W Bangkok, The Sukhothai Bangkok , The Standard Bangkok, เครือ Anantata Siam/Riverside, Nara Thai Cuisine, Sivatel Bangkok ฯลฯ
“ฟาร์มยึดหลักธรรมาภิบาลในการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อ-ขายเพื่อให้ความสำคัญกับโลก เป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่เกษตรกรที่จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอน ไม่ใช่แค่การซื้อขายดอกไม้อย่างเดียว และเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด อยากได้ลูกค้าที่มีความเข้าใจ ทั้งระยะเวลา วัตถุดิบ จะทำให้สามารถทำงานร่วมกันได้ระยะยาว”
ร่วมทุนโบนันซ่าขยายธุรกิจ
ตอนนี้บริษัทได้ร่วมมือทางวิชาการ โดยทำบันทึกข้อตกลง (MOU) กับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มทส.) ในเรื่องการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเกษตร โดยคนที่เรียน มสธ. ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร เราจะเข้าไปช่วยแนะนำหรือสอนเพื่อให้นำความรู้จากตรงนี้ไปต่อยอดพัฒนาการเกษตรได้
ล่าสุดบริษัทมีแผนขยายกิจการ โดยร่วมทุนกับ นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ เจ้าของอาณาจักรโบนันซ่า เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ใช้ชื่อโปรเจ็กต์ว่า farm Suk @ โบนันซ่า โดยจะปลูกกดอกไม้ไทยโบราณ บนที่ดิน 100 ไร่ของโบนันซ่า เช่น กรรณิการ์ กันเกรา นมแมว ฯลฯ นำผลผลิตทั้งหมดมาเป็นวัตถุดิบป้อนเข้าสู่กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เวชภัณฑ์ แปรรูปเป็นกลิ่นเครื่องหอมต่าง ๆ พร้อมป้อนผลิตภัณฑ์ให้กับโรงแรมและร้านอาหารในเครือโบนันซ่า เช่น พาโค่ เขาใหญ่ บาย โบนันซ่า
ฟาร์มสุขดอกไม้ไทย
โดยตั้งเป้าหมายจะสร้างรายได้เดือนละ 50 ล้านบาท หรือ 600 ล้านบาทต่อปี และภายในปี 2577 หรืออีก 10 ปี วางแผนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมรายได้กว่า 1,500 ล้านบาท พร้อมการสร้างเครือข่ายเกษตรกรในจังหวัดนครราชสีมา มาช่วยกันปลูกป้อนวัตถุดิบให้ภาคอุตสาหกรรมต่อไป
จี้เกษตรกรปรับตัวเรียนรู้ให้ทัน
ปัจจุบันเกษตรกรไทยบางส่วนยังขาดความรู้ความเข้าใจในการทำเกษตร หากพืชไม้ผลใดราคาดีจะแห่กันไปปลูก ผลผลิตก็ล้นตลาด โดยที่ภาครัฐไม่ได้มีการวางแผนจัดโซนนิ่งอย่างจริงจัง วันนี้เกษตรกรไทยต้องรู้จักปรับตัวและเรียนรู้พัฒนาทุกวัน เพราะตอนนี้คู่แข่งทางการตลาดไม่ได้มีแค่ภายในประเทศ แต่ต่างประเทศเองพยายามลุยสู้เกษตรบ้านเรา ถ้าเกษตรกรไม่รีบปรับตัวก็จะกลายเป็นลูกจ้าง
ขณะเดียวกันอยากให้ภาครัฐสอนองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรอาจจะพัฒนาไปถึงกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เปิดแล็บแบบจริงจัง อยากเห็นการเติบโตของเกษตรกร ซึ่งยุคนี้เกษตรกรค่อนข้างลำบาก เนื่องจากสภาพอากาศ สภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ถ้าเราไม่รู้จักปรับตัว อาชีพการเกษตรอาจจะหายไป
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ฟาร์มสุขดอกไม้ไทย ชู “วัชพืช” ข้างทางสร้างเงินล้าน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net