EA กางแผนครึ่งปีหลัง สู้ข่าวลือ ‘Adder หมดยังมีเงินสดค่าไฟ’ จ่อออกหุ้นกู้ 5.5 พันล้าน

EA กางแผนครึ่งปีหลัง สู้ข่าวลือ ลั่น Adder หมดยังมีกระแสเงินสดขายไฟสม่ำเสมอ ฐานะการเงินแกร่งพร้อมคืนหนี้หุ้นกู้ครบตรงเวลา จ่อออกหุ้นกู้ 5,500 ล้านบาท ลุยสร้าง New S-Curve เตรียมเดินเครื่องโรงงานผลิตน้ำมัน อากาศยานยั่งยืน SAF จากน้ำมันพืชใช้แล้ว 1 แสนลิตรต่อวันไตรมาส 3 พร้อมลุยต่อธุรกิจแบต-ยานยนต์ไฟฟ้า ผนึกจีน ขยายรถไฟ EV รอ เดินหน้า บริษัทซูเปอร์โฮลดิ้งเหมาระบบซื้อ ขายไฟฟ้าพลังน้ำจากเขื่อนลาว

วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ร่วมชี้แจงกระแสข่าวลือและความกังวลเรื่องสถานะทางการเงินของบริษัท โดยเฉพาะเรื่องกระแสเงินลดลงจากค่า Adder ของโรงไฟฟ้าที่จะทยอยหมดลงนั้น

โดยชี้แจงว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ ถึงแม้ว่า Adder จะหมดลง แต่ไม่ได้หมายความว่าในรายได้ส่วนนี้จะหายไปหรือกลายเป็นศูนย์ เพราะบริษัทยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฯตามปกติ ซึ่งบริษัทยังคงมีกระแสเงินสดเป็นรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ

ภาพประกอบข่าว

รายได้ค่าไฟยังอยู่แม้ Adder ถูกตัด

โดยสัญญาคันขายไฟแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือรายได้จากค่าไฟฐานและ Adder 6.50 บาท ซึ่งในส่วนของ Adder ที่กำลังจะถูกตัดไปนั้นจะทำให้รายได้ส่วนนี้หายไป แต่จะยังคงเหลือรายได้จากค่าไฟฐานอยู่ และถึงแม้ไม่มีระบบ Adder แต่ก็ยังมีราคาที่ดีกว่า FiT (feed in tariff) และที่สำคัญสัญญาที่ได้รับนั้นไม่มีวันหมดอายุ ขณะที่ระบบ FiT มีอายุ 25 ปีเท่านั้น

สำหรับโรงไฟฟ้าที่จะทยอย Adder ครบ จะเริ่มตั้งแต่ปีหน้าก็คือโรงไฟฟ้าโซลาร์ที่ลำปาง ปี 2569 โรงไฟฟ้าโซลาร์ที่พิษณุโลกปี 2570 โรงไฟฟ้าลมที่ภาคใต้ปี 2571 โรงไฟฟ้าลมที่จังหวัดชัยภูมิ

“ปี 2025 adder จะหมดไปรายได้ 9,000 ล้านบาทจะทยอยลดลงโดยในปี 2030 แต่ยังคงมีรายได้อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท โดยบริษัทก็จะต้องทำสัญญาต่ออายุสัญญากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคคราวละ 5 ปี”

ผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืนไตรมาส 3

นายสมโภชน์กล่าวอีกว่า การเตรียมความพร้อมรับมือในส่วนของ Port ธุรกิจพลังงานได้เตรียมความพร้อมมาตั้งแต่วันแรก ทำให้มีมี Product Champions ออกมามากมายในวันนี้ เพราะเรารู้ว่าแอดเดอร์ไม่ได้อยู่ถาวร โดยบริษัทได้ร่วมกับทาง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOT) และบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) ในการตั้งโรงงานผลิต Sustainable Aviation Fuel (SAF) หรือเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนจากน้ำมันพืชปรุงอาหารที่ใช้แล้ว มีกำลังการผลิต 100,000 ลิตรต่อวัน คาดว่าจะแล้วเสร็จแล้วเริ่มผลิตในไตรมาส 3 ปี 2567

อีกทั้งยังหาโปรเจ็กต์ใหม่เพื่อสร้างรายได้อื่น ๆ เพิ่มเติม จากการขยายการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งใน และต่างประเทศด้วย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะในจังหวัดภูเก็ตขนาด 9.9 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2569 ขณะเดียวกันยังได้มีการเซ็น PPP ตั้งศูนย์จัดการขยะบนพื้นที่เกาะล้าน โดยมีสัญญาระยะ 5 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานเชิงรุกที่มีอย่างต่อเนื่อง

ผนึกลาวตั้งซูเปอร์โฮลดิ้ง

และก่อนหน้านี้ บริษัทได้ขยายความร่วมมือไปยัง สปป.ลาว โดยได้มีการตั้งบริษัท Super Holding ร่วมกับทางรัฐบาลลาว ซึ่งบริษัทนี้จะเข้าไปรวบรวม เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตจากเขื่อนของลาว ทำให้มีรายได้ในส่วนนี้เข้ามามากขึ้น โดยถ้าหากบริษัทหรือเขื่อนใดจะผลิตและขายไฟออกมาต่างประเทศก็จะต้องผ่าน Super Holding

“ในช่วง 1 ปีแรกของ Super Holding ในปีหน้า คาดว่าจะใช้เงินลงทุนเฟสแรก 100 ล้านเหรียญ จากทั้งหมด 200 ล้านเหรียญ โดยจะสามารถซื้อขายไฟผ่าน Super Holding ได้ 3,000 เมกะวัตต์ จากเขื่อนทั้งหมดที่มีกำลังการผลิต 7,000 เมกะวัตต์”

ลุยต่อรถไฟ EV

นอกจากนี้ ความร่วมมือกับ CRRC Dalian ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ผู้นำธุรกิจรถไฟความเร็วสูงของจีน ร่วมผลิตหัวรถจักรไฟฟ้า, เป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ (Commercial EV) และสถานีชาร์จของบริษัทได้รับการจดสิทธิบัตร Altra-fast Charge ในระดับโลก มีหัวชาร์จมากกว่า 2,000 จุด ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ

“นวัตกรรมหัวรถจักรความเร็ว 120 ถึง 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในแบรนด์ MINE โดยใช้แบตเตอรี่ใส่เข้าไปในหัวรถจักร ซึ่งมีอัตราการวิ่ง 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ช่วยประหยัดพลังงานลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศและช่วยให้มีค่าโดยสารในราคาที่ถูก เรามองว่าธุรกิจนี้จะเป็นธุรกิจแห่งอนาคต และมีตลาดที่กว้างมากเพราะปัจจุบันประเทศไทยมีรางรถไฟที่ใช้สำหรับรถไฟดีเซลรางอายุ 40-50 ปี

ถ้าหากมีการลงทุนและเปลี่ยนหัวรถจักรเป็น EV ทั้งหมดจะทำให้ประเทศไทยประหยัดเม็ดเงินลงทุนไปได้ 1.4 แสนล้าน ในการสร้างสายไฟบนราง เพราะจะใช้เม็ดเงินลงทุนเพียงแค่ 10,000 ล้านบาท และสามารถขน ส่งมวลชนได้มากกว่า 350,000 คน เทียบกับการลงทุน Airport Link ที่ต้องใช้เงินลงทุนถึง 40,000 ล้านบาท ในการขนส่งคน 60,000-7 หมื่นคน ถือว่าคุ้มมาก”

อย่างไรก็ตาม โอกาสและความเป็นไปได้ในการลงทุนครั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐด้วยว่าจะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในโครงการอย่างนี้ได้หรือไม่ เป็นไปได้ว่าอาจจะต้องใช้ระยะเวลา ทั้งในส่วนของกระบวนการภาครัฐเองหากจะมีการเปลี่ยนแปลงมาใช้รถไฟ EV คงไม่ได้ข้อสรุปภายในปีนี้

สงครามการค้าหนุนต้นทุนวัตถุดิบถูกลง

ขณะเดียวกันในส่วนของโรงงานแบตเตอรี่ของ EA ซึ่งหลายฝ่ายกังวลเรื่องความสามารถการแข่งขัน หลังจากราคาแบตปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมาบริษัทและพันธมิตรได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี และได้ทำการศึกษาพร้อมกับปรับปรุงเทคโนโลยีที่ใช้ในกระบวนการผลิต จนขณะนี้ทำให้ต้นทุนปรับลดลงอยู่ใกล้เคียงระดับที่สามารถแข่งขันได้

และที่สำคัญ ปัจจัยจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลให้จีนมีโอกาสผลิต Over Supply มากขึ้นซึ่งจะมีผลดีทำให้บริษัทได้ใช้วัตถุดิบราคาถูก

ตลอดระยะเวลา 20 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา EA เป็นบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจใหม่และเป็นกระแสโลกเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ รวมถึงเป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจรในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า นับตั้งแต่การผลิตแบตเตอรี่ Li-ion การประกอบรถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถหัวลากไฟฟ้า เรือไฟฟ้า รวมถึงสถานีชาร์จที่มีครอบคลุมมากที่สุดในประเทศ นับเป็นความภูมิใจที่เป็นบริษัทของคนไทยที่สามารถพิสูจน์ต่อสายตาชาวโลกว่า คนไทยทำได้

ทางด้านรถโดยสารไฟฟ้าของบริษัท ไทยสมายบัส จำนวน 2,000 คัน ได้ให้บริการมีผู้โดยสารใช้บริการมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉลี่ยจำนวนผู้โดยสารขณะนี้ประมาณ 350,000 คน/วัน เชื่อว่าภายใน 1 ปีจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้

ยอดขายรถอีวีพุ่ง 5,000 คัน

ในส่วนของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ บริษัท NEX ก็ถือเป็นผู้นำตลาดของเมืองไทยที่มีคู่ค้า พันธมิตร ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ ให้การยอมรับ และพร้อมที่จะมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและใช้บริการของ NEX โดยเบื้องต้นมีลูกค้าที่ติดต่อเข้ามา 136 ราย มียอดคำสั่งซื้อประมาณ 5,000 คันในปีนี้ ที่จะต้องส่งมอบ และขอยืนยันว่า EA ได้เตรียมเงินสดไว้เพียงพอสำหรับการเพิ่มทุนของ NEX ในครั้งนี้ เพื่อช่วยให้ NEX มีฐานทุนที่แข็งแรงสำหรับการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตต่อไปได้

สำหรับหุ้นเพิ่มทุนที่ขาย PP ให้กับนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ได้รับการยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะใส่เงินเพิ่มทุน เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจร่วมกับ EA

“นักอุตสาหกรรมต่างชาติพากันชื่นชมว่าที่ทำมาริเริ่มเป็นรายแรก โดยไม่ได้รับการสนับสนุนการภาครัฐยังทำมาได้ขนาดนี้ จึงอยากขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐให้เห็นความสำคัญต่อการส่งเสริมเพื่อให้ธุรกิจของคนไทยไปแข่งขันในเวทีโลกได้ รวมไปถึงการขจัดปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจให้หมดไปด้วย”

ราคาหุ้น EA ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ไม่ได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง หรือ Valuation ของธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากธุรกิจทั้งกลุ่มบริษัท ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่  ยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานทดแทน ที่เป็นเมกะเทรนด์

ออกหุ้นกู้ 5,500 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ยังได้รับการประเมินสถานะอยู่ที่ BBB+ ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาในเรื่องของการรุกขยายธุรกิจ รวมถึงการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับกับชำระคืนหนี้หุ้นกู้ด้วย โดยบริษัทมั่นใจว่าสามารถจ่ายดอกเบี้ยและชำระหนี้หุ้นกู้ได้ตรงตามกำหนดอย่างแน่นอน โดยยืนยันว่าต่อให้การลงทุนใน NEX หรือ  BYD แล้วต้องหยุดกิจการ บริษัทก็ยังสามารถจ่ายคืนเงินกู้ได้ครบถ้วน

พร้อมกันนี้บริษัทจะมีการออกหุ้นกู้มูลค่า 5,500 ล้านบาท ในปลายเดือนนี้ โดยจะเป็นหุ้นกู้ที่มีอายุ 1 ปีและอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในกรอบเดิมคือ 4.5 ถึง 4.75 อายุ 1 ปี และ 5.5 เปอร์เซ็นต์สำหรับอายุ 3 ปี ซึ่งจากปัญหาที่เกิดขึ้นจะทำให้หุ้นกู้มีต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น แต่ก็ไม่ถือว่ากระทบมากนัก ยังไม่มีความจำเป็นจะต้องมีการเพิ่มทุน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : EA กางแผนครึ่งปีหลัง สู้ข่าวลือ ‘Adder หมดยังมีเงินสดค่าไฟ’ จ่อออกหุ้นกู้ 5.5 พันล้าน

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

– Website : https://www.prachachat.net