เย้ยไม่สมราคา! บ้านใหญ่เพื่อไทย อาจแพ้ทางยุทธศาสตร์บ้านใหญ่สีน้ำเงิน
เย้ยไม่สมราคา! บ้านใหญ่เพื่อไทย อาจแพ้ทางยุทธศาสตร์บ้านใหญ่สีน้ำเงิน
จากกรณีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ที่นายชาญ พวงเพ็ชร หรือ ลุงชาญ เฉือนเอาชนะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือ บิ๊กแจ๊ส 1,800 คะแนน แต่อาจจะโดนคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่จากคดีเก่าเกี่ยวกับการทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพช่วยน้ำท่วมเมื่อปี 2554
จนทำให้เกิดการตั้งคำถามในสังคมว่า การที่นายชาญ อาจถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หลังการเลือกตั้งแบบนี้ พรรคที่สนับสนุนอย่างพรรคเพื่อไทยจะได้รับผลกระทบไปด้วยหรือไม่
เลขากฤษฎีกา ชี้ “ชาญ” ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ. เหตุมีคดีเก่า
ย้อนคดี “ชาญ พวงเพ็ชร์” ชนวนเหตุส่อถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่!
ประวัติ "ชาญ พวงเพ็ชร์" หรือ"ลุงชาญใจดี" ดีกรีนายก อบจ.ปทุมธานี 4 สมัย
ล่าสุด พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้วิเคราะห์ถึงผลกระทบดังกล่าว ในรายการเปิดโต๊ะข่าว ทางช่อง PPTV HD 36 โดยได้ประเมินว่า มีผลกระทบมาก เพราะสะท้อนให้เห็นการตรวจสอบบุคลากรที่จะนำเสนอต่อประชาชน ขาดความรอบคอบ ลุกลี้ลุกลน ไม่เป็นมืออาชีพ ตรงนี้ย้อนกลับไปจะต้องเจ็บตัวหนัก เพราะประชาชนบอกว่าโกหกกันอีกแล้ว จึงทำให้เสียความน่าเชื่อถือไปมากพอสมควร และเชื่อว่าคดีนี้มีผลแน่ ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
เมื่อถามว่าการที่พรรคเพื่อไทยดันนายชาญพลาดที่ไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติให้ดี หรือรู้อยู่แล้ว แต่คิดว่าไม่เป็นอะไร เพราะฐานเสียงนายชาญพอมีก็ดันไปก่อน พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เป็นทั้งสองเหตุผล เหมือนกับว่าฝ่ายกฎหมายไม่ได้ไปชี้ขาดและไปปรึกษาให้ถ่องแท้ บอกเป็นเรื่องเก่า ถ้าเป็นเรื่องใหม่ถึงค่อยว่ากัน ฉะนั้นตรงนี้น่าจะเดินหน้าไปทำให้เป็นปัญหา แสดงว่าการตรวจสอบไม่ลึกและรอบคอบพอ แต่ตัดสินอีกแบบว่า ไม่เป็นไรชนะไปก่อน แล้วตอนนี้เราถืออำนาจรัฐ อาจจะมีตัวแปรอื่นที่ไปทำให้ตรงนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงระงับยับยั้งได้ ก็จะได้ชัยชนะไป เป็นทั้งสองเหตุผลควบคู่กัน
เมื่อถามต่อว่า หากพรรคเพื่อไทยรู้อยู่แล้วว่านายชาญมีคดีติดตัว แต่พยายามเข็นไปจนชนะ จนทำให้คนรู้สึกได้ว่าคะแนนเพื่อไทยยังได้รับความนิยมอยู่ นายทักษิณยังมีมนต์ขลังอยู่หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า มองเผินๆ จะเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าเป็นประชาชนในพื้นที่ นักวิชาการและคนที่มองลึกลงไป ปรากฏว่าจริงๆ ไม่ใช่ กลายเป็นว่าในภาพใหญ่พรรคเพื่อไทยแพ้ แล้วลงลึกไปในคะแนนเห็นชัด คะแนนที่ชนะต่างกันแค่ 1,800 คะแนน ทั้งๆ ที่ใช้ศักยภาพทุกอย่างลงไป แล้วจริงๆ คนที่ไปเติมคะแนนให้ฝั่งนายชาญ ก็คือคนที่บ้านใหญ่หลายคนที่อยู่กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ แล้วก็ถอยออกไปอยู่ฝั่งนายชาญ บางคนก็มาลงสมัครตัดคะแนนไป
“ขณะนี้บ้านใหญ่ที่อยู่กับบิ๊กแจ๊ส 4-5 คนถอยกลับไปที่นายชาญ แต่เมื่อคะแนนจบสุดท้าย ชนะบิ๊กแจ๊สแค่ 1,800 คะแนน แสดงว่าบิ๊กแจ๊สคะแนนตัวเองถือว่าสูงมาก แต่คะแนนบ้านใหญ่ที่เหมือนสูงแต่ไม่สูง ฉะนั้นถ้าเรามองคะแนนสดๆ แสดงว่าบิ๊กแจ๊สเหนือกว่าคุณชาญมาก คุณชาญได้มาเติมแค่บ้านใหญ่กับของพรรคเพื่อไทย แล้วยังชนะที่ 1,800 คะแนน แบบนี้เรียกว่าไม่สมราคา”พล.ท.ภราดร
เมื่อถามต่อว่า การลงพื้นที่ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้วผลสรุปออกมาว่าสุดท้ายนายชาญ อาจจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หมายความว่าเป็นการลงพื้นที่ช่วยหาเสียงที่เสียเปล่าใช่หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เท่ากับเสียเปล่า เพราะตอนนี้กลายเป็นว่าคุณลักษณะของนายชาญ ตอนจะเข้า เข้าได้ ไม่ขัด แต่เมื่อเป็นแล้ว กลับบอกว่าขัด เมื่อขัดแน่นอนว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้วกระบวนกว่าจะตัดสินของศาลเป็นปีๆ ฉะนั้นเท่ากับไม่มีตัวนายกก็จะกลายเป็นฝ่ายประจำต้องมารักษาราชการปฏิบัติแทน
แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า การยึดยุทธศาสตร์บ้านใหญ่ของพรรคเพื่อไทยนั้น คล้ายกับว่ายุทธศาสตร์นี้แข็งแกร่ง แต่ถ้ามองแล้วจริงๆ ไม่ได้แข็งแกร่ง เพราะถ้ายกไปเปรียบเทียบกับยุทธศาสตร์บ้านใหญ่ของพรรคสีน้ำเงิน ว่ายุทธศาสตร์บ้านใหญ่ของพรรคสีน้ำเงิน นายก อบจ.ไม่ได้บอกว่าอยู่พรรคสีน้ำเงิน แต่ทุกคนรู้ว่าเบื้องหลังคือพรรคสีน้ำเงิน ฉะนั้นแสดงให้เห็นว่าในการจัดการเรื่องบ้านใหญ่แล้ว พรรคเพื่อไทยก็ยังเป็นรองพรรคสีน้ำเงินแบบไม่เห็นฝุ่น
เมื่อถามต่อว่า แสดงว่าตอนนี้นายทักษิณและพรรคเพื่อไทยเผชิญทั้งโจทย์บ้านใหญ่ที่ตัวเองเล่นเกม กำลังเดินเกมแบบนี้อยู่ และเผชิญทั้งบริบททางการเมืองที่เปลี่ยนไป มีคนรุ่นใหม่เข้ามาอีกใช่หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ทั้งสองโจทย์ เพราะต้องยอมรับโดยเฉพาะจังหวัดปริมณฑล ประชากรที่มาใช้สิทธิใช้เสียง ถ้าจากบ้านใหญ่ก็ต้องจากประชากรที่ติดพื้นที่ แต่ประชากรที่จริงๆ แล้วในปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ เหล่านี้บางคนเป็น คนกรุงเทพฯ ไปอยู่ ฉะนั้นไม่ได้ผูกพันกับท้องถิ่น แต่ไปผูกพันกับผลงาน นโยบาย แล้วมาเลือก
ในขณะเดียวกัน คนที่อยู่ปทุมธานีแต่ท้องถิ่นไม่ได้สนใจ แต่เมื่อเลือกตั้งใหญ่ก็จะกลับมา แต่เมื่อจะมาลงแน่นอนคนเหล่านั้นไม่ได้ผูกพันกับสส.ในพื้นที่ ก็จะดูนโยบายพรรคเป็นหลัก พรรคก้าวไกลถึงได้เปรียบและชนะที่ปทุมธานีที่ผ่านมา เพราะประชากรตรงนี้ของบริบทปริมณฑลต่างจากจังหวัดใหญ่อื่นๆ ที่ห่างจากกรุงเทพฯ