บทบาทที่โตขึ้นของ ‘มิ้นต์ ชาลิดา’ กับชีวิตที่บาลานซ์ได้อย่างลงตัว
บทบาทที่โตขึ้นของ ‘มิ้นต์ ชาลิดา’ กับชีวิตที่บาลานซ์ได้อย่างลงตัว
เป็นอีกนักแสดงที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมานานสำหรับนางเอกหน้าหวาน มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง แต่ล่าสุดก็ได้พลิกบทบาทสุดท้าทาย กับบท ‘อลิศ’ ในเรื่องละครเรื่อง ร้อยเล่มเกมส์ออฟฟิศ ทางช่อง 3 ที่ได้ประกบคู่กับพระเอกสุดฮอตอย่าง นน ชานน สันตินธรกุล โดยเธอได้เล่าว่าเรื่องนี้ถือว่าเป็นมิติใหม่ที่ไม่เคยเล่นมาก่อน เพราะว่าค่อนข้างห่างบทแบดๆ แบบนี้มานาน ตั้งแต่เรื่องดงผู้ดี ที่ตอนนั้นเธออายุ 14 ขวบ ซึ่งสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเธออยากจะเล่นเรื่องนี้ เพราะมันมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น และเข้ากับยุคสมัยนี้
เพราะฉะนั้นการตัดสินใจมารับบทบาทที่เป็นตัวละครที่มีทั้งด้านดีและไม่ดีนั้น เจ้าตัวก็ตอบอย่างชิลๆ ว่าคิดไม่ยากเลย เพราะตัวเธอเองอยากเล่นอะไรแบบนี้มานานแล้ว พอมีการติดต่อมา และดูมู้ดแอนด์โทนก็ตัดสินใจเล่นเลย ซึ่งมีความแปลกใหม่ทั้งมุมมองของการเล่าเรื่องด้วย รวมถึงคาแร็กเตอร์ที่ตัวเธอเองก็ไม่เคยเล่นแบบนี้มาก่อน
“ความประทับใจแรกของบทบาทนี้ คือ อลิศ เป็นผู้หญิงทำงาน เขาไม่ใช่คนไม่ดี แต่มาทำงานก็อยากได้งาน เขาไม่อยากได้เพื่อน เขาอยากได้เงิน จึงทำให้เขาไม่ได้สนใจอะไรมาก มองไปแค่จุดประสงค์หลักที่เขาอยากได้”
แม้บทบาทของอลิศ อาจจะไม่ถูกใจใครหลายๆ คนนัก แต่เจ้าตัวกลับให้ความเห็นอีกแง่มุมหนึ่งว่า
“พอคนดูแล้วรู้สึกไม่ชอบเลย เรากลับรู้สึกว่าอย่างนี้สิดี เพราะอลิศ เขาเป็นคนแบบนี้ เขาก็สมควรจะได้รับ น่าโดนหยุมหัวที่สุดในออฟฟิศแล้ว ก็เลยเป็นมุมมองที่ถ้าเราได้ลองเล่นบทอะไรใหม่ๆ มันก็เป็นมิติใหม่สำหรับตัวมิ้นต์เองด้วยที่ไม่เคยเล่น”
ดังนั้นเธอจึงพร้อมรับมือกับในทุกสถานการณ์ เพราะด้วยความที่อายุการทำงานของเธอนั้นยาวนานพอสมควร เพราะฉะนั้นการที่เธอจะได้เล่นอะไรแบบนี้ ถือว่าเป็นความโชคดีที่ให้คนเห็นความสามารถของเธอที่ไม่จำเป็นต้องเล่นในกรอบเดิมๆ
“มันก็ตอบโจทย์กับไอเดียมิ้นต์ในการพลิกผันหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น ว่าเราอยากลองอะไรใหม่ๆ ก็เลยคิดว่าถ้าคนอินแล้วคนไม่ชอบก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จ”
กับการมารับบทนางเอกร้ายแบบนี้หากใครจะติดภาพเธอก็ว่าไม่ใช่ปัญหา หากจะกลับมาเป็นนางเอกไม่ได้ เพราะยิ่งถ้าเราได้เล่นอะไรใหม่ๆ มันยิ่งทำให้คนได้เห็นเรามากขึ้น
นอกจากทำงานเบื้องหน้าแล้ว นางเอกสาวยังขยับมาทำงานเบื้องหลัง โดยการชิมลางเป็นผู้จัดละคร ซึ่งจุดเริ่มต้นมาจากที่ กึ้ง เฉลิมชัย มหากิจศิริ อยากสร้างซีรีส์ขึ้นมา และเห็นว่านางเอกสาวอยู่ในวงการมานาน อีกทั้งยังเป็นที่น่าไว้วางใจ
“ในเมื่อเขาไว้วางใจ เราก็ลองดูว่าเราจะทำได้ไหม”
“เราก็ลองทำเหมือนกับที่ทำธุรกิจ เป็นซีรีส์วัยรุ่น เพราะว่ามิ้นต์ทำงาน ก็อยากจะลองไปอยู่ในทุกๆ ฝ่าย ไปจอยกับคนเขียนบท นั่งฟัง ดูคอมเมนต์ แล้วเวลาไปทำงานก็ดูว่าเขาทำอะไรกันบ้าง คาดว่าปลายปีนี้น่าจะได้เปิดกล้อง“
ซึ่งงานนี้นางเอกสาวถึงกับยกนิ้วโป้งขึ้นมายืนยันว่าจะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน
กับเรื่องความรักของเธอกับแฟนหนุ่ม ภูผา เตชะณรงค์ ที่เดินทางเข้าสู่ปีที่ 13 ของการคบหาดูใจกัน แม้ดูเหมือนจะเป็นความรักที่ไม่หวือหวา และดูเหมือนว่าแฟนหนุ่มของเธอมักจะชอบติดปลีกวิเวกเสียมากกว่า ซึ่งนางเอกสาวก็ยอมรับตรงๆ ว่าในขณะนี้แฟนหนุ่มของเธอก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
“เหมือนมิ้นต์กับเขาเจอกันมาทุกรสชาติของชีวิต สมัยก่อนมิ้นต์ก็คาดหวังอีกแบบนึง พี่ภูผาก็คาดหวังอีกแบบนึง แล้วพอเราเริ่มมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เขาก็มีธุรกิจของเขา เราก็ทำร่วมกัน ปัญหาต่างๆ มันก็เกิด คือมันก็ผ่านมาหมดแล้ว ทุกวันนี้มันแทบจะเซ็ต ซึ่งมันไม่มีอะไรต้องปรับต้องจูนกันแล้ว”
ส่วนปัญหาก่อนหน้านี้ที่คิดว่าแฟนหนุ่มจะบวชตลอดชีวิตนั้น ก็คลี่คลายลงไปได้ด้วยดี เพราะด้วยความที่ตัวเธอเป็นคนที่อยากรู้แล้วต้องพูดคุย-ถาม-ตอบ
“ถ้าเกิดตอบปีนี้ไม่ได้ก็ไปคิดก่อนได้ เมื่อไหร่ก็ค่อยมาตอบมิ้นต์ก็ได้ แล้วมิ้นต์ก็เป็นสายชิลแล้วก็ไม่ค่อยคาดหวัง“
พร้อมอธิบายต่อว่า ”ไม่ได้คาดหวังว่าปีหน้าจะต้องแต่ง ปีหน้าจะต้องได้อันโน้นอันนี้ มิ้นต์เป็นสายที่ไปเรื่อยๆ ได้เท่าไหนก็เท่านั้น จังหวะชีวิตพามาเท่านี้ก็จะไม่คาดหวังไกล ก็เลยไม่คาดหวังคำตอบ”
และสำหรับตัวเองแล้วก็มีคำตอบที่ชัดเจน “มิ้นต์เป็นคนที่คุยกับตัวเองบ่อย ก็เลยอยากรู้ว่า ถ้ามันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นแค่นี้เราไปนะ เราก็มีจุดที่สุดของเราเหมือนกัน ก็เลยรู้สึกว่าที่เขาทำมา มันไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นที่แยกจากกันไปนะ”
แต่กระนั้นมันก็มีจุดคัตเอาต์ “ดังนั้นที่เหลือมันมาจากเขา ถ้าเขายังตอบเราไม่ได้แล้วปล่อยให้เรารอนานเป็นปี งั้นก็กู๊ดบายมายเฟรนด์ไปเลยนะ”
“ถ้าเปรียบเทียบเขา เขาก็คือคนที่ดีมาก ไม่เที่ยวไม่อะไร มีทั้งความสันติและความสันโดษ คือทุกวันนี้จะหาคนแบบนี้ได้อีก มันก็ยากแล้ว แล้วเขาชอบอยู่เขาใหญ่ ก็เลยทำให้เราชอบเหมือนกัน”
ซึ่งแม้ว่าจะดูแตกต่างกัน แต่ว่าก็มีตรงกลางที่สามารถบาลานซ์เข้าหากันได้
จากเมื่อก่อนที่ค่อนข้างให้ความสนใจกับคอมเมนต์ที่เข้ามา
“แต่ตอนนี้อาจจะเป็นเพราะว่าเราหล่อหลอม เราอยู่วงการมานานแล้วก็โดนคำต่างๆ มาเยอะ มันคือภูมิคุ้มกัน คือวัคซีนโควิดดีๆ นี่เอง เลยทำให้เราเข้าใจอะไรได้มากขึ้น หรือเวลาเราเจอคอมเมนต์ด้านลบถ้ามันเป็นสิ่งดีก็เอามาแก้ แต่ถ้ามันไม่ใช่ ทุกวันนี้เราสามารถตัดได้เลย”
ซึ่ง “มิ้นต์คิดว่าตอนนี้บาลานซ์ทุกอย่างได้ลงตัว ทั้งเรื่องงานต่างๆ มันหลากหลายสำหรับมิ้นต์ในปีนี้”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : บทบาทที่โตขึ้นของ ‘มิ้นต์ ชาลิดา’ กับชีวิตที่บาลานซ์ได้อย่างลงตัว
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th