ทำไมคนฝรั่งเศสหันมาเลือก "พรรคฝ่ายขวาจัด" ?
ทำไมคนฝรั่งเศสหันมาเลือก "พรรคฝ่ายขวาจัด" ?
พรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดของฝรั่งเศส อย่างพรรคเนชั่นแนลแรลลี (National Rally) หรือเอ็นอาร์ กลายเป็นพรรคที่มีคะแนนนำในการเลือกตั้งรัฐสภารอบแรกที่จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ ด้วยคะแนนเสียงถึง 33%
กลุ่มพันธมิตรฝ่ายซ้ายอย่าง นิว ป๊อปปูลาร์ ฟรอนท์ หรือ เอ็นพีเอฟ ได้คะแนนเสียงตามมาเป็นอันดับสอง ที่ 28% ในขณะที่พันธมิตรของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง อยู่ในอันดับสามด้วยคะแนนเสียงประมาณ 21%
ด้านประธานาธิบดีมาครงได้เรียกร้องให้พรรคการเมืองฝ่ายกลางและฝ่ายซ้ายรวมตัวกันเพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายขวาจัดชนะการควบคุมรัฐสภาได้
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวฝรั่งเศสหันไปสนับสนุนพรรคที่นำโดย มารีน เลอ เปน และ จอร์แดน บาร์เดลลา อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งใดทำให้พวกเขาชนะการเลือกตั้งรัฐสภารอบแรกของฝรั่งเศสเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
อแลง ดูฮาเมล นักวิเคราะห์ข่าวที่คร่ำหวอดของฝรั่งเศส ออกมาวิจารณ์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ความจริงที่ว่า สิ่งนี้อาจเป็นไปได้ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์
1) เหตุผลภายในประเทศและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
ปัญหาที่อยู่ในลำดับต้น ๆ ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งคือ วิกฤตค่าครองชีพ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของพวกเขา นี่รวมถึงราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น การเข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุข และความกลัวอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นซึ่งชาวฝรั่งเศสเรียกว่า “ความไม่มั่นคง(ในชีวิต)”
แม้ว่าเศรษฐกิจของฝรั่งเศสโดยทั่วไปจะดีอยู่แล้ว แต่ในฝั่งภูมิภาคที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ ผู้คนบอกกับบีบีซีว่า พวกเขารู้สึกถูกละเลย พวกเขาบอกว่าการจัดสรรงบประมาณและความสนใจถูกทุ่มไปที่เมืองใหญ่ ขณะที่อัตราการว่างงานในบางพื้นที่สูงและอาจถึง 25%
นอกจากนี้ยังมีประเด็นว่าผู้คนท้องถิ่นไม่สามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้ ในขณะที่บางพื้นที่โรงเรียนต้องปิดเนื่องจากการตัดงบประมาณ หลายคนยังรู้สึกไม่พอใจเนื่องจากศูนย์สุขภาพหลายแห่งในท้องถิ่นถูกปิดเพื่อให้ความสำคัญกับศูนย์สุขภาพขนาดใหญ่ในเมือง
ศาสตราจารย์โธมัส พิกเคตี บอกกับบีบีซีว่า ผู้ชนะจากกระบวนการโลกาภิวัตน์เป็นกลุ่มสนับสนุนหลักของนายมาครง ขณะที่ผู้ที่รู้สึกว่าถูกทิ้งไว้เบื้องหลังกำลังเอนเอียงไปทางฝ่ายขวาจัด
ศ.พิกเคตี ผู้เขียนหนังสือขายดี "Capital in the 21st Century" [อาจแปลเป็นภาษาไทยว่า "ทุนนิยมในศตวรรษที่ 21"] ระบุว่า มีกลุ่มสนับสนุนขนาดใหญ่ “ในเมืองเล็ก ๆ ที่สูญเสียสัดส่วนในอุตสาหกรรมครั้งใหญ่และมีความยากลำบากในการเข้าถึงบริการสาธารณะ เส้นทางรถไฟถูกปิด โรงพยาบาลถูกปิด การศึกษาบุตรหลานของคุณเป็นเรื่องยากเมื่อคุณอาศัยอยู่ห่างไกลจากเมืองใหญ่”
แพทริกซึ่งมาจากเมืองปงโตล์-กงโบล์ (Pontault-Combault) ทางตะวันออกของปารีส โหวตให้พรรคฝ่ายขวาจัดอย่างเอ็นอาร์ ในการเลือกตั้งยุโรป และบอกกับบีบีซีว่า "ผู้คนต้องการการเปลี่ยนแปลงที่นี่และพวกเขามีแรงจูงใจที่จะโหวต" เขากล่าว "พวกเขาไม่พอใจเมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัยบนท้องถนน"
ออเรลี พนักงานสาวทำความสะอาดวัย 37 ปีที่มีลูกชายอายุสองขวบ ในเมืองอาเมียงส์ ทางตอนเหนือของฝรั่งเศสที่มาครงเติบโตขึ้น บอกว่าประเด็นหลักที่เธอเห็นด้วยกับนโยบายของพรรคเอ็นอาร์คือเรื่อง ความปลอดภัย
"ฉันตื่นและออกไปทำงานทุกเช้าเวลา 04:30 น. ฉันเคยขี่จักรยานหรือเดินไปที่ไหนก็ได้ในอาเมียงส์ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้ฉันจึงใช้รถยนต์แทน" เธอบอกกับบีบีซี
"มักจะมีชายหนุ่มรวมตัวอยู่ทั่ว ๆ ไป และฉันรู้สึกกลัว"
นอกจากนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งยังกังวลเรื่องระบบบำนาญ ซึ่งมาครงได้ลงนามในกฎหมายเมื่อปีที่แล้วเกี่ยวกับการปฏิรูประบบบำนาญของรัฐบาล ที่เพิ่มอายุบำนาญจาก 62 ปีเป็น 64 ปี
มาครงกล่าวว่า การปฏิรูปนั้นจำเป็นเพื่อป้องกันระบบบำนาญจากการล่มสลาย
ราคาค่าไฟฟ้าและก๊าซเพื่อให้ความร้อนในบ้านแพงขึ้นอย่างมากในช่วงหลังเป็นประเด็นใหญ่สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และผู้นำพรรคเอ็นอาร์ จอร์แดน บาร์เดลลา ได้กล่าวว่าเขาจะเน้นไปที่การลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับพลังงานและสินค้าจำเป็น 100 รายการ และยกเลิกการปฏิรูประบบบำนาญของรัฐบาลในเวลาไม่กี่เดือน
2) ไม่พอใจกับระบบที่มีอยู่
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมักกล่าวว่า ระบบการเมืองไม่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขา และพรรคเอ็นอาร์ยังไม่เคยได้รับโอกาสในรัฐบาล ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงจึงอาจเป็นเรื่องดีที่สุดตอนนี้
"ผมพอใจ เพราะเราต้องการการเปลี่ยนแปลง" ฌอง-โคลด แกลเลต์ วัย 64 ปี จากเมืองเอแนง-โบมงต์ ซึ่งเป็นฐานเสียงที่มั่นคงของมารีน เลอ เปน บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์หลังการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์
"สิ่งต่าง ๆ ไม่เคลื่อนไหว และมันต้องเคลื่อนไหว"
ผู้สนับสนุนพรรคเอ็นอาร์ อีกคนหนึ่งอย่าง มาร์เกอริต วัย 80 ปี จากเอแนง-โบมงต์กล่าวว่า “พวกเขา [พรรคเอ็นอาร์] สามารถทะลวงผ่านไปได้ [ชนะเลือกตั้ง] เพราะผู้คนรู้สึกเบื่อหน่าย ดังนั้นตอนนี้ผู้คนจึงพูดว่า ‘เราไม่สนใจแล้ว มาลงคะแนนเสียงและดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น’
“แต่ตอนนี้ ฉันกลัวว่าพรรคการเมืองอื่น ๆ จะขัดขวาง เราลงคะแนนเสียงแล้ว นี่คือผลลัพธ์ที่เราได้ เราต้องยอมรับมันและดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
แต่ชาวเมืองโออิกนีส์ (Oignies) ที่อยู่ใกล้เคียง ยามินา อัดดู (Yamina Addou) กล่าวว่าเธอตกใจกับความสำเร็จของพรรคเอ็นอาร์
เธอบอกว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งถูกชักจูงให้สนับสนุนฝ่ายขวาจัด และการตัดสินใจของพวกเขาอาจนำไปสู่การแบ่งแยกที่ร้ายแรงและอันตรายในสังคมฝรั่งเศส
“แน่นอนว่าฉันตกใจ ฉันพบว่ามันน่าเศร้ามาก เพราะฉันไม่คิดว่าผู้คนตระหนักรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น พวกเขาคิดแต่เรื่องกำลังซื้อและเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นระยะสั้นและมองเห็นได้ง่าย
“แต่เบื้องหลังนั้น มีความคิดและการชักจูงมากมาย ซึ่งจะนำเราเข้าสู่สงครามประเภทต่าง ๆ มันจะไม่เหมือนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง แต่มันจะซับซ้อนกว่ามาก และผู้คนไม่ตระหนักว่าเราจะจบลงด้วยสงครามกลางเมือง นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด และคนอย่างพวกเราจะเป็นผู้ที่ต้องทนทุกข์”
หลายคนกล่าวว่า ประธานาธิบดีมาครงเป็นผู้รับผิดชอบต่อวิกฤตทางการเมืองในปัจจุบัน
หลายคนกล่าวโทษต่อประธานาธิบดีมาครงสำหรับวิกฤตในปัจจุบันที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่
โซฟี เพดเดอร์ หัวหน้าสำนักงานปารีสของนิตยสาร ดิ อิโคโนมิสต์ (The Economist) บอกกับบีบีซีว่า “เขาสร้างขบวนการประนีประนอมเพื่อนำคนจากทุกแนวทางการเมืองมารวมกัน มันได้ผลและสามารถยุติการทะเลาะเบาะแว้งที่ไม่มีที่สิ้นสุดในรัฐสภาและระหว่างฝ่ายสองฝ่ายได้
"แต่ผลลัพธ์คือผู้ที่มีแนวทางปานกลางทั้งซ้ายและขวาต่างเข้าร่วมพรรคการเมืองของมาครง และนั่น [ทำให้] เหลือทางเลือกเดียว [สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง] คือการลงคะแนนให้กลุ่มที่มีความคิดทางการเมืองแบบสุดโต่ง”
3) แก้ปัญหาผู้อพยพและความกลัวต่ออัตลักษณ์ความเป็นฝรั่งเศส
นักวิเคราะห์รายหนึ่งบอกว่า ความคิดเห็นของสาธารณชนในฝรั่งเศสได้ก่อตัวขึ้นเพื่อต่อต้านการอพยพเข้าประเทศในช่วงสิบปีที่ผ่านมา
ทว่า ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า นี่เป็นแนวคิดหลักของกลุ่มชุมชนผู้อพยพ และพรรคเองก็ยังไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าจะ "การดำเนินการ" ใดบ้าง นอกเหนือจากกฎหมายที่มีอยู่
ไลลา อับบูด์ หัวหน้าสำนักข่าวไฟแนนซ์เชียลไทมส์ (Financial Times) ประจำกรุงปารีสกล่าวว่า "ความเห็นของสาธารณชนในฝรั่งเศสหันมาต่อต้านการอพยพเพิ่มขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา คุณอาจจะย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของวิกฤตผู้ปพยพจากสงครามซีเรียในปี 2015 นักการเมืองเองก็เปลี่ยนจุดยืนเพื่อให้สอดรับกับสิ่งที่พวกเขาเห็นว่ากำลังเปลี่ยนแปลงไปรอบ ๆ ตัว"
เมื่อพูดถึงเรื่องสหภาพยุโรป พรรคเอ็นอาร์สัญญาว่าจะยุติแนวทางในการยึดเอากฎหมายแห่งสหภาพยุโรปเป็นหลักสำคัญสูงสุด (primacy of European laws) [สิ่งนี้หมายความว่า หากกฎหมายของสหภาพยุโรปขัดกับกฎหมายท้องถิ่นของประเทศสมาชิก จะให้ยึดกฎหมายของสหภาพยุโรปเป็นหลัก] แนวทางเช่นนี้คือ หลักสำคัญของสหภาพยุโรป
ทว่า การต่อต้านองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต รวมไปถึงการต่อต้านนโยบายจากสหภาพยุโรป ดูจะมีทีท่าอ่อนลง เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของพรรคเอ็นอาร์กับผู้นำรัสเซียอย่าง วลาดิเมียร์ ปูติน
การออกจากสหภาพยุโรปก็ไม่ได้อยู่ในวาระสำคัญของพรรคนับตั้งแต่ปี 2022
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มารีน เลอ เปน ผู้นำพรรคเอ็นอาร์ ได้พยายามทำให้พรรคของเธอเป็นที่ยอมรับและเป็นกระแสหลักมากขึ้นในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวฝรั่งเศส
เธอได้โยคจุดยืนของพรรคออกจากรากฐานต่อต้านยิวและแนวคิดสุดโต่งของพ่อของเธอ ฌอง-มารี เลอ เปน และผู้ก่อตั้งพรรคเอ็นอาร์อื่น ๆ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อพรรคจาก "National Front" มาเป็น "National Rally"
อย่างไรก็ตาม พรรคนี้ยังคงเป็นการเป็นพรรคประชานิยม มีแนวความคิดต่อต้านสหภาพยุโรป (Eurosceptic) และต่อต้านผู้อพยพอย่างรุนแรง
ผู้นำคนปัจจุบันของพรรคดังกล่าวคือ จอร์แดน บาร์เดลลา เขากล่าวว่า เขาต้องการห้ามผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสคู่กับสัญชาติอื่น โดยเรียกพวกเขาว่าพวก "ครึ่งชาติ"
เขายังต้องการจำกัดสวัสดิการสังคมสำหรับผู้อพยพและยกเลิกสิทธิอัตโนมัติในการเป็นพลเมืองฝรั่งเศสสำหรับเด็กที่มีพ่อแม่เกิดในต่างประเทศ
ส่วนการห้ามสวมผ้าคลุมศีรษะในที่สาธารณะยังไม่ใช่ความสำคัญลำดับแรก ๆ ในตอนนี้
พรรคนี้เล่นกับความกลัวว่าผู้อพยพ โดยเฉพาะชาวมุสลิม จะไม่สามารถรวมตัวเข้ากับสังคมฝรั่งเศสได้ ตัวอย่างเช่น ผู้สมัครคนหนึ่งชื่อ อิวานกา ดิมิโทรวา บอกกับบีบีซีว่าพรรคนี้จะดำเนินการต่อต้านผู้อพยพที่ต้องการใช้กฎหมายศาสนาของพวกเขาเหนือกฎหมายของชาติฝรั่งเศส
4) กลุ่มขวาจัดบนโซเชียลมีเดียเป็นอย่างไร
NR leader Jordan Bardella has been effective on social media, especially Tiktok
พรรคเอ็นอาร์ รณรงค์อย่างประสบความสำเร็จด้วยคำขวัญและแนวคิดง่าย ๆ โดยเล่นกับความกลัวของผู้คนที่ว่าพวกเขาจะสูญเสียอัตลักษณ์ความเป็นฝรั่งเศสไป รวมทั้งวิกฤตค่าครองชีพที่ส่งผลกระทบกว้างขึ้น
พวกเขาใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มโปรไฟล์ของพรรคและทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งรู้สึกว่า พวกเขาน่าเชื่อถือและคุ้นเคยกับพรรค
“ในฝรั่งเศส เราเรียกจอร์แดน บาร์เดลลาว่า นักการเมืองติ๊กตอก เพราะเขาเป็นนักการเมืองที่ใช้โซเชียลมีเดียและรู้สึกสบายใจกับมัน” แวงซอง เลอบรู จากมหาวิทยาลัยฟรองช์-กงเต บอกกับรายการนิวส์ไนท์ (Newsnight) ของบีบีซี
“มันเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มโปรไฟล์ของเขาอย่างมาก คุณไม่รู้แน่ชัดว่าเขาเสนออะไร แต่คุณเห็นมันมากมาย”
“หลายคนไม่ได้เป็นพวกเหยียดเชื้อชาติ” ชาร์ล คูลิโอลี ผู้สมัครจากพรรคฝ่ายซ้ายสุดโต่งอย่าง เอ็นพีเอฟ ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งแข่งกับพรรคเอ็นอาร์ กล่าว “พวกเขาแค่เบื่อหน่ายกับระบบ พวกเขาเบื่อหน่ายกับนโยบายของมาครง และสิ่งต่าง ๆ ที่ไปสัญญากับพวกเขาไว้”