Uptick ได้ผล ต่างชาติพลิกซื้อ 338 ล้าน Short Sell ลดกว่า 79% จากค่าเฉลี่ยปี 67
หลังตลาดหลักทรัพย์ ฯ ประกาศใช้ Uptick Rule วันแรกเมื่อ 1 กรกฏาคม 2567 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน โดยการควบคุมเรื่อง Short Sell นั้น
บล.เอเซีย พลัส ประเมินภาพรวมว่าการใช้กฏ Uptick วันแรก ผลลัพธ์ถือว่าทำงานได้ดี และน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นค่อยๆ ยึดกระดานตลาดหุ้นไทย คืนจากต่างชาติได้ ด้วยเหตุผลต่างๆ ดังนี้
- ต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิเล็กน้อยในตลาดหุ้นไทยที่ 337.97 ล้านบาท (หลังจากขายสุทธิติดต่อกันยาวนานถึง 27 วันทำการกว่า 5.16 หมื่นล้านบาท)
- ต่างชาติสลับมา LONG สุทธิ SET50 FUTURES 1,984 สัญญา (หลังจากขายสุทธิติดต่อกัน 3 วัน)
- สัดส่วนการ Short Sell เหลือเพียง 3.7% ของมูลค่าซื้อขาย และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในปีนี้(YTD) ที่ 12.9%
- มูลค่าธุรกรรม Short Sell ลดลงเหลือ 1.2 พันล้านบาท ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย Short Sell ในปีนี้ (YTD) ที่ 5.5 พันล้านบาทต่อวัน หรือลดลงกว่า 79% และเป็น % ที่ลดลงเท่ากับช่วงที่ใช้มาตรการ UPTICK ตอนเกิด COVID-19 พอดี
- ปริมาณการ Short Sell ผ่าน NVDR เหลือเพียง 392 ล้านบาท น้อยกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 1 เดือนกว่าๆ ที่ 3.1 พันล้านบาทต่อวัน หรือลดลงกว่า 87%
ทั้ง 5 ส่วนที่กล่าวมา แสดงให้เห็นถึง MOMENTUM ที่ต่างชาติชะลอการ Short Sell ปกติ และ Short ผ่าน NVDR รวมถึงขายสุทธิน้อยลง ที่สำคัญคือ เริ่มเห็นสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนไทยในวันที่ 1 ก.ค. 24 ที่กลับมาเกินครึ่งหนึ่ง หรืออยู่ที่ 55.3% มาจากนักลงทุนรายย่อยถึง 37.7% และกองทุน 8.7% ซึ่งคาดว่าสัดส่วนการซื้อขายของกองทุนจะค่อยๆเร่งตัวขึ้นหลังมีกองทุน THAIESG เข้ามา น่าจะหนุนให้สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 11% - 13% เหมือนช่วงที่มีกองทุน LTF ในปี 2560 – 2563 ได้
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย ระบุว่าได้ทำการค้นหา หุ้นที่ถูก Short Sell เยอะในช่วงที่ตลาดเริ่มผันผวนจากประเด็นการเมืองจนถึงปัจจุบัน (21 พ.ค.-28 มิ.ย.67) ทำให้หุ้นหลายตัวมียอด Short คงค้าง ลดลงอย่างมีนัยฯ จึงเป็นโอกาสทยอยสะสมสำหรับหุ้นพื้นฐานดีในหุ้นกลุ่มนี้ รวมถึง หุ้นลงมาลึกหวังรีบาวด์ ระยะถัดไป อาทิ EA AOT GULF SCC CPAXT IVL CPALL CPN GPSC PTTGC เป็นต้น
ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า กระแสเงินทุนต่างชาติได้พลิกสถานะเป็นซื้อสุทธิ 338 ล้านบาท เป็นบวกครั้งแรกในรอบ 28 วัน ประเมินสาเหตุหลักเป็นผลของการบังคับใช้มาตรการ Uptick Rule วานนี้ โดยกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่า ตลาดได้แก่ พลังงาน, ปิโตรเคมี, อิเล็กทรอนิกส์ และ อสังหาริมทรัพย์ .
ทั้งนี้ แม้มาตรการ Uptick อาจยังไม่ส่งผลให้เกิดการทำ Short Covering อย่างมีนัยสำคัญในช่วงสั้น แต่ประเมินจะเป็นปัจจัยช่วยจำกัด Downside Risk ของตลาด โดยเฉพาะหลังตลาดตอบรับเชิงลบจากการปรับลดประมาณการ EPS ของ SET Index เป็น 91 บาทต่อหุ้น ไปแล้วในสัปดาห์ก่อนหน้า